สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 474 โปรดปราน
ตอนที่ 474 โปรดปราน
“ที่สำคัญลูกแค่ตีเหลียงอ๋องจนสลบ จากนั้นวางยาสลบทั้งคู่เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ!” รัชทายาทตะลึง ใบหน้าขาวซีดเช่นเดียวกัน
“เหลียงอ๋องจะล่วงเกินหนานตูจวิ้นจู่ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ เป็นไปไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”
ขมับของฮ่องเต้เต้นรัว เขาจะไม่รู้สิ่งที่รัชทายาทคิดได้อย่างไรกัน!
รัชทายาทย่อมไม่อยากให้เหลียงอ๋องแต่งงานกับหนานตูจวิ้นจู่อยู่แล้ว เบื้องหลังของหลิ่วรั่วฟูคือเสียนอ๋อง นางคือบุตรสาวเพียงคนเดียวของเสียนอ๋อง เสียนอ๋องมีอำนาจทางทหาร!
ฮ่องเต้หลับตาลง ที่เขาให้ความสำคัญกับเสียนอ๋อง ปล่อยให้เสียนอ๋องครอบครองอำนาจทางทหารโดยไม่หวาดระแวงเป็นเพราะเสียนอ๋องเคยสละชีพปกป้องเขาจนไม่อาจมีทายาทได้อีก หลิ่วรั่วฟูเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของเขา!
ฮ่องเต้รู้สึกติดค้างเสียนอ๋อง เขาจึงเชื่อใจเสียนอ๋องและเห็นหลิ่วรั่วฟูเป็นดั่งบุตรสาวของตนเอง
บัดนี้เสียนอ๋องซึ่งอยู่ที่หนานตูคงยังไม่ได้รับข่าวนี้ หากรู้เรื่อง เขาคงโมโหจนแทบกระอักเลือด เสียนอ๋องมีบุตรสาวเพียงคนเดียว เขารักดั่งแก้วตาดวงใจ บุตรสาวถูกทำลายชื่อเสียงเช่นนี้ เสียนอ๋องต้องไม่อยู่เฉยแน่
ทว่า เหตุใดข่าวถึงแพร่กระจายรวดเร็วถึงเพียงนี้กัน
หรือว่าเหลียงอ๋อง…
ฮ่องเต้อดสงสัยในตัวโอรสที่ดูอ่อนแอไร้ความสามารถผู้นี้ขึ้นมาไม่ได้ หากเรื่องนี้แพร่ออกไป…มีแต่จะส่งผลดีต่อเหลียงอ๋อง
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ฮ่องเต้ไม่อาจให้จวิ้นจู่ที่มีชื่อเสียงเสื่อมเสียแต่งงานกับองค์ชายสี่แห่งต้าเหลียงได้ เพื่อปลอบเสียนอ๋อง เขาคงต้องให้เหลียงอ๋องแต่งงานกับหลิ่วรั่วฟู
ทว่า ฮ่องเต้ไม่อยากทำเช่นนี้ เขาอยากทดสอบเหลียงอ๋องอีกสักครั้ง ดูว่าเขาถูกรัชทายาทจัดฉากจริงๆ หรือฉวยโอกาสเพื่อให้ได้แต่งงานกับบุตรสาวคนเดียวของเสียนอ๋องกันแน่
ฮ่องเต้หรี่ตาแคบ กล่าวกับเกาเต๋อเม่า “ไปตามเหลียงอ๋องมา!”
เหลียงอ๋องที่เพิ่งอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเสร็จถูกเกาเต๋อเม่าพาไปยังตำหนักใหญ่ ชายหนุ่มทำความเคารพฮ่องเต้และรัชทายาทอย่างนอบน้อม
รัชทายาทเตรียมเอ่ยปาก ทว่า โดนฮ่องเต้ห้ามไว้เสียก่อน ฮ่องเต้มองไปยังเหลียงอ๋องซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น กล่าวขึ้น
“เมื่อครู่ใต้เท้าหวังเสนาบดีกรมพิธีการเข้ามารายงานเราว่าทุกคนรับรู้เรื่องของเจ้าและหนานตูจวิ้นจู่หมดแล้ว คณะทูตที่เดินทางมาเจรจาสงบศึกของต้าเหลียงก็มาขอเข้าเฝ้าเรา เจ้าคิดว่าควรจัดการเรื่องนี้เช่นไรดี”
เหลียงอ๋องไม่กล้าเงยหน้าขึ้น กำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว นี่คือโอกาสอันดีที่เขาจะได้แต่งงานกับหลิ่วรั่วฟู
เขาเงยหน้ามองไปทางฮ่องเต้อย่างตกตะลึง
“เป็นไปได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ เหตุใดทุกคนถึงรู้เรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ!”
สายตาของเหลียงอ๋องหยุดอยู่ที่รัชทายาท “เสด็จพี่รัชทายาท หรือว่าท่าน…”
“รัชทายาทคงเป็นบ้าไปแล้วจึงจะป่าวประกาศเรื่องของเจ้าให้ผู้อื่นรับรู้!” ฮ่องเต้พยายามข่มโทสะเอาไว้อย่างสุดความสามารถ เอ่ยเสียรอดไรฟัน
“ลองว่ามาสิว่าเจ้าจะจัดการเรื่องนี้เช่นไร”
“เสด็จพ่อ ลูก…ลูก…” เหลียงอ๋องก้มหน้างุด กล่าวเสียงเบาหวิว “ถิงเจินทราบเรื่องนี้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ หากถิงเจินทราบจะโกรธเกลียดลูกสักเพียงใด…”
รัชทายาทอยากฉีกหน้ากากอันอ่อนแอของเหลียงอ๋องออกต่อหน้าฮ่องเต้ ทว่า ได้ยินเสียงเหลียงอ๋องกล่าวอย่างสะอึกสะอื้นเสียก่อน
“ทว่า หนานตูจวิ้นจู่เป็นผู้บริสุทธิ์ ลูก…ในเมื่อลูกทำลายชื่อเสียงของนางไปแล้ว ลูกควรรับผิดชอบพ่ะย่ะค่ะ!”
สิ้นเสียงของเหลียงอ๋อง ฮ่องเต้เขวี้ยงถ้วยชาใส่เหลียงอ๋องอย่างแรง
“เราดูไม่ออกจริงๆ ว่าโอรสของเราจะมีความทะเยอทะยานมากถึงเพียงนี้! กล้าวางแผนแต่งงานกับบุตรสาวของขุนนางที่มีอำนาจทางทหารอยู่ในมือ เจ้าต้องการทำสิ่งใด คิดกบฏอย่างนั้นหรือ!”
หน้าของเหลียงอ๋องซีดเผือดลงทันที
“ลูกมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ! ลูกมิกล้าจริงๆ พะย่ะค่ะเสด็จพ่อ! ลูกไม่ได้มีความคิดเช่นนั้นแม้แต่น้อยพ่ะย่ะค่ะ! เสด็จพ่อทรงรู้จักลูกดี ลูกขี้ขลาดตาขาว ทว่า ลูกเป็นบุรุษนะพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อตรัสว่าทุกคนรับรู้เรื่องนี้หมดแล้ว เสด็จพ่อจะให้ลูกทำเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้มองดูเหลียงอ๋องที่เอาแต่โขกศีรษะลงกับพื้นจนหน้าผากมีเลือดออก เขากำหมัดแน่น กล่าวอย่างหงุดหงิด “เอาเถิด พอได้แล้ว!”
เหลียงอ๋องตัวสั่นเทาด้วยความตกใจ เขาเกือบล้มไปกองบนพื้น เอาแต่ร้องไห้จนตัวโยน
“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วคงได้แต่ยอมให้เจ้าแต่งงานกับหนานตูจวิ้นจู่ ทว่า เจ้าจงจำไว้ว่าเราจะอภัยให้เจ้าครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เข้าใจใช่หรือไม่” ฮ่องเต้ถาม
เหลียงอ๋องเอาแต่โขกศีรษะกับพื้น กล่าววาจาไม่รู้เรื่องสักนิด
รัชทายาทเดือดดาลมาก เมื่อกลับไปถึงจวนรัชทายาทแล้วได้รับรายงานว่าทหารหน่วยกล้าตายที่ฟางเหล่าส่งไปจับตาดูเหลียงอ๋องหายไปอย่างไร้ร่องรอย เกรงว่าคงเสียชีวิตหมดแล้ว เขาจึงหวาดระแวงในตัวเหลียงอ๋องมากเป็นทวีคูณ
นึกไม่ถึงเลยว่าเหลียงอ๋องจะมีคนมีเรียกใช้งานได้อีก!
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเหลียงอ๋องเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องหลิ่วรั่วฟูออกไปเอง
ทว่า รัชทายาทกังวลว่าหากเขาไปทูลรายงานเรื่องนี้ให้เสด็จพ่อทรงทราบ แล้วเสด็จพ่อส่งคนไปสืบเรื่องนี้อย่างละเอียด เขาอาจถูกจับได้ว่าแอบซ่อนทหารหน่วยกล้าตายไว้ในจวน
วันนี้ตอนที่เขาสารภาพว่าเป็นคนวางแผนให้เหลียงอ๋องติดกับ รัชทายาทก็กลัวว่าฮ่องเต้จะสืบเรื่องนี้โดยละเอียด ทว่า โชคดีที่ฮ่องเต้ไม่ได้สืบ เขาจึงโล่งใจ หากเขาเอ่ยถึงเรื่องนี้อีกครั้ง เท่ากับเป็นการหาเหาใส่หัวแน่ๆ
รัชทายาทรู้จักฮ่องเต้ดี การที่ฮ่องเต้เรียกเหลียงอ๋องไปถามว่าจะจัดการเรื่องหลิ่วรั่วฟูเช่นไรเป็นเพียงการหยั่งเชิงของฮ่องเต้เท่านั้น เมื่อเหลียงอ๋องกล่าวว่ายินดีแต่งงานกับหลิ่วรั่วฟู ฮ่องเต้ย่อมหวาดระแวงในตัวเหลียงอ๋องอยู่แล้ว!
“ส่งคนจับตาดูความเคลื่อนไหวของเหลียงอ๋องไว้ให้ดี หากเป็นจิ้งจอกสักวันต้องโผล่หางออกมาให้เห็นแน่!” รัชทายาทเอ่ยเสียงขรึม “หนานตูจวิ้นจู่หลิ่วรั่วฟูเป็นคนหยิ่งยโส บัดนี้ถูกย่ำยีเสียชื่อเสียงจนต้องจำยอมแต่งงานกับเหลียงอ๋อง นางย่อมโมโหแน่! ใช่แล้ว ไปตามพระชายาเอกมา เราจะให้นางไปเยี่ยมเยียนหลิ่วรั่วฟูสักหน่อย”
เฉวียนอวี๋รับคำ เดินออกไปสั่งให้คนไปเชิญชายาเอกมาอย่างรวดเร็ว เพราะพาต่งถิงเจินที่ไม่เคยออกไปที่ใดไกลมาด้วย กลุ่มของไป๋ชิงเหยียนจึงเดินทางกลับซั่วอย่างอย่างไม่รีบร้อน กลุ่มของหญิงสาวเดินทางถึงซั่วหยางในวันที่สิบแปด เดือนเจ็ด
ครั้งนี้ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อรบชนะในสงครามที่เป่ยเจียง คนหนึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิง อีกคนเป็นจวิ้นจู่ ในสายตาของชาวบ้านและบรรพบุรุษตระกูลไป๋ นี่คือเกียรติยศอันยิ่งใหญ่ของไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อ
แม้ไป๋ชิงเหยียนจะส่งคนมาบอกล่วงหน้าแล้วว่าจะเดินทางกลับมาถึงประมาณวันที่เท่าใด ทว่า ต่งซื่อไม่ได้แจ้งตระกูลบรรพบุรุษ
ไป๋ฉีเหอเป็นคนรู้กาลเทศะ ในเมื่อไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ส่งคนมาแจ้งเขา เขาจึงไม่ได้ส่งคนไปสืบ มิเช่นนั้นอาจทำให้ไป๋ชิงเหยียนไม่พอใจได้
ทว่า ภรรยาของไป๋ฉีเหอฟางซื่อกลับใจกล้า แอบส่งคนไปสืบเรื่องการเดินทางของไป๋ชิงเหยียนลับหลังไป๋ฉีเหอ เมื่อไป๋ฉีเหอรู้เรื่อง ทั้งสองทะเลาะกันยกใหญ่ วันนี้ฟางซื่อหอบข้าวของกลับไปยังตระกูลของมารดาตั้งแต่เช้าตรู่
เจ้าเมืองและนายอำเภอโจวบังเอิญพบกันที่ประตูเมืองอีกครั้ง ทั้งสองคนไม่รู้สึกแปลกใจอีกต่อไป นายอำเภอโจวกำหมัดคาราวะยิ้มๆ
“ได้ยินว่าบุตรชายคนเล็กของใต้เท้าติดตามรับใช้องค์หญิงเจิ้นกั๋ว บัดนี้ช่วยฝึกซ้อมชาวบ้านที่ค่ายทหาร เป็นที่โปรดปรานขององค์หญิงเจิ้นกั๋วมาก ข้ายินดีกับใต้เท้าด้วยนะขอรับ!”
เจ้าเมืองยังนั่งอยู่ในกระโจมผ้าใบอย่างสงบนิ่งเช่นเคย เขายกถ้วยชาขึ้นจิบพลางกล่าวอย่างไม่รีบร้อน
“ใต้เท้าสอบสวนคดีของตระกูลไป๋เสร็จหมดแล้วอย่างนั้นหรือ”
“แน่นอนอยู่แล้วขอรับ ข้าได้ยินว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะเดินทางมาถึงวันนี้จึงตั้งใจมารอรายงานขอรับ ข้าลงโทษตามกฎหมาย ผู้ใดควรถูกเนรเทศ ผู้ใดควรไปทำงานรับใช้ชาวบ้านล้วนจัดการเรียบร้อยหมดแล้วขอรับ!”
ใบหน้าของนายอำเภอโจวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม