สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 424 ตัดสินใจขั้นเด็ดขาด
ตอนที่ 424 ตัดสินใจขั้นเด็ดขาด
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ลำบากเจ้าแล้ว ลุกขึ้นก่อนเถิด เจ้าตามข้าไปพบแม่ทัพใหญ่ด้วย”
“ขอรับ!” ตู้ซานเป่ารีบลุกขึ้นยืน เดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนมุ่งหน้าไปยังที่พักของแม่ทัพใหญ่พร้อมกับหลูผิง
ตู้ซานเป่ารู้เรื่องที่แม่ทัพใหญ่หลิวหงมาถึงตั้งแต่ที่เขากลับมาถึงเมืองหลงหยาง ในเมื่อแม่ทัพใหญ่มาถึงแล้ว หากต้องการออกไปช่วยเกาอี้เซี่ยนจู่ย่อมต้องขออนุญาตเขาก่อน
ตู้ซานเป่าตัดสินใจแน่วแน่ว่าหากแม่ทัพใหญ่อนุญาตให้ไป๋ชิงเหยียนไปช่วยเกาอี้เซี่ยนจู่ เขาจะติดตามไป๋ชิงเหยียนไปสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับนางด้วย
ไป๋ชิงเหยียนเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของแม่ทัพใหญ่ ยกมือคาราวะรองแม่ทัพของหลิวหง
“รบกวนรายงานแม่ทัพใหญ่ด้วยว่าข้าไป๋ชิงเหยียนมีเรื่องสำคัญขอเข้าพบ!”
รองแม่ทัพของหลิวหงทำความเคารพกลับไป๋ชิงเหยียนจากนั้นเอ่ยตอบ “จวิ้นจู่ ระหว่างเดินมายังเมืองหลงหยาง ท่านแม่ทัพใหญ่จับไข้ ตัวร้อนไม่ลด ทว่า เขาฝืนเดินทางมาถึงเมืองจนได้ บัดนี้ทานยาหลับพักผ่อนแล้วขอรับ…”
“ที่นี่คือสนามรบ! ไม่ใช่เมืองหลวง!” ไป๋ชิงเหยียนจ้องไปทางรองแม่ทัพของหลิวหงด้วยสายตาลุกวาว น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่ทรงพลัง
“สถานการณ์รบเร่งด่วน ต้องการการตัดสินใจขั้นเด็ดขาดของแม่ทัพใหญ่!”
รองแม่ทัพของหลิวหงเหงื่อซึม เขารู้ว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่รับมือยาก ดังนั้นหลิวหงจึงสั่งไว้ว่าไม่พบผู้ใดทั้งสิ้น
ทว่า จริงดังที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าว ที่นี่คือสนามรบไม่ใช่เมืองหลวง สถานการณ์รบเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขอเพียงแม่ทัพใหญ่ยังไม่ตาย เมื่อต้องการการตัดสินใจขั้นเด็ดขาด ต่อให้นอนซมอยู่ก็ต้องคลานขึ้นมาให้ได้ เพราะการตัดสินใจของแม่ทัพใหญ่มีผลต่อชัยชนะของกองทัพ มีผลต่อชีวิตของทหารทุกคนในกองทัพ
“สถานการณ์เร่งด่วน หากเสียเวลาแล้วเกิดสิ่งใดขึ้นท่านจะรับผิดชอบหรือไม่” ตู้ซานเป่าเอ่ยถามรองแม่ทัพของหลิวหงอย่างกล้าหาญ
เกาอี้เซี่ยนจู่พาทหารสามพันนายออกไปช่วยเหลือแม่ทัพจางตวนรุ่ยโดยไม่มีเสบียงอาหารเกือบครึ่งเดือนแล้ว ไม่รู้ว่าเกาอี้เซี่ยนจู่และสหายเหล่านั้นจะเป็นไรบ้าง พวกเขาชักช้ามากเท่าใด เกาอี้เซี่ยนจู่ก็จะมีอันตรายมากขึ้นเท่านั้น รองแม่ทัพของแม่ทัพใหญ่ยังจะมากล่าวไร้สาระอยู่ตรงนี้อีก
รองแม่ทัพของหลิวหงรู้ดีว่าตนรับผิดชอบไม่ไหว เขาเม้มปากแน่น ครู่หนึ่งจึงกล่าวขึ้น “จวิ้นจู่รอสักครู่ขอรับ ข้าจะเข้าไปรายงานท่านแม่ทัพใหญ่ขอรับ”
หลิวหงถูกรองแม่ทัพประคองให้ลุกขึ้นอย่างสะลึมสะลือ ลำคอของเขาแห้งผาด เจ็บข้อต่ออย่างรุนแรง
“มีเรื่องอันใด”
“เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ไม่ได้บอกขอรับ ทว่า ข้าเห็นว่าด้านหลังของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่มีทหารสวมเครื่องแบบตามมาด้วยขอรับ เขาน่าจะเพิ่งกลับมาจากนอกเมือง อาจมีรายงานสำคัญขอรับ” รองแม่ทัพกล่าวหับหลิวหง
หลิวหงเอื้อมมือไปนวดหน้าผาที่ยังคงปวดตุบๆ รู้ว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน เขาชี้ไปที่เสื้อผ้าของตัวเองสื่อให้รองแม่ทัพช่วยเขาแต่งกาย จากนั้นกล่าวขึ้น “เชิญเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เข้ามาได้!”
ไป๋ชิงเหยียนพาหลูผิงและตู้ซานเป่าเดินเข้ามาด้านใน ทำความเคารพหลิวหง
หลูผิงนำมวนไม้ไผ่ซึ่งสรุปผลสอบสวนของทหารกองทัพจ้าวไปวางบนโต๊ะตรงหน้าหลิวหง ตู้ซานเป่ากำหมัดรายงาน
“ท่านแม่ทัพใหญ่ วันนี้ข้าได้รับคำสั่งให้ออกไปเผาคลังเสบียงของต้าเหลียง ระหว่างเดินทางกลับจับทหารของศัตรูได้สองนาย ข้าแยกสอบสวนพวกเขาจนได้ความว่าบัดนี้แม่ทัพกู้แห่งต้าเหลียงนำกำลังหทารหนึ่งหมื่นนายมุ่งหน้าไปยังภูเขาหั่วเสิน ข้าคิดว่าพวกน่าจะเดินทางไปล้อมเกาอี้เซี่ยนจู่ขอรับ!”
หลูผิงกล่าวต่อ “วันนี้ข้าสอบสงนทหารกองทัพจ้าวที่ลอบบุกเข้ามาในเมือง ไม่เพียงสืบรู้ที่ตั้งของคลังเสบียง แต่ยังรู้อีกว่าบัดนี้เกาอี้เซี่ยนจู่ถูกล้อมอยู่ที่ภูเขาหั่วเสินขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดคาราวะหลิวหง “แม่ทัพใหญ่ได้โปรดอนุญาตให้ข้านำกำลังทหารห้าพันนายไปช่วยคนที่ภูเขาหั่วเสินด้วยเจ้าค่ะ!”
หลิวหงพยักหน้า การช่วยเหลือคนคือเรื่องสำคัญ
เขารู้ดีว่าที่ไป๋ชิงเหยียนเร่งเดินทางมาถึงเมืองหลงหยางก็เพื่ออยากช่วยเหลือเกาอี้เซี่ยนจู่
“ทว่า ตอนนี้กองกำลังเสริมยังมาไม่ถึง หากส่งทหารห้าพันนายออกไป แล้วกองทัพหลักของต้าเหลียงบุกโจมตีเมืองเล่า…” หลิวหงก็มีเรื่องที่ต้องกังวลเช่นเดียวกัน
“พรุ่งนี้เช้าแม่ทัพใหญ่จงสั่งให้คนนำศีรษะของทหารกองทัพจ้าวที่ลอบบุกเข้ามาในเมืองหลงหยางไปคืนยังค่ายทหารต้าเหลียง จากนั้นส่งสารท้ารบไปให้แม่ทัพใหญ่สวินเทียนจางในนามของแม่ทัพใหญ่ เดิมทีสวินเทียนจางก็ไม่มั่นใจว่ากองกำลังเสริมของต้าจิ้นมาถึงแล้วหรือไม่ หากแม่ทัพใหญ่เดินทางมาถึงแล้ว สวินเทียนจางย่อมคิดว่ากองทัพเสริมของต้าจิ้นมาถึงแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบรับคำท้าและยิ่งไม่มีทางบุกโจมตีเมืองแน่นอน!” ระหว่างทางที่เดินมา ไป๋ชิงเหยียนเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว
หากคำนวณจากเวลา กองทัพเสริมของต้าจิ้นยังไม่น่าจะมาถึง ทว่า หลิวหงมาได้ทันเวลาพอดี ไป๋ชิงเหยียนส่งสารท้ารบไปก่อน ต่อมาแม่ทัพใหญ่คนใหม่ของต้าจิ้นก็ส่งสารท้ารบไปอีกครั้ง สวินเทียนจางต้องสังสัยไปอีกสักพักแน่นอน
ช่วงเวลาที่สวินเทียนจางกำลังลังเล ไป๋ชิงเหยียนมั่นใจว่าสามารถช่วยเหลือไป๋จิ่นจื้อออกมาได้ทัน
หลิวหงพยักหน้า จากนั้นเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนอย่างลังเล ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มือจับอยู่ที่ม้วนไม้ไผ่บนโต๊ะ จากนั้นกล่าวขึ้น “พรุ่งนี้เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ไปส่งสารท้ารบพร้อมกับข้าที่ค่ายทหารต้าเหลียง ข้าร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ต้องการผู้ที่ล้มศัตรูได้ในสามกระบวนท่าอย่างจวิ้นจู่อยู่กับข้าเพื่อเพิ่มความน่าเกรงขามให้กองทัพเราด้วย ส่งแม่ทัพหลินคังเล่อและหวังสี่ผิงนำกำลังทหารหนึ่งหมื่นนายไปช่วยเกาอี้เซี่ยนจู่ที่ภูเขาหั่วเสินน่าจะเหมาะสมกว่า เพราะพวกเขาอยู่ที่นี่มานานกว่าจวิ้นจู่ น่าจะคุ้นเคยกับภูมิประเทศแถบนี้ดีกว่าจวิ้นจู่มากนัก!”
หลิวหงยอมให้อย่างที่สุดแล้ว ทั้งสามารถส่งทหารไปช่วยเกาอี้เซี่ยนจู่และทำตามคำสั่งของฮ่องเต้ไปในคราวเดียวกัน
ไป๋ชิงเหยียนเม้มปากแน่น มองไปทางหลิวหงนิ่ง
หลิวหงเม้มปากสีขาวซีดและแห้งกรังแน่น กล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “ข้าทราบดีว่าจวิ้นจู่เป็นห่วงน้องสาว ทว่า จวิ้นจู่ร่างกายไม่แข็งแรง เดินทางมาทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ได้หยุดพัก แม้แต่ข้ายังทนไม่ไหว ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงสตรีอย่างจวิ้นจู่เลยขอรับ เกาอี้เซี่ยนจู่คือหลานสาวของเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิง คือผู้สร้างผลงานในสงครามที่หนานเจียง ย่อมต้องไปช่วยเหลือนางอยู่แล้ว ทว่า จวิ้นจู่ต้องการการพักผ่อนเช่นเดียวกัน นี่คือคำสั่งของแม่ทัพใหญ่!”
หลิวหงกล่าวออกมาจากใจ เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่และเกาอี้เซี่ยนจู่ล้วนเป็นทายาทของเจิ้นกั๋วอ๋อง หากอยู่ในสถานการณ์ที่สามารถช่วยได้ หลิวหงก็ไม่อยากเห็นสายเลือดของตระกูลไป๋ต้องเป็นอันใดไปอีก
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า
หลิวหงรีบให้รองแม่ทัพไปถ่ายทอดคำสั่ง ไป๋ชิงเหยียนหันหาหลูผิง
“ลุงผิง รบกวนท่านตามแม่ทัพหลินคังเล่อไปตามหาเสี่ยวซื่อด้วย!”
“ขอรับ!” หลูผิงกำหมัดรับคำ
“จวิ้นจู่วางใจได้ขอรับ ต่อให้แลกด้วยชีวิตของข้า ตู้ซานเป่าก็จะพาเกาอี้เซี่ยนจู่กลับมาอย่างปลอดภัยขอรับ” ดวงตาของตู้ซานเป่าเป็นประกายวาว
มองดูกลุ่มของหลูผิงและตู้ซานเป่าเดินจากไป หลิวหงถอนหายใจอย่างโล่งอก กล่าวกับไป๋ชิงเหยียนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “ข้าได้ยินว่าจวิ้นจู่ยังไม่ได้พักผ่อนเลยตั้งแต่มาถึงเมืองหลงหยาง บัดนี้ได้ข่าวของเกาอี้เซี่ยนจู่และส่งคนไปช่วยเหลือแล้ว จวิ้นจู่ไปพักผ่อนสักหน่อยเถิดขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนมองดูท้องฟ้าที่ค่อยๆ สว่างขึ้นจากหน้าต่าง หันกลับไปมองหลิวหงที่นั่งอยู่ในแสงตะเกียง เอ่ยขึ้นเสียงราบเรียบ
“แม่ทัพหลิวหงได้รับการแต่งตั้งเป็นแม่ทัพใหญ่ ก่อนออกเดินทางฮ่องเต้ทรงกำชับให้แม่ทัพหลิวหงคอยป้องกันข้าใช่หรือไม่”
หลิวหงกำหมัดแน่น สีหน้านิ่งขรึมลง “จวิ้นจู่กำลังสงสัยข้าหรือสงสัยในตัวฝ่าบาทขอรับ”
“ไม่กล้า!” สีหน้าของไป๋ชิงเหยียนราบเรียบ
“ทว่า ฮ่องเต้ทรงหวาดระแวงในตัวข้ามาก ดังนั้นข้าจึงลองถามดู แม่ทัพหลิวหงเคยมาส่งดวงวิญญาณของวีรบุรุษตระกูลไป๋ที่หน้าจวนไป๋ ไป๋ชิงเหยียนไม่เคยลืม ไป๋ชิงเหยียนเห็นท่านเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพคนหนึ่ง ดังนั้นวันนี้จึงอยากเปิดใจกับท่าน คนทั่วทั้งใต้หล้ารูดีว่าคนตระกูลไป๋จงรักภักดีมากเพียงใด ชาวบ้านแถบชายแดนคือคนที่ท่านปู่ ท่านพ่อและบรรพบุรุษทุกรุ่นของตระกูลไป๋ปกป้องไว้ด้วยชีวิต คนตระกูลไป๋ไม่มีทางกบฏ ยิ่งไม่มีทางคำนึงถึงแต่ประโยชน์ของตัวเองในตอนนี้แคว้นกำลังตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้เด็ดขาด!”