สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 430 เตรียมพร้อม
ตอนที่ 430 เตรียมพร้อม
“ขอรับ!” ดวงตาของหวังสี่ผิงเป็นประกาย ขานรับคำสั่งเสียงดังลั่น ปลดชุดเกราะออก ตะโกนขึ้น “ทหารกองทัพจิ้น! ผู้ที่กล้าติดตามข้าไปช่วยเหลือคนที่ภูเขาหั่วเสินรีบถอดเกราะแล้วขึ้นม้าเดี๋ยวนี้”
“ขอรับ!”
บรรดาทหารที่เพิ่งกลับมาจากภูเขาหั่วเสิน เมื่อได้ยินคำกล่าวของหวังสี่ผิง ต่างรีบถอดชุดเกราะออก รับคำด้วยเสียงดังกังวาน
เวลามีจำกัด ไป๋ชิงเหยียนมุ่งหน้าไปก่อนแล้ว หวังสี่ผิงไม่มีเวลานับจำนวนทหาร กองทัพที่พาไปในวันนี้ล้วนเป็นทหารในสังกัดของหลินคังเล่อ ทหารของหวังสี่ผิงไม่อยู่ การนับจำนวนทหารเสียเวลาเกินไป อีกทั้งเขาเป็นห่วงไป๋ชิงเหยียนจึงได้แต่ขออาสาสมัคร
“หลิ่วผิงเกาแห่งค่ายทหารผิงอันยินดีนำทัพติดตามเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่และแม่ทัพหวังสี่ผิงไปช่วยเหลือคนขอรับ” ผู้นำค่ายทหารผิงอันก้าวขึ้นไปบนหลังม้า พากองกำลังของตนทะยานออกไปจากเมือง
“หวังจินแห่งค่ายเฟยสยงยินดีนำทัพติดตามเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่และแม่ทัพหวังสี่ผิงไปช่วยเหลือคนขอรับ”
หัวหน้าค่ายทหารในสังกัดของจางตวนรุ่ยก้าวขึ้นหลังม้าพลางตะโกนเสียงดัง จากนั้นพาทหารของตนมุ่งหน้าออกไปจากเมืองอย่างรวดเร็ว
มีแม่ทัพที่พร้อมสู้ตายไปพร้อมกับบรรดาทหาร ไม่ทอดทิ้งชีวิตของทหารที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาอยู่ เหล่าทหารจะไม่ซื่อสัตย์จนวันตายได้อย่างไรกัน
มิน่าทหารในกองทัพไป๋ถึงจงรักภักดีต่อตระกูลไป๋ไม่มีวันเสื่อมคลายเช่นนี้!
ไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน นางควรบุกไปช่วยไป๋จิ่นจื้อทันทีที่รู้ข่าวของน้องสาว
ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ควรฝากความหวังไว้ที่ผู้อื่น ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ควรฝากชีวิตของคนในครอบครัวไว้ที่ผู้อื่น ทว่า สุดท้ายนางกลับฝากชีวิตของเสี่ยวซื่อไว้ในมือของฝูรั่วซี!
โง่! โง่…โง่จนน่าสมเพช
คนพวกนั้นคือทหารกองทัพจิ้น ไม่ใช่กองทัพไป๋! พวกเขาคิดถึงแต่ผลประโยชน์และความสูญเสียเท่านั้น ถึงเวลาที่ต้องทอดทิ้งไป๋จิ่นจื้อ พวกเขาทำมันโดยไม่ลังเลสักนิด
หากเสี่ยวซื่อเป็นอันใดไปแม้แต่นิดเดียว นางจะไม่มีวันให้อภัยความโง่เง่าของตัวเองเด็ดขาด
พายุทรายพัดกระหน่ำใส่หน้าของไป๋ชิงเหยียนไม่หยุดหย่อน ทว่า หญิงสาวไม่มีรู้สึกเจ็บเลยสักนิด ยิ่งใกล้ภูเขาหั่วเสินมากเท่าใด ไป๋ชิงเหยียนยิ่งได้กลิ่นไหม้จากภูเขาหั่วเสิน นางร้อนใจดั่งไฟสุม
นางขอเพียงแค่เสิ่นชิงจู๋และไป๋จิ่นจื้อทนไว้อีกสักพัก แม้ต้องบุกน้ำลุยไฟเข้าไป นางก็จะไปช่วยพวกเขาออกมาให้ได้!
ท้องฟ้าค่อยๆ มืดสนิทลง ไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าไปตามเส้นทางสายเล็กที่เต็มไปด้วยอันตราย หน้าผาสูงชัน เสียงลมดังโหยหวนมาจากก้นเหวลึก ม้าสะดุดลื่นอยู่หลายครั้ง เสียงก้อนหินแตกร่วงไปยังหุบเหว เป็นหนทางที่อันตรายมาก
หลูผิงและองครักษ์ตระกูลไป๋ตามหลังไป๋ชิงเหยียนไปติดๆ ไม่ได้ลดความเร็วลงแม้แต่น้อย เอาชีวิตเดิมพันกับเวลาที่กระชั้นชิด
ไม่ว่ายากเย็นเพียงใด พวกเขาก็ต้องมุ่งหน้าไปช่วยคุณหนูสี่ไป๋จิ่นจื้อที่ภูเขาหั่วเสินให้เร็วที่สุด แม้ว่าหนทางข้างหน้าแทบจะไร้ซึ่งความหวัง ทว่า หากไปถึงเร็วขึ้น โอกาสรอดก็ยิ่งมีมากขึ้น
ภูเขาหั่วเสิน
ไป๋จิ่นจื้อประคองร่างของเสินชิงจู๋ที่ปกป้องนางจนได้รับบาดเจ็บหนักจนหมดสติไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง อีกมือถือดาบค้ำยันพื้น ร่างของหญิงสาวโอนเอนจนเกือบล้มลง พวกของตู้ซานเป่าคุ้มกันอยู่ทางด้านหลังไป๋จิ่นจื้อและเสิ่นชิงจู๋ พวกเขามองไปทางทหารต้าเหลียงที่ขวางทางพวกเขาอยู่อย่างเตรียมตั้งรับ ใบหน้าส่อแววเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด
ไป๋จิ่นจื้อทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังงานถึงขีดจำกัด ร่างกายอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง หญิงสาวขยับถอยหลัง ทว่า ด้านหลังคือทะเลเพลิงที่กำลังลุกโชน กระทั่งกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้แผ่นหลังของไป๋จิ่นจื้อเรื่อยๆ แม้ไม่ได้เผาไหม้เสื้อผ้า ทว่า ไอร้อนของเปลวเพลิงทำให้ผิวหนังปวดแสบปวดร้อนยิ่งนัก
ด้านหลังคือเปลวเพลิงที่พร้อมจะกลืนกิน ด้านหน้าคือกองทัพต้าเหลียง พวกนางหมดทนทางหนีรอดแล้ว
จ้าวเซิ่งซึ่งอยู่ในชุดเกราะถือหอกยาวยืนอยู่ด้านหน้าสุด กล่าวขึ้น “ขอแค่ยอมแพ้ พวกเจ้าก็จะรอด! ต้าเหลียงของพวกเราไม่ใช่เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ ไม่สังหารทหารยอมจำนน ข้าแค่ต้องการนำชีวิตของเกาอี้เซี่ยนจู่ไปแลกชีวิตน้องชายของข้ากลับมาเท่านั้น เหตุใดต้องพลีชีพด้วย!”
แววตาของจ้าวเซิ่งเยือกเย็น ชี้ไปทางเสิ่นชิงจู๋ซึ่งถูกไป๋จิ่นจื้อประคองอยู่
“คนที่เก่งกาจที่สุดในบรรดาพวกเจ้าล้มลงแล้ว! หากยื้อต่อไปพวกเจ้าไม่รอดแน่ ทั้งๆ ที่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เหตุใดต้องตายด้วย ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ”
ทหารต้าจิ้นที่นอกเหนือจากตู้ซานเป่าเริ่มลังเล หันไปทางตู้ซานเป่า “นายสิบ…”
“อย่าพล่ามไร้สาระ เขาเป็นแม่ทัพของกองทัพจ้าวแห่งต้าเหลียง พวกเจ้าไม่เคยได้ยินหรือว่ากองทัพจ้าวปฏิบัติต่อทหารยอมจำนนเช่นไร! ไม่ตายแต่ก็เหมือนตายทั้งเป็น!” ตู้ซานเป่าขบกรามแน่น
จ้าวเซิ่งยกยิ้มมุมปาก “เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ พวกเจ้ายกเกาอี้เซี่ยนจู่ให้ข้า พวกเจ้าจะรอดชีวิต! ข้ามีกำลังทหารห้าร้อยนาย ทหารอีกหมื่นกว่านายอยู่ด้านล่างภูเขา! เหยียบพวกเจ้าจมดินได้อย่างง่ายดาย”
“กองทัพไป๋แม้ตายก็ไม่มีวันยอมจำนน!” ไป๋จิ่นจื้อกล่าวจบก็กัดฟันแน่น แบกเสิ่นชิงจู๋มุ่งไปทางกองไฟ
แววตาของจ้าวเซิ่งเคร่งขรึมลง ตะโกนลั่น “จับไว้!”
กองทัพต้าเหลียงกรูเข้าไปด้านหน้า ทหารต้าจิ้นหมดแรงสู้เพราะคำกล่าวของจ้าวเซิ่ง พวกเขาถูกจับอย่างง่ายดาย
ไป๋จิ่นจื้อที่เพิ่งวิ่งเข้าไปในกองไฟและถูกไฟเผาที่ฝ่ามือถูกจ้าวเซิ่งกระชากคอเสื้อกลับไป
ไป๋จิ่นจื้อหมดเรี่ยวแรงนานแล้ว เมื่อถูกจ้าวเซิ่งกระชากจึงล้มลงบนพื้นพร้อมกับเสิ่นชิงจู๋
“พี่ชิงจู๋!” ไป๋จิ่นจื้อดิ้นรนอยากเข้าไปดูอาการของเสิ่นชิงจู๋ ทว่า ถูกจ้าวเซิ่งเหยียบไปบนแผ่นหลังแล้วลากกลับไปที่เดิมเสียก่อน
จ้าวเซิ่งมองไปทางตู้ซานเป่าที่กำลังต่อสู้อยู่ด้วยแววตาทะมึน ตะโกนเสียงดังลั่น “มัวรีรออันใดอยู่ ฆ่าให้หมด เว้นไว้แต่คนที่อยู่ใต้เท้าข้าเท่านั้น!”
ทหารต้าจิ้นที่ถูกจับเมื่อครู่ตวาดลั่น “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าจะไม่สังหารทหารที่ยอมจำนน!”
ไป๋จิ่นจื้อหมดแรง ไม่อาจประคองร่างของตัวเองได้ ได้แต่มองไปทางแผ่นหลังของตู้ซานเป่าที่กำลังต่อสู้อยู่คนเดียวและเสิ่นชิงจู๋ที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่ไม่ห่างออกไปนัก
ไม่นาน ตู้ซานเป่าก็หมดแรงลง เขาถูกทหารต้าเหลียงบังคับให้คุกเข่าลงบนพื้น ภาพตรงหน้าของเขาพร่ามัว ขนตามีแต่หยาดเลือดเกาะอยู่เต็มไปหมด
ทหารต้าเหลียงคนหนึ่งชูดาบขึ้นสูง แสงของดาบสะท้อนเข้าดวงตา
การมองเห็นของตู้ซานเป่าพร่ามัว เขาอดใจหายไม่ได้ ภูเขาหั่วเสินคือสถานที่ฝังร่างของเขาหรือนี่ เดิมทีเขาอยากกลายเป็นแม่ทัพของกองทัพ ดูเหมือนว่าคงต้องรอชาติหน้าเสียแล้ว
ไป๋จิ่นจื้อกำดับในมือแน่นพลางตะเบ็งเสียงออกมา นางพยายามตะเกียกตะกายลุกจากพื้นเพื่อไปช่วยตู้ซานเป่า จ้าวเซิ่งแสยะยิ้มเย็น ใช้เท้ากดให้ไป๋จิ่นจื้อจนกองลงบนพื้นตามเดิม
ดาบของทหารต้าเหลียงยังไม่ทันตวัดลง ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งมากลางอากาศแทงทะลุลำคอของทหารต้าเหลียงผู้นั้น จากนั้นปักลงบนต้นไม้ที่กำลังถูกไฟแผดเผา ปลายศรสั่นไม่หยุด ทหารต้าเหลียงเบิกตาโพลง เลือดสดไหลทะลักออกมาจากลำคอ จากนั้นร่างของเขาล้มลงบนพื้น
จ้าวเซิ่งตะลึงงัน ชักดาบออกมาพลางตะโกนลั่น “เตรียมพร้อม!”
ม้าสีขาวพุ่งทะยานเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ไป๋จิ่นจื้อเบิกตาโพลง เมื่อเห็นร่างของไป๋ชิงเหยียนซึ่งสวมเสื้อเกราะสีเงิน เลือดในกายของหญิงสาวเดือดพล่านขึ้นมาทันที นางร้องไห้ออกมาพลางตะโกนเรียกพี่สาวด้วยเสียงที่แหบพร่า “พี่หญิงใหญ่!”
ตอนที่ถูกห้อมล้อมนานเกือบครึ่งเดือน ถูกทหารต้าเหลียงตัดแหล่งน้ำจนต้องกินของดิบ ดื่มเลือดของตัวเองเพื่อประทังชีวิต ไป๋จิ่นจื้อก็ไม่เคยร้องไห้!