สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 638 แพ้เพราะความโง่
ตอนที่ 638 แพ้เพราะความโง่
องค์หญิงเจิ้นกั๋วคือผู้ใดกัน!
นางคือหลานสาวของตระกูลนักรบที่รุ่งเรืองมานับร้อยปีของจวนเจิ้นกั๋ว นางคือสตรีที่เจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงบุรุษผู้เป็นกระดูกสันหลังของแคว้นต้าจิ้นกล่าวชมว่าคือยอดนักรบ
บุคคลเช่นนี้แม้เป็นเพียงสตรี ทว่า ขอเพียงนางมีสายเลือดของตระกูลไป๋อยู่ในร่างก็เพียงพอที่จะทำให้คนอื่นเคารพนับถือแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นองค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่เคยพ่ายแพ้ในสงครามครั้งใด นางสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ในสงครามหนานเจียงและเป่ยเจียง พลิกแพลงสถานการณ์จนทำให้ต้าจิ้นที่เกือบจะพ่ายแพ้ย่อยยับกลับมาชนะสงครามได้อย่างสวยงาม ทำสงครามจนซีเหลียงและต้าเหลียงต้องคุกเข่าอ้อนวอน ทหารพวกเขาจะไม่หวาดกลัวและหวั่นเกรงหญิงสาวได้อย่างไรกัน!
“ท่านแม่ทัพ!” ทหารหนานตูที่ง้างสายธนูอยู่ร่างสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
เมื่อครู่ตอนที่พวกเข้าบุกโจมตีประตูอู่เต๋อ ทุกคนล้วนบุกอย่างอาจหาญ โจมตีและยึดประตูอู่เต๋อมาควบคุมได้โดยไม่สนใจชีวิตของผู้อื่น ทว่า บัดนี้พวกเขามีเหลือไม่ถึงห้าร้อยคน ทหารค่ายผิงอันมีจำนวนสองหมื่นนาย ที่สำคัญประตูวังถูกพวกเขาพังทลายจนยับเยินหมดแล้ว ง่ายต่อการบุกโจมตียิ่งนัก ผู้ใดจะไม่หวาดกลัวกันเล่า!
ตอนพวกเขาบุกโจมตีวังหลวง พวกเขาไม่ไว้ชีวิตทหารรักษาพระองค์แม้แต่ผู้เดียว เมื่อเห็นก็สังหารจนเรียบ บัดนี้ถึงตาพวกเขาบ้างแล้ว พวกเขารู้สึกเหมือนกำลังจะถูกเชือดคอ
กองทัพผิงอันมุ่งหน้าไปยังวังหลวงอย่างฮึกเหิมภายใต้การนำของไป๋ชิงเหยียน เมื่อสตรีในชุดเกราะสีเงินยกมือขึ้น…เหล่าทหารสองหมื่นนายของค่ายผิงอันหยุดฝีเท้าลงอย่างพร้อมเพรียงจนน่าหวั่นเกรง
กองทัพหนานตูลำคอร้อนผ่าว มือที่ง้างสายธนูสั่นระริก ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและกระวนกระวาย รู้ดีว่าพวกตนไม่มีทางชนะอย่างแน่นอน
ไป๋ชิงเหยียนที่นั่งอยู่บนหลังม้าสีขาวกำเชือกม้าแน่น หญิงสาวหันไปส่งสัญญาณให้องครักษ์ไป๋ที่อยู่ข้างกาย
องครักษ์ไป๋ขี่ม้าไปด้านหน้า แสร้งล้วงหยิบป้ายหยกแผ่นหนึ่งออกมาจากอก อ้างว่าเป็นคำสั่งของรัชทายาท ตะโกนเสียงดังลั่น “องค์หญิงเจิ้นกั๋วได้รับบัญชาจากองค์รัชทายาทให้นำทัพทหารค่ายผิงอันสองหมื่นนายเข้าไปช่วยเหลือฝ่าบาทในวังหลวง เห็นป้ายหยกดั่งเห็นรัชทายาท รีบเปิดประตูเมืองเดี๋ยวนี้!”
เสียนอ๋องและเหลียงอ๋องบุกเข้าไปในวังหลวงโดยอ้างว่าเข้าไปช่วยเหลือฮ่องเต้ หากไป๋ชิงเหยียนพากองทัพผิงอันเข้าไปในวังในเวลานี้ เสียนอ๋องและเหลียงอ๋องต้องอ้างว่าทำไปเพื่อคุ้มครองฮ่องเต้แน่นอน
ทว่า ไป๋ชิงเหยียนมั่นใจว่ากองทัพหนานตูที่อยู่บนกำแพงเมืองได้รับคำสั่งให้คุ้มกันประตูวังไว้ด้วยชีวิต หากแม่ทัพหนานตูเห็นป้ายหยกของรัชทายาทแล้วยังไม่ยอมปล่อยพวกนางเข้าไปด้านใน ผู้ใดจะเชื่อว่ากองทัพหนานตูไม่ได้กบฏกัน!
หญิงสาวไม่ได้บุกโจมตีเข้าไปอย่างที่คิดไว้ ทว่า กลับบอกให้พวกเขาเปิดประตูวังแทน
แม่ทัพหนานตูเริ่มลังเลขึ้นมาทันที เขาหันไปทางลูกน้อง “ส่งคนไปรายงานเสียนอ๋องแล้วหรือไม่”
“ไปแล้วขอรับแม่ทัพ”
“รีบส่งไปอีกสองคน ด่วนเลย!” แม่ทัพหนานตูตะโกนบอก
องครักษ์ไป๋นั่งอยู่บนหลังม้า ม้าศึกของเขาตะกายขาขึ้นสูง เขารีบกระตุกบังเหียนม้าอย่างแรง ม้าหมุนเป็นวงกลมอยู่สองสามรอบ จากนั้นสะบัดขนที่เปื้อนน้ำฝนจนกระเด็นไปทั่ว องครักษ์ไป๋กล่าวขึ้น “องค์หญิงเจิ้นกั๋วได้รับบัญชาจากองค์รัชทายาทให้นำทัพทหารค่ายผิงอันสองหมื่นนายเข้าไปช่วยเหลือฝ่าบาทในวังหลวง เห็นป้ายหยกดั่งเห็นรัชทายาท พวกเจ้ายังไม่รีบเปิดประตูเมืองอีกหรือ กองทัพหนานตูของพวกเจ้าคิดจะกบฏหรือย่างไร!”
แม่ทัพหนานตูซึ่งอยู่บนกำแพงไม่กล้ากล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น เอาแต่มองไปทางวังหลวงที่มีเสียงต่อสู้ดังระลมเป็นพักๆ เขาร้อนใจดั่งไฟลน รีบกล่าวรับมือเฉพาะหน้า “องค์หญิงเจิ้นกั๋วโปรดรอสักครู่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมให้คนไปเชิญเสียนอ๋องแล้วพ่ะย่ะค่ะ…”
“วังหลวงคือบ้านของเสียนอ๋องหรืออย่างไร! เห็นป้ายหยกขององค์รัชทายาทแล้วไม่รีบเปิดประตู ทว่า กลับเชิญเสียนอ๋องมาเช่นนี้ เสียนอ๋องและเหลียงอ๋องบุกเข้าวังหลวงโดยอ้างว่าเข้าไปคุ้มครองฝ่าบาท ทว่า แท้จริงแล้วต้องการเข้าไปสังหารรัชทายาทและซิ่นอ๋องเพื่อให้เหลียงอ๋องได้ขึ้นครองราชย์หรืออย่างไรกัน” ฝูรั่วซีตวาดลั่น
ไป๋ชิงเหยียนไม่รอช้า หญิงสาวหยิบธนู ง้างสายธนูเซ่อรื้อเต็มเหนี่ยว ไม่รอให้แม่ทัพผู้นั้นกล่าวสิ่งใดอีก หญิงสาวยิงธนูออกไปเต็มแรงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม…
ลูกธนูพุ่งผ่านสายฝนและสายลมเสียบทะลุลำคอของแม่ทัพหนานตูผู้นั้น จากนั้นปักลงที่กำแพงด้านหลัง ปลายธนูที่เปื้อนไปด้วยเลือดสั่นไหวเล็กน้อย เช่นเดียวกับใจของทหารทุกคนของกองทัพหนานตูที่อยู่บนกำแพง
กองทัพหนานตูบนกำแพงอลหม่านขึ้นทันที “ท่านแม่ทัพ!”
“ท่านแม่ทัพ!”
ไป๋ชิงเหยียนลดธนูลง หันหัวม้ากลับ จากนั้นตะโกนเสียงดังลั่น “เสียนอ๋องและเหลียงอ๋องอ้างว่าเข้าไปช่วยคุ้มครองฝ่าบาท ทว่า แท้จริงแล้วต้องการกบฏ ฝ่าบาทและองค์รัชทายาทกำลังตกอยู่ในอันตราย หากฝ่าบาทและองค์รัชทายสิ้นพระชนม์ขึ้นมาแล้วซิ่นอ๋องผู้โหดร้ายและเห็นชีวิตชาวบ้านเป็นผักปลาหรือเหลียงอ๋องผู้อ่อนแอและกลายเป็นหุ่นเชิดของผู้อื่นได้ขึ้นครองบัลลังก์ ชีวิตของชาวบ้านแคว้นต้าจิ้นและแผ่นดินต้าจิ้นจะสงบสุขได้อย่างไรกัน เหล่าทหารค่ายผิงอัน ผู้ที่กล้าติดตามไป๋ชิงเหยียนบุกเข้าไปปกป้องความสงบสุขของต้าจิ้นจงบุกเข้าไปทันที! ฆ่า!”
น้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนหนักแน่นและก้องกังวานไปทั่วบริเวณ ทุกคนรู้สึกเลือดร้อนขึ้นมาทันที
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
ทหารเกือบสองหมื่นนายของค่ายผิงอันต่างพากันโห่ร้องว่า “ฆ่า!” สามครั้งติดด้วยความฮึกเหิม เสียงดังกังวานไปทั่วบริเวณ ช่างเป็นภาพที่น่าหวั่นเกรงยิ่งนัก
ฝูรั่วซีชักดาบออกมาจากฝัก ชี้คมดาบไปทางวังหลวง “บุกเข้าไป!”
ทันใดนั้น ค่ายผิงอันบุกเข้าไปในวังหลวงอย่างรวดเร็ว
ต้องขอบคุณกองทัพหนานตู บัดนี้ประตูอู่เต๋อถูกพวกเขาทำลายจนแทบถล่มลงมาอยู่แล้ว เสาหลักสำหรับยึดประตูใหญ่ถูกพวกเขาฟันจนขาด ต่อให้กองทัพหนานตูที่เหลืออยู่ทั้งหมดสามร้อยนายพากันไปขวางประตูเอาไว้ก็ไม่มีทางต้านทานกองทัพผิงอันได้
พายุฝนตกกระหน่ำราวกับตาข่ายยักษ์ที่ถักทออย่างละเอียดจนทำให้คนลืมตาแทบไม่ขึ้น
กองกำลังรักษาพระองค์ภายใต้การนำของซิ่นอ๋องถูกหน่วยตรวจเมืองและกองทัพหนานตูล้อมไว้ทั้งสองทางอยู่ที่ด้านหน้าตำหนักของฮ่องเต้ พ่ายแพ้ยับเยิน
ซิ่นอ๋องถูกธนูยิงเข้าที่หน้าอกสองดอก เลือดสดไหลทะลักออกมาไม่หยุด ทว่า ปี้เหิงยังช่วยประคองซิ่นอ๋องและกำดาบในมือแน่น แม้ตอนนี้พวกเขาจะถูกล้อมจนวงแคบเข้ามาเรื่อยๆ ทว่า ปี้เหิงยังอยากคุ้มครองซิ่นอ๋องให้หนีรอดไปอย่างปลอดภัย
ซิ่นอ๋องเงยหน้าขึ้น เขาเห็นเหลียงอ๋องน้องชายของตัวเองยืนอยู่ข้างเสียนอ๋องบนบันไดสูง
เหลียงอ๋องที่เครื่องแต่งกายเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนจนหยดกราวลงบนพื้นยังคงยืนสีหน้าซีดเผือดอยู่กลางสายฝน ทว่า เมื่อมองให้ดีกลับไม่เห็นท่าทีที่เคยอ่อนแอและขี้ขลาดเหมือนก่อนหน้าอีกแล้ว แววตาของเขาโหดร้ายราวกับอสรพิษที่หลบซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด
ซิ่นอ๋องเบิกตาโพลงมองไปทางเหลียงอ๋องเขม็ง เมื่อเห็นเหลียงอ๋องยกยิ้มมุมปาก ศีรษะของซิ่นอ๋องขาวโพลน เสมือนโลกนี้เหลือเพียงเสียงน้ำฝนที่กระทบลงบนพื้นและเสียงหยดเลือดของเขาเท่านั้น
เหลียงอ๋องกล่าวกับเขาว่า…
‘เสด็จพี่ แต่ไรมาแต่ไรมาโอรสที่เกิดจากฮองเฮาล้วนได้ครองบัลลังก์ ทว่า เสด็จพ่อกลับถอดตำแหน่งของเสด็จพี่ให้รัชทายาทแทน ตอนนั้นข้าโง่เขลาไม่รู้จะช่วยเสด็จพี่ได้อย่างไร ทว่า บัดนี้เสด็จพ่อจะแสร้งจัดฉากพลัดตกจากหลังม้าเพื่อสร้างหอบูชาเก้าชั้น เสด็จพี่สามารถทำให้เรื่องโกหกกลายเป็นเรื่องจริงได้ ใส่ร้ายว่ารัชทายาทต้องการปลงพระชนม์เสด็จพ่อ จากนั้นจัดการกับเขาแล้วขึ้นครองราชย์อย่างชอบธรรม เมื่อเสด็จพี่ได้ขึ้นครองราชย์ก็จะไม่มีผู้ใดแย่งบัลลังก์ไปจากท่านได้อีกพ่ะย่ะค่ะ’
เหลียงอ๋องกล่าวว่า…
‘เสด็จพี่ บัดนี้ฝูรั่วซีถูกจับได้แล้ว หากเราไม่ลงมือตอนนี้ เมื่อเสด็จพ่อตื่นขึ้นมาทุกอย่างจะสายเกินแก้’
เหลียงอ๋องกล่าวว่า…
‘เสด็จพี่ ชีวิตของข้าไม่มีค่าอันใด ข้าหวังเพียงให้ทายาทสายหลักอย่างเสด็จพี่ได้ครอบครองบัลลังก์ แต่เป็นจักรพรรดิดั่งที่พี่สมควรได้รับ ปกป้องน้องชายคนนี้ให้ปลอดภัยตลอดชีวิตก็พอแล้วพ่ะย่ะค่ะ’
ปลอดภัยตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ! บัดนี้ซิ่นอ๋องเข้าใจแล้วว่าเสด็จแม่ของเขากล่าวถูกต้อง เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหลียงอ๋อง เสด็จแม่ของเขาไม่ได้ประเมินเหลียงอ๋องสูงไป เป็นเขาที่ดูถูกเหลียงอ๋องมากเกินไปจึงกลายเป็นเครื่องมือให้เหลียงอ๋องหลอกใช้เช่นนี้
เขาแพ้เพราะความหยิ่งทระนงของตัวเอง แพ้เพราะความโง่เขลาของตัวเอง!
ซิ่นอ๋องกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง สองขาทรุดลงกับพื้นอย่างทนไม่ไหว
ทว่า เขาไม่อยากตายไปเช่นนี้ เขาไม่ยอม…
“องค์ชาย ซิ่นอ๋อง!” ปี้เหิงรีบคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น ใช้ดาบค้ำยันกายของเขาและซิ่นอ๋องเอาไว้
ทว่า ซิ่นอ๋องหมดลมหายใจแล้ว ร่างของเขาไร้สิ้นเรี่ยวแรง