สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 552 ตัดสินใจ
ตอนที่ 552 ตัดสินใจ
เมื่อคิดได้ดังนี้ หลูผิงไม่กล้ารีรออีก เขารีบควบม้าทะยานกลับไปยังเติงโจว
เมืองเติงโจว
องค์หญิงหมิงเฉิงพักรักษาตัวอยู่ในจวนต่ง หมอเก่งจากอำเภอทั้งสี่ทิศของเติงโจวต่างเดินทางมาช่วยรักษาอาการขององค์หญิงหมิงเฉิง
ต่งชิงเยว่นับถือในความซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อแคว้นขององค์หญิงหมิงเฉิง เขาสั่งว่าไม่ว่าต้องการยาชนิดใด ขอเพียงท่านหมอคิดว่าใช้ได้ ตระกูลต่งจะพยายามสรรหามาให้องค์หญิงหมิงเฉิงรักษาอย่างเต็มที่ที่สุด
เซียวหรงเหยี่ยนรู้สึกซาบซึ้งน้ำใจของต่งชิวเยว่มาก เขาไม่อาจยื่นมือเข้าไปก้าวก่ายเรื่องขององค์หญิงหมิงเฉิงได้ ทว่า เขาคุยกับต่งชิงเยว่เรื่องตลาดแลกเปลี่ยนสินค้า อาสาเดินทางไปสำรวจที่หนานหรงว่าจะเปิดตลาดแลกเปลี่ยนสินค้ากับหนานหรงได้หรือไม่ หนานหรงจะได้ไม่ต้องมาปล้นชิงเสบียงของต้าจิ้นอีก
ทว่า ต่งชิงเยว่มีแผนการอื่นอยู่ในใจแล้ว เขากำลังรอให้หนานหรงบุกมาปล้น ดังนั้นจึงปฏิเสธน้ำใจของเซียวหรงเหยี่ยน กล่าวว่าต้าจิ้นเพิ่งแย่งตัวองค์หญิงหมิงเฉิงมาจากหนานหรง ทำลายแผนการของพวกเขา หากให้เซียวหรงเหยี่ยนเดินทางไปเจรจาเรื่องตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าตอนนี้อาจทำให้เซียวหรงเหยี่ยนพลอ เดือดร้อนไปด้วย ที่สำคัญเขาต้องทูลให้ฮ่องเต้ทราบก่อน ดังนั้นควรรอให้เรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่อยจัดการเรื่องนี้
ต่งชิงเยว่ไม่เห็นด้วย เซียวหรงเหยี่ยนจึงไม่เซ้าซี้ หลายวันนี้เขาจึงออกไปสำรวจกิจการร้านค้าที่เติงโจวโดยมีองครักษ์ตระกูงต่งติดตามไปด้วย
เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวกับต่งชิงเยว่และต่งฉางหลานอย่างไม่ปิดบังว่าตนต้องการเปิดกิจการที่เติงโจว เขาสามารถนำเครื่องหนังชั้นดีที่เขาได้มาจากหรงตี๋ในคราวนี้ทำเป็นเสื้อคลุมกันลมที่เติงโจวได้ จากนั้นส่งไปขายที่ต้าจิ้น ต้าเยี่ยนและต้าเว่ย
เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวเรื่องนี้กับต่งฉางหลานพร้อมบอกว่าจะแบ่งผลกำไรให้อย่างที่ตนเคยทำกับที่อื่นๆ ทว่า ต่งฉางหลานบอกว่าหากเซียวหรงเหยี่ยนแค่ทำการค้า ตระกูลต่งจะไม่เอากำไรจากเขาแม้แต่นิดเดียว เพราะเซียวหรงเหยี่ยนคือผู้มีพระคุณของตระกูลไป๋
ทว่า เซียวหรงเหยี่ยนเข้าใจความหมายแฝงของต่งฉางหลาน ขอเพียงเขาทำการค้าอย่างถูกกฎหมาย ตระกูลต่งจะไม่เข้าไปแทรกแซง ทว่า หากเขาเปิดกิจการบังหน้าเพื่อทำสิ่งอื่น ตระกูลต่งจะไม่ปล่อยไปอย่างแน่นอน
เซียวหรงเหยี่ยนรับปากยิ้มๆ ได้แต่ฝากให้ต่งฉางหลานช่วยดูแลกิจการของเขาในวันที่เปิดกิจการแล้วด้วย
ต่งฉางหลานเดินดูร้านค้าเป็นเพื่อเซียวหรงเหยี่ยนอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นเดินไปซื้อจวนที่พักซึ่งอยู่ไม่ห่างจากจวนต่งสักเท่าใดพร้อมกับเซียวหรงเหยี่ยน จวนหลังนั้นเพิ่งสร้างได้ไม่นาน เซียวหรงเหยี่ยนพอใจแค่การตกแต่งลานหญ้าของจวนเท่านั้น ส่วนที่เหลือชายหนุ่มสั่งให้แก้ไขทั้งหมด สั่งให้ขุดทะเลสาบ ภูเขาจำลอง สร้างศาลานั่งพัก อีกทั้งสั่งให้คนไปหาคนปลูกดอกไม้มา บอกว่าต้องการปลูกดอกไม้หลากหลายชนิดที่ลานหญ้า ช่างสมเป็นคุณชายที่ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งของใต้หล้าจริงๆ
เซียวหรงเหยี่ยนต้องการซ่อมแซมจวนใหม่ หากทำตามความต้องการของชายหนุ่มทั้งหมดอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสักสามสี่เดือน เดิมทีเซียวหรงเหยี่ยนไม่อยากรบกวนจวนต่งอีกจึงกล่าวว่าจะย้ายไปพักที่โรงเตี้ยม ทว่า ต่งชิงเยว่บอกให้ชายหนุ่มอยู่ที่จวนต่งต่อตามสบาย
ในความคิดของต่งชิงเยว่ เขารู้สึกว่าเซียวหรงเหยี่ยนไม่ใช่คนธรรมดา แทนที่จะปล่อยให้ชายหนุ่มไปอยู่ที่อื่น มิสู้ให้อยู่ที่จวนต่อแล้วจับตาดูเพื่อความสบายใจดีกว่า
เซียวหรงเหยี่ยนมองออก ทว่า ไม่ได้กล่าวเปิดโปง ได้แต่กล่าวยิ้มๆ ว่าขออยู่รบกวนต่อ
เซียวหรงเหยี่ยนเพิ่งกลับมาถึงจวนพร้อมกับต่งฉางหลาน หลังจากจ่ายเงินค่าจวนหลังใหม่เสร็จ เมื่อกลับมาถึงก็ได้ยินบรรดาบ่าวรับใช้พากันวิจารณ์ว่าพี่ชายของหลัวอี๋เหนียงนำของแนบกายของสาวใช้ข้างกายองค์หญิงเจิ้นกั๋วมาขอให้ต่งชิงเยว่เป็นพ่อสื่อสู่ขอสาวใช้ขององค์หญิงเจิ้นกั๋วให้เขา
ต่งฉางหลานตะลึง ยังไม่ทันได้ซักถามรายละเอียด ต่งฉางเม่าซึ่งรีบขี่ม้ากลับมายังจวนต่งทันทีที่ได้รับข่าวกระโดดลงจากหลังม้า ทำความเคารพต่งฉางหลานด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด “ท่านพี่!”
“รู้เรื่องแล้วหรือ” ต่งฉางหลานยืนเอามือไขว้หลังพลางเอ่ยถาม
ลำคอของต่งฉางเม่าร้อนผ่าว พยักหน้าด้วยสีหน้าย่ำแย่เป็นที่สุด “ท่านพ่อส่งคนไปตามข้ากลับมาขอรับ ท่านพี่ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ ข้าจะจัดการเรื่องที่ให้ดีที่สุด ข้าต้องขอโทษท่านพ่อ ท่านพี่และพี่หญิงด้วยขอรับ ข้า…”
“เรื่องนี้จะโทษเจ้าได้อย่างไรกัน! พวกเราต่างรู้ดีว่าหลัวฟู่กุ้ยผู้นั้นเป็นคนเช่นไร เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า ท่านพ่อเรียกเจ้ากลับมาเพราะเจ้าคือคนในครอบครัว ต้องบอกให้เจ้ารับรู้ไว้ เพราะหากเจ้าแต่งงาน เรื่องนี้อาจส่งผลกระทบต่อเจ้า เจ้าอย่าได้คิดมาก!” ต่งฉางหลานเอ่ยปลอบน้องชายเสียงเบา
ยิ่งต่งฉางหลานทำเช่นนี้ ต่งฉางเม่าก็ยิ่งรู้สึกผิดหนักเข้าไปใหญ่
“สหายเซียว ที่จวนเกิดเรื่องขึ้น ข้าคงไม่เดินไปส่งสหายเซียวที่เรือนแล้ว ข้าจะให้บ่าวรับใช้ของข้าไปส่งสหายเซียวแทนนะขอรับ” ต่งฉางหลานกำหมัดคาราวะเซียวหรงเหยี่ยน
“เชิญสหายฉางหลานตามสบาย…” เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้าให้ยิ้มๆ
ต่งฉางหลานพาต่งฉางเม่าเดินไปยังเรือนหลังพลางเอ่ยปลอบต่งฉางเม่าไปด้วย กำชับไม่ให้น้องชายบุ่มบ่าม ยืนอยู่ข้างกายเขาเงียบๆ ก็พอ
ตอนนี้หลัวกุ้ยฟู่ถูกกุมตัวไว้แล้ว หลัวอี๋เหยียงที่อยู่ในอาการหวาดผวาก็ถูกต่งเหล่าไท่จวินเรียกตัวไปที่เรือน นางคุกเข่าตัวสั่นเทาบนกระเบื้องหินกลางลานหญ้าโดยไม่กล้าเงยหน้าสบตาผู้ใด ในใจรู้สึกโกรธแค้นพี่ชายผู้กระทำเรื่องโง่เง่าเช่นนี้เป็นที่สุด
ของใช้ติดกายของสาวใช้ข้างกายขององค์หญิงเจิ้นกั๋วจะตกไปอยู่ในมือของพี่ชายตนได้อย่างไรกัน พี่ชายของนางต้องนำของของผู้อื่นมาแอบอ้างหวังจะทำลายชื่อเสียงของสาวใช้ผู้นั้นเพื่อบีบบังคับให้นางยอมแต่งงานกับเขาแน่นอน
โง่!…โง่จนน่าสมเพช!
เห็นแก่ตัว! ตัวเองเป็นเพียงหมาวัดแต่อยากเด็ดดอกฟ้ามาครอบครอง ทว่า ไม่ได้นึกถึงฉางเม่าของนางสักนิด
เหตุใดพี่ชายของนางถึงไม่คิดบ้างว่าการที่เขาใช้วิธีสกปรกต่ำช้าเช่นนี้บีบให้สาวใช้ข้างกายขององค์หญิงเจิ้นกั๋วแต่งงานกับเขา ต่งฉางเม่ามีลุงแท้ๆ ที่หน้าไม่อายเช่นนี้ ต่อไปฉางเม่าของนางจะมีหน้าอยู่ในจวนต่งต่อไปได้อย่างไรกัน!
เมื่อหลังอี๋เหนียงนึกถึงต่งฉางเม่า น้ำตาของนางไหลพรากทันที นางควรเชื่อคำกล่าวของบุตรชาย ไม่ควรให้พี่ชายผู้ไม่ได้เรื่องของตัวเองเข้ามาในจวนต่งตั้งแต่แรก ทว่า นางเห็นแก่ความสัมพันธ์พี่น้อง คิดว่าอย่างไรเขาก็เป็นลุงแท้ๆ ของต่งฉางเม่า ภายภาคหน้าอาจช่วยเหลือบุตรชายของนางได้!
แล้วดูตอนนี้สิ ดูว่าเขาก่อเรื่องเช่นไรขึ้นมา!
หลัวอี๋เหนียงนึกถึงคำเตือนขององค์หญิงเจิ้นกั๋วในวันนั้น ร่างของนางสั่นเทิ้มไม่หยุด
บัดนี้ไป๋ชิงเหยียนนั่งหน้าเครียดอยู่ข้างกายของต่งเหล่าไท่จวิน ชุนเถาใบหน้าซีดเผือด กำชุดชั้นในลายดอกท้อที่ปักคำว่าชุนเถาที่อยู่ในมือแน่น
ชุนเถาหันกลับไปคุกเข่าลงตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน กล่าวเสียงสะอื้น “คุณหนูใหญ่ คือชุดชั้นในของบ่าวจริงๆ เจ้าค่ะ ทว่า บ่าวไม่เคยมอบชุดชั้นในให้แก่คนน่าไม่อายพรรค์นี้เจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่ทราบดีว่าบ่าวหมั้นหมายแล้วเจ้าค่ะ!”
“เจ้าลืมชุดชั้นในนี้ไว้ตอนที่เจ้าลอบมีความสัมพันธ์กับข้า มิเช่นนั้นข้าจะมีของแนบกายเช่นนี้ของเจ้าอยู่ได้อย่างไรกัน!” หลัวกุ้ยฟู่กล่าวเสียงดังลั่น จากนั้นหันไปก้มศีรษะคำนับต่งเหล่าไท่จวิน “ต่งเหล่าไท่จวินและองค์หญิงเจิ้นกั๋วได้โปรดตัดสินเรื่องนี้ให้ข้าด้วยขอรับ”
ชุนเถาอยากกล่าวสิ่งใดต่อ ทว่า ไป๋ชิงเหยียนโบกมือห้ามนาง ไม่ให้นางร้อนใจ
ไป๋ชิงเหยียนมองชุนเถาพลางเอ่ยถาม “นอกจากชุดชั้นในแล้ว มีสิ่งใดหายไปอีกหรือไม่”
ชุนเถาร้อนใจจนน้ำตาไหลพราก ส่ายหน้า “บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ! ชุดชั้นในหายไปเมื่อใดบ่าวยังไม่ทราบเลยเจ้าค่ะ!”
ครั้งนี้มีชุนเถาติดตามไป๋ชิงเหยียนมาเพียงคนเดียว นางจึงปรนนิบัติรับใช้ไป๋ชิงเหยียนไม่ห่างกาย ไม่ได้สนใจของใช้ส่วนตัวของตัวเองสักเท่าใดนัก