สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 512 ไล่ออกเพื่อเกียรติยศของตระกูล
ตอนที่ 512 ไล่ออกเพื่อเกียรติยศของตระกูล
ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อพาองครักษ์ตระกูลไป๋ไปรออยู่ด้านล่างภูเขา เมื่อดวงอาทิตย์โพล่พ้นภูเขา แสงสว่างสาดส่องไปทั่วบริเวณ เสียงโห่ร้องด้วยความปิติยินดีดังลั่นจากบนภูเขา
ใบหน้าของไป๋จิ่นจื้อเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“พี่หญิงใหญ่ ดูเหมือนพวกเราจะมีผลงานไปให้ฮ่องเต้และองค์รัชทายาทแล้วเจ้าค่ะ”
“เรื่องน่ายินดีเช่นนี้ควรทูลให้องค์รัชทายาททรงทราบ”
เมื่อรายงานให้รัชทายาททราบแล้ว คงต้องให้จี้ถิงอวี๋พาลูกน้องออกอาละวาดอีกสักครั้งเพื่อแสดงให้รัชทายาทเห็นว่าปัญหาโจรป่ายังไม่ได้หมดไป ซั่วหยางยังต้องฝึกฝนทหารต่ออย่างเข้มงวด
ภายในเมืองซั่วหยาง เมื่อชาวบ้านตื่นนอนต่างก็รับรู้วันนี้องค์หญิงเจิ้นกั๋วพาทหารขึ้นไปปราบโจรบนถูเขาตั้งแต่เช้าตรู่ บางคนตาดีเห็นองค์หญิงเจิ้นกั๋วพาบรรดาทหารมุ่งหน้ากลับมายังประตูทิศเหนือแต่ไกล พวกเขากระโดดโลดเต้นกันอย่างมีความสุข
“องค์หญิงเจิ้นกั๋วกลับมาแล้ว องค์หญิงเจิ้นกั๋วปราบโจรกลับมาแล้ว!”
ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ประตูเมืองทิศเหนือต่างผละจากงานที่ตนทำอยู่ วิ่งไปล้อมประตูเมืองทิศเหนือพลางชะเง้อมองออกไปด้านนอก พวกเขาเห็นขบวนขององค์หญิงเจิ้นกั๋วกำลังมุ่งหน้ากลับมายังเมืองซั่วหยางจริงๆ
ชาวบ้านต่างกระจายข่าวออกไป
“รีบมาดูเร็ว องค์หญิงเจิ้นกั๋วปราบโจรป่ากลับมาแล้ว!”
ทันใดนั้น ชาวบ้านทุกคนต่างเดินมาหยุดอยู่ริมถนนยาว ชะโงกหน้ามองไปยังประตูทิศเหนือ
พวกเขาเห็นไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อซึ่งอยู่ในเครื่องแบบทะมัดทะแมงขี่ม้านำอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน จู่ๆ ก็มีชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนขึ้น
“องค์หญิงเจิ้นกั๋วจริงๆ ด้วย องค์หญิงเจิ้นกั๋วและเกาอี้จวิ้นจู่ต้องปราบโจรสำเร็จแล้วแน่ๆ เลย!”
บรรดาทหารใหม่ที่ตามไป๋ชิงเหยียน ไป๋จิ่นจื้อและเสิ่นเยี่ยนฉงไปปราบโจรป่า เมื่อเห็นชาวบ้านมารวมตัวกันร้องตะโกนต้อนรับอยู่ที่หน้าประตูเมืองทิศเหนือ พวกเขาเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมาทันที
ทหารได้รับบาดเจ็บที่ถูกประคองกลับมาเงยหน้ามองไปทางประตูทิศเหนือ เอ่ยถามเสียงเบาหวิว
“มาต้อนรับพวกเราอย่างนั้นหรือ”
“มาต้อนรับพวกเราสิ! พวกเจ้าช่วยชาวบ้านกำจัดโจรป่า เดินทางกลับมาอย่างสมเกียรติ”
เสิ่นเยี่ยนฉงหันไปกล่าวยิ้มๆ
ทหารใหม่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นชาวนามาก่อน เมื่อได้ยินเสิ่นเยี่ยนฉงกล่าวเช่นนี้ ใบหน้าของพวกเราเริ่มแดงระเรื่อ ยืดหลังตรง เดินมุ่งหน้าไปยังประตูทิศเหนือด้วยท่าทีที่พยายามทำให้ดูสง่างามที่สุด
เมื่อเห็นทหารใหม่เดินเข้ามาในเมือง ชาวบ้านต่างตะโกนต้อนรับ ใบหน้ามีแต่รอยยิ้มและความนับถือ
ทหารใหม่เพิ่งเคยออกไปรบและได้ชัยชนะกลับมาครั้งแรก เมื่อชาวบ้านมาตั้งแถวต้อนรับเช่นนี้ พวกเขาจึงรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมาก
เยว่สือที่อยู่บนโรงน้ำชาได้ยินเสียงตะโกนทางด้านล่างจึงผลักหน้าต่างออกไปดู ทว่า ตึกในเมืองบดบังสายตาของเขา จนเมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนเข้ามาในตัวเมือง เยว่สือจึงหันไปกล่าวกับเซียวหรงเหยี่ยนยิ้มๆ
“นายท่าน คุณหนูใหญ่ไป๋กลับมาแล้วขอรับ”
เมื่อเจ้านายของเขาทราบข่าวว่าไป๋ชิงเหยียนพาทหารออกไปปราบโจร เจ้านายของเขาจึงมานั่งรออยู่ที่โรงน้ำชานี้แต่เช้า
แม้การสู้รบกับโจรป่าอ่อนแอไม่กี่คนจะไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับคุณหนูใหญ่ไป๋ ทว่า เจ้านายของเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี
เซียวหรงเหยี่ยนวางถ้วยชาในมือลง ลุกขึ้นยืน มองไปยังไป๋ชิงเหยียนที่กำลังเคลื่อนผ่านโรงน้ำชาไปจากระเบียงชั้นสองของโรงน้ำชา
แสงแดดยามเช้าสาดส่องไปยังร่างผอมเพรียวที่นั่งอยู่บนหลังม้า ใบหน้าของหญิงสาวงดงามและหนักแน่นราวกับได้รับพลังจากน้ำค้างแข็งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ บารมีของหญิงสาวแผ่ออกมาจากร่างกาย ฝังลึกไปยังกระดูก ทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้
เซียวหรงเหยี่ยนอดนึกถึงคุณชายเจ็ดแห่งตระกูลไป๋ไป๋ชิงเจวี๋ยขึ้นมาไม่ได้ ดวงตาของชายหนุ่มมีรอยยิ้มเล็กน้อย ทายาทตระกูลไป๋ทุกคนล้วนโดดเด่น แข็งแกร่งและน่าภาคภูมิใจจริงๆ
เหมือนสัมผัสได้ถึงสายตาที่มองมาจากโรงน้ำชา ไป๋ชิงเหยียนจึงเงยหน้าขึ้นมอง ทันใดนั้นก็สบเข้ากับสายตาของเซียวหรงเหยี่ยนพอดี
บุรุษผู้อ่อนโยนในชุดเครื่องแต่งกายสีขาวก้มศีรษะให้ไป๋ชิงเหยียกเล็กน้อย ภายใต้ดวงตาสีดำสนิทที่ดูสงบนิ่งแฝงไปด้วยแววตาที่ทำให้คนใจสั่นไหวอย่างรุนแรง
ไปชิงเหยียนกุมบังเหียนม้าแน่น ละสายตาหนี มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัว
เด็กสาวคนหนึ่งเห็นคราบเลือดที่ร่างของไป๋ชิงเหยียนจึงเอ่ยถามเสียงดัง
“องค์หญิงได้รับบาดเจ็บอย่างนั้นหรือ”
“ไม่ใช่ นี่เลือดของโจรป่า!” ไป๋จิ่นจื้อกล่าวกับเด็กสาวด้วยรอยยิ้ม
เด็กสาวไม่คาดคิดว่าจะได้รับคำตอบจากจวิ้นจู่ ใบหน้าของสาวน้อยแดงก่ำ พยักหน้ารัว อ้าปากอย่างตื่นเต้น ทว่า ไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดออกมา
ไป๋ชิงเหยียนก้มมองดูคราบเลือดบนร่างของตัวเอง ยิ้มให้เด็กสาวน้อยๆ จากนั้นหันไปตะโกนเรียก
“เสิ่นเยี่ยนฉง…”
เสิ่นเยี่ยนฉงรีบควบม้าเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียน “องค์หญิงเจิ้นกั๋วมีสิ่งใดให้กระหม่อมทำพ่ะย่ะค่ะ”
“ร่างข้าเปื้อนเลือดคงไม่กลับไปที่ค่ายฝึกแล้ว เจ้าพาทหารกลับยังค่าย นอกจากมอบเงินรางวัลสิบตำลึงให้ทหารที่สร้างผลงานได้ เลื่อนขั้นพวกเขาเป็นนายกองสิบและให้วันหยุดพวกเขากลับไปเยี่ยมครอบครัวสองวันด้วย”
เสิ่นเยี่ยนฉงพยักหน้า “องค์หญิงวางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะจัดการให้เรียบร้อยพ่ะย่ะค่ะ”
“ไปกันเถิด” ไป๋ชิงเหยียนบอกไป๋จิ่นจื้อ จากนั้นควบม้ามุ่งหน้าไปยังจวนไป๋
ไป๋จิ่นจื้อและองครักษ์ตระกูลไป๋ขี่ม้าตามหลังไปติดๆ
“องค์หญิงเจิ้นกั๋วช่างงดงามจริงๆ…” สาวน้อยคนเมื่อครู่ยังคงอยู่ในภวังค์
“นั่นนะสิ! ว่ากันว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วคือเทพสังหาร ทว่า เทพสังหารผู้นี้ปกป้องชาวบ้าน ปกป้องพวกเราชาวซั่วหยาง! องค์หญิงเจิ้นกั๋วคือเทพสังหารที่งดงามที่สุดในใต้หล้านี้”
ชาวบ้านที่เมื่อก่อนถูกบรรพบุรุษตระกูลไป๋รังแกอย่างหนักและได้รับความเป็นธรรมเมื่อไป๋ชิงเหยียนกลับมาอยู่ซั่วหยางกล่าวขึ้นเสียงดัง
ชายชราคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางชาวบ้านสองข้างถนนเห็นร่างที่คุ้นเคยในขบวนทหารใหม่จึงตะโกนเรียกอย่างดีใจ
“เจ้ารอง เจ้าเก่งมาก! ชกต่อยไปวันๆ จนสร้างชื่อเสียงรบชนะกลับมาได้ เป็นหน้าเป็นตาให้แก่ตระกูลจริงๆ”
“ใช่ขอรับ ข้ารบชนะแล้ว ตัดศีรษะของโจรป่าได้หนึ่งคน มีเงินสิบตำลึงกลับไปสู่ขอเมีย กลับไปเลี้ยงดูพ่อแม่ข้าแล้ว!” บาดแผลเล็กน้อยตามร่างกายของเด็กหนุ่มได้รับการรักษาแล้ว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข
“เยี่ยมมาก กลับไปข้าจะให้ซานเกินของข้าไปสมัครบ้าง เจ้าช่วยดูแลเขาด้วยนะ!”
ชายชราผู้นั้นตะโกนบอก
“วางใจได้ ลุงเต๋อให้ซานเกินมาสมัครเถิด ค่ายทหารมีเนื้อสัตว์ให้กินทุกมื้อ หากผู้ใดโดนเด่นติดหนึ่งในสามอันดับแรกของการฝึกซ้อมในแต่ละวันจะได้เนื้อกลับไปฝากคนที่บ้านด้วย ค่ายทหารมีอาจารย์มาสอนหนังสือพวกเรา หากสมองดี จำตัวอักษรได้เร็ว สามอันดับแรกก็จะได้เนื้อไปฝากที่บ้านเช่นกัน!” ทหารใหม่ที่ถูกเรียกว่าเจ้ารองหันไปตะโกนบอกชายชราผู้นั้น
“ซานเกินเป็นคนหัวเร็ว แม้จะต่อยตีไม่เก่ง ทว่า น่าจะจำตัวอักษรได้เร็ว หากเขามาข้าจะดูแลอย่างดี พวกเราโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็กเชียวนะ!”
เมื่อก่อนได้ยินว่าค่ายทหารมีเนื้อสัตว์ให้ทานทุกมือ ชาวบ้านส่วนใหญ่ในซั่วหยางล้วนไม่เชื่อ
บัดนี้ทหารใหม่กล่าวออกมาต่อหน้าชาวบ้านซึ่งห้อมล้อมอยู่ทั้งสองข้างของถนน ชาวบ้านต่างรู้สึกตื่นเต้น ที่สำคัญไปฝึกในค่ายทหารมีคนมาสอนหนังสือให้ ถือเป็นเรื่องที่ดีมากจริงๆ
ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้หนังสือก็เพราะพวกเขาไม่มีปัญญาจ่ายค่าเล่าเรียน
ชาวบ้านหลายคนเริ่มอยากให้ลูกหลานของตนไปสมัครเช่นเดียวกัน แม้ไม่ได้ไปเพื่อเนื้อสัตว์ ทว่า หากได้เรียนหนังสือ ครอบครัวของพวกเขาจะได้มีโอกาสลืมตาอ้าปากบ้าง
ชาวบ้านที่มีความคิดเช่นนี้ต่างรีบกลับไปปรึกษากับเมียตัวเองที่บ้านอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนกลับมาถึงจวนไป๋ หญิงสาวบังเอิญพบกับต่งฉางหลานและชุยซื่อที่เตรียมจะเดินทางกลับเติงโจวพอดี
เมื่อเห็นร่างของไป๋ชิงเหยียนเปื้อนเลือด ต่งซื่อที่ยืนส่งต่งฉางหลานและชุยซื่อที่หน้าจวนตกใจจนหน้าซีดเผือด
“พี่หญิง นี่มัน…” ต่งถิงเจินเบิกตาโพลงมองดูร่างที่เต็มไปด้วยเลือดของไป๋ชิงเหยียน