สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 61 เดินต่อไปข้างหน้า
ตอนที่ 61 เดินต่อไปข้างหน้า
“คุณหนูใหญ่สั่งมาได้เลยขอรับ! ข้ายินดีทำตามทุกอย่าง!” เฉินชิ่งเซิงรีบเอ่ย
หญิงสาวเงยหน้ามองเฉินชิ่งเซิง เอ่ยขึ้นอย่างไม่เร่งรีบ “คืนนี้อาจมีรายงานสงครามจากหนานเจียงส่งกลับมา เจ้าพาคนจำนวนมากหน่อยไปเฝ้าหน้าประตูเมืองไว้ ทันทีที่เห็นว่าในระยะแปดร้อยลี้ มีม้าเร็วควบมาพร้อมชูธงกลับด้านเพื่อรายงานข่าวด่วนของสงคราม จงทำให้ชาวบ้านทุกคนในเมืองหลวงรับรู้ข่าวนี้และหาทางหลอกล่อพวกเขามาที่หน้าจวนเจิ้นกั๋วกงให้ได้”
แต่ไหนแต่ไรมาในแคว้นต้าจิ้น หากเป็นข่าวดี ผู้ที่ส่งข่าวจะประกาศรายงานสถานการณ์ตั้งแต่ตอนที่อยู่หน้าประตูเมืองเพื่อให้ชาวบ้านได้รับรู้และร่วมยินดีไปด้วยกัน
หากเป็นข่าวร้าย ผู้ส่งข่าวจะไปพบจักรพรรดิในวังก่อนที่จะประกาศสถานการณ์
หากแม่ทัพเสียชีวิต วังหลวงจะส่งคนไปแจ้งให้ครอบครัวของแม่ทัพเตรียมจัดพิธีศพ
หลังจากที่ไป๋ชิงเหยียนก่อเรื่องในครั้งนั้น บัดนี้ชาวบ้านในเมืองหลวงต่างเป็นห่วงตระกูลไป๋และสนใจสถานการณ์การรบที่หนานเจียงเป็นอย่างมาก หากผู้ส่งข่าวมาถึงเมืองหลวงแต่ไม่รายงานสถานการณ์ หากมีคนเริ่มสงสัยขึ้นมา…ชาวบ้านต้องมาออกันที่หน้าจวนเจิ้นกั๋วกงเพื่อรอฟังข่าวสถานการณ์การรบจากคนของวังหลวงที่จะมาแจ้งให้จวนเจิ้นกั๋วกงทราบแน่
เมื่อข่าวการตายของบุรุษตระกูลไป๋ส่งมาถึงจวน หญิงสาวต้องการให้ชาวบ้านในเมืองหลวงได้เห็นกับตาของตัวเองว่าตระกูลไป๋สละชีพเพื่อปกป้องแคว้นต้าจิ้นเอาไว้ ต้องการให้ชาวบ้านได้เห็นโศกนาฏกรรมและความเศร้าโศกเสียใจของคนตระกูลไป๋!
เช่นนี้ หากฮ่องเต้แตะต้องตระกูลไป๋แม้แต่นิดเดียว ชาวบ้านต้องไม่พอใจแน่นอน
ฮ่องเต้ทรงห่วงชื่อเสียงของตัวเองมาก ขอแค่พระองค์ยังกลัวปลายพู่กันของนักจดบันทึก ยังเกรงกลัวความโกรธของราษฎร ต่อให้ทรงอยากจะกำจัดตระกูลไป๋ให้สิ้นซากแค่ไหนก็ไม่กล้าลงมือจัดการสตรีที่เหลืออยู่ของตระกูลไป๋แน่นอน
แม้ว่าเฉินชิ่งเซิงจะไม่รู้ว่าไป๋ชิงเหยียนต้องการจะทำสิ่งใด แต่ก็พยักหน้ารับคำสั่งโดยดี “คุณหนูใหญ่วางใจได้ขอรับ”
“ยังมีอีกเรื่อง เจ้าพยายามสืบให้ข้าหน่อยแต่ถ้าสืบไม่ได้ก็มิเป็นไร” หญิงสาวเหลือบมองไปยังต้นเหมยสีแดงท่ามกลางหิมะซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก “เสบียงอาหารที่ส่งไปหนานเจียงเมื่อสองเดือนที่แล้วซึ่งจงหย่งโหวเป็นผู้รับผิดชอบ ส่งผ่านไปยังผู้ใดบ้าง ข้าต้องการรายชื่อทั้งหมด”
เฉินชิ่งเซิงแปลกใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าเกี่ยวข้องกับราชสำนัก แต่เมื่อคิดได้ว่าเสบียงเหล่านี้เกี่ยวข้องกับสงครามที่หนานเจียง ชายหนุ่มจึงรับคำโดยไม่คิดอะไรมาก “คุณหนูใหญ่วางใจได้ขอรับ ข้าจะทำตามที่คุณหนูสั่งอย่างเคร่งครัดขอรับ!”
ท้องฟ้าในคืนวันสิ้นปียังไม่มืดสนิท บนท้องฟ้าเริ่มมีดอกไม้ไฟประดับอยู่เต็มท้องฟ้า
ไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่ตรงระเบียงทางเดิน แหงนหน้ามองดูท้องฟ้านิ่ง รอคอยข่าวที่กำลังส่งกลับมา
ชุนเถาดวงตาแดงก่ำถือเสื้อคลุมตัวหนาเดินมาหยุดอยู่ทางด้านหลังไป๋ชิงเหยียน คลุมเสื้อให้แก่หญิงสาว “คุณหนูใหญ่ ญาติผู้พี่นำคนไปเฝ้าประตูเมืองไว้ตามคำสั่งของคุณหนูแล้วเจ้าค่ะ แต่ตอนนี้ประตูเมืองหลวงล้วนปิดหมดแล้ว เกรงว่าข่าวคงยังส่งมาไม่ถึงวันนี้หรอกเจ้าค่ะ คุณหนูคิดมากไปก็มิมีประโยชน์อันใด! คุณหนูไปรับประทานเหนียนเยี่ยฟ่าน กับองค์หญิงใหญ่ที่เรือนท่านก่อนเถิดเจ้าค่ะ…”
“ไปเถิด!” ไป๋ชิงเหยียนกระชับเสื้อคลุม จับมือของชุนเถาเดินออกจากเรือนชิงฮุยพร้อมกับบรรดาสาวใช้ที่เดินก้มหน้าก้มตาติดตามอยู่ด้านหลังอย่างเป็นระเบียบ
คิดไม่ถึงว่าเมื่อเดินออกมาจากเรือนจะเห็นไป๋จิ่นถงยืนแหงนหน้ามองดูดอกไม้ไฟบนท้องฟ้าอยู่หน้าประตูเรือนชิงฮุยตามลำพังอย่างเหม่อลอย
ได้ยินเสียงเปิดประตูเรือน ไป๋จิ่นถงได้สติเดินสองสามก้าวไปหยุดอยู่ตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน เอ่ยเสียงแหบพร่า “พี่หญิงใหญ่…”
ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือปัดเศษหิมะที่ติดอยู่บนไหล่ของไป๋จิ่นถงออก ยกยิ้มมุมปากให้น้องสาว “รอพี่อยู่เช่นนั้นหรือ”
ไป๋จิ่นถงพยักหน้า ตาแดงก่ำคล้ายจะร้องไห้ออกมาอีกรอบ นางรีบก้มหน้างุดซ่อนมันไว้
ไป๋จิ่นถงหวนนึกถึงวัยเยาว์ แสงไฟในจวนเจิ้นกั๋วกงสว่างไสว บรรยากาศเต็มไปด้วยความครื้นเครงเนื่องจากมีคนมากมาย คนทำความสะอาด สาวใช้ บ่าวรับใช้ต่างเดินเข้าๆ ออกๆ ประตูจวน ทุกที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข
ผู้ใหญ่ดื่มเหล้าสนทนากันอย่างสนุกสนาน นางและไป๋จิ่นจื้อนำพวกเด็กๆ ถือโคมไฟมาเล่นสนุกที่เรือนของไป๋ชิงเหยียน ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นซิ่วนั่งสนทนากันอย่างมีความสุขอยู่ตรงระเบียง ช่างเป็นภาพที่มีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยความสุข
ปีนี้จวนเจิ้นกั๋วกงยังคงประดับไฟสว่างไสวเช่นเดิม ทว่า…บรรดาบ่าวรับใช้เห็นว่าเจ้านายอารมณ์ไม่ดีจึงไม่มีใครกล้าทำสิ่งใดทั้งสิ้น ไม่มีบรรยากาศการเฉลิมฉลอง จวนเจิ้นกั๋วกงเงียบสงัดจนน่าวังเวง
ไป๋ชิงเหยียนรู้ว่าไป๋จิ่นถงเจ็บปวดทรมาน หญิงสาวยิ้มพลางกุมมือที่เย็นเฉียบของน้องสาวเอาไว้ “ไปเถิด…”
ไป๋จิ่นถงมองดูไป๋ชิงเหยียนที่ปกติเป็นคนสุขุมนุ่มลึก แต่ตอนนี้ไป๋จิ่นถงรู้สึกว่าพี่หญิงใหญ่เต็มไปด้วยพลังอำนาจที่น่ายำเกรง ใจของนางจึงค่อยๆ สงบลง “เจ้าค่ะ…”
ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นถงเพิ่งเดินไปได้สองสามก้าวก็มองเห็นไป๋จิ่นซิ่วและไป๋จิ่นจื้อเดินมายังเรือนชิงฮุยพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
ไป๋จิ่นซิ่วและไป๋จิ่นจื้อมาหากำลังใจจากที่นี่เช่นเดียวกัน
สี่พี่น้องยืนสบตากัน ไป๋จิ่นซิ่วตาแดงก่ำ ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากพลางหัวเราะออกมาเบาๆ “ช่างบังเอิญจริงๆ พวกเราล้วนมาหาพี่หญิงใหญ่กันหมด”
โคมไฟสีแดงสะท้อนใบหน้าที่มีรอยยิ้มคลุกเคล้าไปด้วยน้ำตาของหญิงสาวทั้งสี่คนท่ามกลางหิมะ ช่างดูอบอุ่นแต่ก็น่าเจ็บปวดใจยิ่งนัก
“ไปเถิด! ไปหาท่านย่ากัน…” น้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนเคร่งขรึมและหนักแน่นกว่าทุกครั้ง
ชุนเถาเข้าไปประคองไป๋ชิงเหยียน เอ่ยเตือนเสียงอ่อนนุ่ม “หิมะลื่น คุณหนูทั้งสี่โปรดระวังด้วยนะเจ้าคะ”
ไป๋จิ่นซิ่วมองดูไป๋ชิงเหยียนเดินนำไปด้านหน้า น้ำตาคลอพลางกล่าวออกมาเสียงอ่อนโยน “มีพี่หญิงใหญ่คอยนำทางอยู่ด้านหน้า ต่อให้ลื่นแค่ไหน…พวกเราก็มิกลัวหรอก”
ก็แค่หิมะตกหนักเท่านั้นเอง มีสิ่งใดต้องหวาดกลัวกัน พี่น้องคอยประคับประคองจับมือกันเดินไปข้างหน้าก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว
ไป๋จิ่นถงพยักหน้า จับมือที่ยื่นส่งมาของไป๋จิ่นซิ่ว จุกแน่นจนไม่อาจเอ่ยสิ่งใดออกมาได้
“พวกเราพี่น้องเดินไปด้วยกัน มิมีสิ่งใดต้องหวาดกลัว!” ไป๋จิ่นจื้อปาดน้ำตาออก รีบสาวเท้าเข้าไปหา
ไป๋ชิงเหยียน เดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับนาง
ดวงตาของไป๋ชิงเหยียนพร่ามัวไปด้วยไอหมอก ชาติที่แล้วนางเดินลำพังตัวคนเดียว ชาตินี้มีพี่น้องเดินไปด้วยกัน ต่อให้ทางข้างหน้าจะลำบากสักเพียงใดก็ไม่มีสิ่งใดต้องหวาดกลัว ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ
ไป๋ชิงเหยียนผู้นี้ก็พร้อมจะทำ
พอเดินมาถึงเรือนฉางโซ่ว จู่ๆ สาวใช้ที่ยืนเฝ้าประตูห้องในเรือนฉางโซ่วก็ชี้มือขึ้นไปบนท้องฟ้า “นั่นคือสิ่งใดกัน”
ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองจึงเห็นว่ามีโคมไฟค่อยๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ต่อจากนั้นก็ตามมาด้วย…โคมไฟดวงที่สอง ดวงที่สาม ดวงที่สี่…
โคมไฟนับร้อยดวงลอยอยู่บนท้องฟ้าท่ามกลางดอกไม้ไฟที่สว่างไสว ท้องฟ้าดูอบอุ่นราวกับทะเลไฟ บนโคมไฟแต่ละดวงมีข้อความเขียนไว้เต็มไปหมด อาทิ ขอให้มีชัยกลับมา ได้ชัยชนะและคืนกลับ ตระกูลไป๋รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง กลับมาอย่างปลอดภัย
จวนเจิ้นกั๋วกงที่เมื่อครู่ยังเงียบสงัด บัดนี้ครึกครื้นขึ้นมาทันที บรรดาบ่าวรับใช้ต่างหยุดงานที่ตนเองกำลังทำอยู่ ยืนออกันอยู่ที่ลานหญ้าใต้ระเบียงทางเดินแหงนมองโคมไฟบนท้องฟ้า แสงสีส้มจากโคมไฟที่สะท้อนมาทำให้คนรู้สึกอบอุ่นยิ่งนัก
ไป๋ชิงเหยียนหมุนกายกลับมา หันไปสั่งชุนซิ่งซึ่งยืนอยู่ข้างกาย “ไปสอบถามว่าเกิดสิ่งใดขึ้น”
ชุนซิ่งยังไม่ทันจะจากไป หญิงชราที่เฝ้าประตูจวนก็วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน เมื่อเห็นว่าบรรดาคุณหนูยืนอยู่ที่หน้าเรือนจึงย่อกายทำความเคารพยิ้มๆ “คุณหนูใหญ่ คุณหนูรอง คุณหนูสาม คุณหนูสี่! พวกชาวบ้านซาบซึ้งในความกล้าหาญของตระกูลไป๋ ต่างยืนอยู่บนท้องถนน บนลานบ้านของตนจุดโคมไฟอวยพรให้กองทัพไป๋ที่อยู่ที่หนานเจียงเจ้าค่ะ”
สิ้นเสียง ไป๋ชิงเหยียนจุกแน่นที่ลำคอ หญิงสาวส่งเตาอุ่นมือให้ชุนเถา โค้งกายคำนับอย่างสุดตัว…ขอบคุณชาวบ้านทั่วทั้งเมืองหลวง
ผู้ใดกล่าวว่าวีรบุรุษไม่ถูกจดจำกัน ชาวบ้านที่ตระกูลไป๋ปกป้องมาทุกรุ่นยังจดจำตระกูลไป๋ได้!
ชาติที่แล้ว ตระกูลไป๋ทำมากเกินไป แต่แสดงออกทางวาจาน้อยเกินไปจึงถูกผู้คนหลงลืม…
ไป๋จิ่นซิ่ว ไป๋จิ่นถง ไป๋จิ่นจื้อ น้ำตาคลอโค้งกายคำนับให้โคมไฟที่ลอยอยู่เต็มท้องฟ้า
เสียงหัวเราะเฮฮาของบรรดาบ่าวรับใช้ในจวนเจิ้นกั๋วกงดังเข้าไปถึงหูของบรรดาผู้ใหญ่ที่อยู่ในเรือน
ฉางโซ่ว
———————————————
[1] ลี้ เป็นหน่วยวัดของจีนมีความยาวเท่ากับ 500 เมตร
[2] เหนียนเยี่ยฟ่าน อาหารค่ำของคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ถือเป็นกิจกรรมสำคัญก่อนวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน