สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 626 คิดรอบคอบ
ตอนที่ 626 คิดรอบคอบ
“เสด็จพ่ออย่างทรงคิดว่าข้าจะแบ่งทหารของเสด็จพ่อไปสังหารไป๋ชิงเหยียนในตอนนี้เพียงเพื่อความแค้นส่วนตัวของข้าเพียงอย่างเดียวนะเพคะ! ข้าแค่กลัวว่าไป๋ชิงเหยียนจะทำลายแผนการของท่าน ที่สำคัญหากไป๋ชิงเหยียนตายไป องค์หญิงใหญ่ยอมต้องโทษว่าเป็นความผิดของซิ่นอ๋อง ไม่มีทางสงสัยมาถึงพวกเราแน่เพคะ พวกเรามีแต่ได้กับได้นะเพคะ”
เสียนอ๋องรู้จักบุตรสาวของตัวเองดี นางทำไปเพื่อความแค้นส่วนตัวชัดๆ
“เอาเถิด เจ้าไม่ต้องเข้ามายุ่งเรื่องนี้ พ่อส่งคนไปจับตาดูความเคลื่อนไหวของจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วไว้แล้ว วันนี้นอกจากจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะส่งคนนำจดหมายไปส่งยังซั่วหยางแล้ว ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ก้าวขาออกจากจวนแม้แต่ก้าวเดียว เจ้าไม่ต้องห่วง หากไป๋ชิงเหยียนมีความเคลื่อนไหวใดๆ พ่อจะจัดการนางแทนเจ้าแน่นอน ทว่า หากพวกเราลงมือกับไป๋ชิงเหยียนในตอนนี้แล้วนางบังเอิญหนีรอดไปได้มันจะไม่เป็นผลดีต่อเรา เป้าหมายของเราคือการทำให้เจ้ากลายเป็นฮองเฮา เราต้องคำนึงถึงภาพรวมเป็นหลัก!” เสียนอ๋องกล่าวกับหลิ่วรั่วฟูอย่างจริงจัง
หลิ่วรั่วฟูกัดริมปีปาก ขมวดคิ้วแน่น
บ่าวรับใช้คนสนิทของเสียนอ๋องวิ่งเข้ามาด้านใน กำหมัดคาราวะเสียนอ๋องแล้วกล่าวขึ้น “ท่านอ๋อง เหลียงอ๋องเสด็จมาถึงแล้วพ่ะย่ะคะ”
เมื่อหลิ่วรั่วฟูได้ยินคำว่าเหลียงอ๋องก็รู้สึกสะอิดสะเอียนเป็นอย่างมาก นางสะบัดผ้าเช็ดหน้าเดินจากไปทันทีอย่างไม่ต้องการเห็นเหลียงอ๋องผู้อ่อนแอคนนั้น
เสียนอ๋องมองแผ่นหลังที่เดินจากไปของบุตรสาวพลางส่ายหน้าน้อยๆ จากนั้นกล่าวขึ้น “เชิญเหลียงอ๋องมาในห้องโถง”
ฝูรั่วซีเดินเลี้ยวไปหยุดอยู่ที่มุมหนึ่ง หญิงสาวหยุดฝีเท้าลง จากนั้นใช้มือป้องปากเอ่ยกระซิบกับนางกำนัลข้างกาย “ไปตามแม่ทัพเสี่ยวหวังมา!”
“เจ้าค่ะ!” นางกำนัลข้างกายของฝูรั่วซีรับคำแล้วจากไปทันที
นางกำนัลรู้ดีว่าแม่ทัพเสี่ยวหวังคือบุตรชายคนโตของแม่ทัพหวัง ชายหนุ่มหลงรักหนานตูจวิ้นจู่มาตั้งแต่เด็ก เดิมทีเขาอยากสร้างผลงานเพื่อสู่ขอหนานตูจวิ้นจู่ ผู้ใดจะคิดว่าสุดท้ายแล้วฝูรั่วซีจะแต่งงานกับเหลียงอ๋อง
แม่ทัพหวังพาแม่ทัพเสี่ยวหวังมาร่วมงานแต่งของหลิ่วรั่วฟูที่เมืองหลวง แม่ทัพเสี่ยวหวังลอบนัดพบหลิ่วรั่วฟูเป็นการส่วนตัว กล่าวว่าเหลียงอ๋องไม่คู่ควรกับหลิ่วรั่วฟู เขายินดีจะพาหลิ่วรั่วฟูหนีไปจากที่นี่
ต่อมาแม่ทัพเสี่ยวหวังรู้ว่าเสียนอ๋องลอบนำทหารกองทัพหนานตูจำนวนหนึ่งเข้ามาในเมืองหลวงเพื่อคุ้มกันให้เหลียงอ๋องได้ขึ้นครองบัลลังก์ หลิ่วรั่วฟูจะกลายเป็นฮองเฮา แม่ทัพเสี่ยวหวังจึงล้มเลิกความคิดที่จะพาหลิ่วรั่วฟูหนีไป
บัดนี้หลิ่วรั่วฟูเรียกพบแม่ทัพเสี่ยวหวังอีกครั้งคงเป็นเพราะหญิงสาวต้องการให้เขาไปสังหารองค์หญิงเจิ้นกั๋วแทนนาง
เป็นดังที่คาดไว้ เมื่อแม่ทัพเสี่ยวหวังมาถึง หลิ่วรั่วฟูขอให้แม่ทัพเสี่ยวหวังลอบนำทหารไปสังหารองค์หญิงเจิ้นกั๋วลับหลังเสียนอ๋อง ต้องสังหารนางให้สำเร็จให้ได้
แม้แม่ทัพเสี่ยวหวังจะหลงรักหลิ่วรั่วฟู ทว่า เขาไม่ใช่คนไม่มีสมอง เขาลังเลเพราะกลัวจะทำให้เสียนอ๋องเสียแผน หลิ่วรั่วฟูกลับกล่าวขึ้น “เจ้าอย่าลืมนะว่าทหารค่ายผิงอันสองหมื่นนายยังอยู่ที่นอกเมืองหลวง องค์หญิงเจิ้นกั๋วถนัดเรื่องนำทัพ นางเอาชนะศัตรูได้ด้วยกำลังที่น้อยกว่าไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว เสด็จพ่อดูถูกสตรี ทว่า ข้าจะไม่ยอมให้เรื่องนี้มีช่องโหว่เด็ดขาด! หากเรื่องนี้มีข้อผิดพลาด ผู้ที่จะตายไม่ได้มีเพียงเสด็จพ่อ ข้าและเหลียงอ๋อง ทว่า บรรดาท่านลุงท่านอาที่จงรักภักดีต่อเสด็จพ่อของข้าและรักข้าเสมือนลูกหลานก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย!”
หลิ่วรั่วฟูกล่าวด้วยดวงตาที่แดงฉาน หญิงสาวใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา มองไปทางแม่ทัพเสี่ยวหวังนิ่ง “ดังนั้นครั้งนี้ข้าจึงได้แต่ขอให้เจ้าช่วย! หากเจ้าไม่เต็มใจข้าก็ไม่บังคับ ข้าคงทำได้เพียงยอมตายไปพร้อมกับไป๋ชิงเหยียน เด็กเวรในครรภ์ของข้าจะได้ไม่ต้องมีโอกาสลืมตาขึ้นมาดูโลกนี้!”
“มิได้นะขอรับจวิ้นจู่” ใบหน้าคมคายของแม่ทัพเสี่ยวหวังซีดเผือดลงทันที เขารีบกล่าวขึ้น “ข้าจะทำตามที่จวิ้นจู่สั่งให้ดีที่สุด จวิ้นจู่ไม่ต้องห่วงขอรับ”
หลิ่วรั่วฟูเช็ดน้ำตา โค้งกายคำนับแม่ทัพเสี่ยวหวัง “เช่นนั้นฝากแม่ทัพเสี่ยวหวังจัดการเรื่องนี้ด้วย!”
เมื่อแม่ทัพเสี่ยวหวังจากไป ชายหนุ่มไม่ได้รีบร้อนพาทหารบุกไปยังจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ทว่า เขาไปยังโถงด้านหน้า อาศัยจังหวะตอนที่เสียนอ๋องเรียกเหลียงอ๋องเข้าไปปรึกษาในห้องหนังสือเล่าเรื่องที่หลิ่วรั่วฟูฝากให้เขาไปจัดการให้บิดาของตัวเองฟัง
แม่ทัพหวังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นอนุญาตบุตรชายของตัวเอง “ข้ารู้ว่าเจ้ามีใจให้หนานตูจวิ้นจู่ ทว่า เจ้าต้องเก็บงำความรู้สึกของเจ้าไว้ให้ดี ภายหน้าจวิ้นจู่จะกลายเป็นฮองเฮา เจ้าช่วยนางจัดการปัญหายุ่งยากก็ดีเหมือนกัน วันหน้าเจ้าจะได้มีหนทางที่ราบรื่นและมั่นคงว่าข้า ไปจัดการเถิด! ระวังอย่าให้คนของจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วหนีออกมาได้เด็ดขาด!”
“ข้าเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ไม่มีผู้ใดรู้จัก ดังนั้นข้าอยากปลอมตัวเป็นคนของซิ่นอ๋อง เช่นนี้เสียนอ๋องจะได้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แม้คนของจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะหนีออกไปได้ก็ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับพวกเราขอรับ!” แม่ทัพเสี่ยวหวังกล่าว
“ลูกข้าคิดได้รอบคอบมาก ไปเถิด!” แม่ทัพหวังตบไหล่ของบุตรชายเบาๆ “องค์หญิงเจิ้นกั๋วเก่งกาจเรื่องยิงธนู นางมีฝีมือไร้เทียมทาน เจ้าจงระวังตัวให้ดี อย่าประมาทเพียงเพราะนางเป็นสตรีเด็ดขาด! องครักษ์ของจวนไป๋ล้วนมาจากกองทัพไป๋ พวกเขารับมือได้ยากมาก!”
“ข้าทราบแล้วขอรับ!”
แม่ทัพเสี่ยวหวังรับคำแล้วหมุนกายเดินจากไป
ผู้คนในเมืองหลวงต่างรับรู้ว่าวันนี้แม่ทัพปี้เหิงนำกองกำลังทหารรักษาพระองค์บุกเข้าไปในวังหลวง ชาวบ้านต่างหลบอยู่แต่ในบ้านไม่กล้าออกไปเพ่นพ่านด้านนอก
บุรุษและสตรีของตระกูลสูงศักดิ์หลบอยู่แต่ในจวนไม่กล้าออกไปด้านนอก
ขุนนางที่ต้องไปเข้าร่วมว่าราชการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดขุนนางเสร็จเรียบร้อย ทว่า กลับเอาแต่หดหัวอยู่แต่ในจวน สั่งให้องครักษ์คุ้มกันจวนไว้อย่างแน่นหนา พาสตรีและเด็กเล็กไปหลบอยู่ในเรือนที่ลึกที่สุดของจวน บางตระกูลถึงกับซ่อนบุตรเล็กของตัวเองไว้ในห้องลับเรียบร้อย
จวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว
เมื่อฮูหยินสองรู้ข่าวก็หวั่นวิตกมาก เดิมทีนางอยากไปที่เรือนฉางโซ่ว ทว่า เมื่อได้ยินบ่าวรับใช้กล่าวว่าองค์หญิงใหญ่เข้าวังไปตั้งแต่เมื่อคืนโดยไม่ได้บอกผู้ใดทั้งสิ้น นางจึงตัดสินใจไม่ได้จึงรีบมุ่งหน้าไปยังเรือนชิงฮุย
ฮูหยินสองบังเอิญพบกับคุณหนูไป๋เจ็ดไป๋จิ่นเซ่อระหว่างทาง ทั้งสองจึงเดินไปยังเรือนชิงฮุยพร้อมกัน
ฮูหยินสองหลิ่วซื่อเป็นกังวล “อยู่ดีๆ เหตุใดจึงบุกวังหลวงเช่นนี้กัน”
“ซิ่นอ๋องกล่าวว่าองค์รัชทายาทจงใจทำร้ายฮ่องเต้เพื่อขึ้นครองบัลลังก์ องค์รัชทายาทตรัสว่าเหลียงอ๋องวางแผนทำร้ายฮ่องเต้ ต้องการสังหารฮ่องเต้และรัชทายาทเพื่อตนเองจะได้ขึ้นครองราชย์ ทั้งสองฝ่ายจึงปะทะกันเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนพยายามกล่าวอย่างกระชับและได้ใจความให้หลิวซื่อเข้าใจง่ายๆ
“พวกเข้าจะโยงมาถึงพวกเราหรือไม่ เรารับตัวจิ่นซิ่ว ฉินหล่างและวั่งเกอมาอยู่ที่จวนเราด้วยดีกว่า ทุกคนอยู่รวมกันจะได้รู้สึกอุ่นใจมากยิ่งขึ้น” หลิวซื่อกำผ้าเช็ดหน้าแน่น นางหวั่นวิตกมาก
“ท่านอาสะใภ้รองไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ข้าสั่งให้ลุงผิงไปกำชับจิ่นซิ่วไม่ให้นางออกจากจวนแล้ว ครั้งนี้ซิ่นอ๋องและรัชทายาทปะทะกันเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ พวกเขาไม่สังหารคนในเมืองหลวงพร่ำเพื่อหรอกเจ้าค่ะ ขุนนางในเมืองหลวงตอนนี้ล้วนจงรักภักดีต่อราชวงศ์หลิน ผู้ใดจะกล้าขึ้นครองราชย์โดยได้ชื่อว่าเป็นจักรพรรดิผู้โหดเหี้ยมกันเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวปลอบหลิวซื่อ
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวมีเหตุผล หลิวซื่อเข้าใจ ทว่า บุตรสาวและหลานชายไม่ได้อยู่ข้างกาย อีกทั้งเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเช่นนี้ หลิวซื่อจะไม่ห่วงความปลอดภัยของพวกเขาได้อย่างไรกัน
“ที่สำคัญ…” ดวงตาของไป๋ชิงเหยียนวาววับ “จวนของเราน่าจะอันตรายกว่าจวนฉินอีกเจ้าค่ะ! อย่ารับวั่งเกอและจิ่นซิ่วมาที่นี่เลยดีกว่าเจ้าค่ะ”
“ซิ่นอ๋องคงนึกถึงทหารสองหมื่นนายของค่ายผิงอันที่อยู่ที่นอกเมือง กลัวว่าพี่หญิงใหญ่จะออกนอกเมืองไปพาพวกเขาเข้ามาจึงจะส่งคนมาสังหารพี่หญิงใหญ่ใช่หรือไม่เจ้าคะ” ไป๋จิ่นเซ่อกำหมัดแน่น แผ่นหลังชาวาบ