สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 642 บริสุทธิ์
ตอนที่ 642 บริสุทธิ์
หากเขาสามารถเป็นหินก้อนหนึ่งที่ปูทางให้ไป๋ชิงเหยียนเดินทางไปสู่ปณิธานที่นางหวังได้ก็ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณที่ไป๋ชิงเหยียนคอยลอบช่วยเหลือตระกูลฝูของเขานับตั้งแต่อยู่ที่ค่ายผิงอันแล้ว
“ไป๋ชิงเหยียนคาราวะฝ่าบาท องค์รัชทายาทเพคะ เหยียนนำทัพมาช้าไปทำให้ฝ่าบาทและองค์รัชทายาทตกอยู่ในความหวาดหวั่น ฝ่าบาทและองค์ชายได้โปรดลงโทษด้วยเพคะ!” ไป๋ชิงเหยียนคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น แขนข้างหนึ่งยกขึ้นไม่ไหว หญิงสาวได้แต่ใช้มืออีกข้างยันไว้ที่หัวเข่าพลางก้มหน้าต่ำ
ฝูรั่วซีก้มหน้ามองพื้นกระเบื้องสีดำที่ถูกขัดจนเงาวับ สายตาหยุดอยู่ที่รอยเท้าเปื้อนเลือดบนกระเบื้องของไป๋ชิงเหยียน จากนั้นคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นเช่นเดียวกับหญิงสาว กล่าวเสียงแหบพร่า “นักโทษฝูรั่วซีนำทัพมาช่วยเหลือช้าไป ฝ่าบาทและองค์ชายได้โปรดลงโทษด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนและฝูรั่วซีถูกเรียกตัวเข้ามาพบในตำหนัก ประตูหน้าตำหนักเปิดกว้าง ภายในตำหนักจึงได้ยินเสียงฟ่านอวี๋ไหวตะโกนบอกให้หน่วยตรวจเมืองจับกุมตัวกองทัพหนานตูและกองกำลังรักษาพระองค์ที่ก่อกบฏท่ามกลางสายฝนอย่างชัดเจน
แม่ทัพค่ายผิงอันบอกกับฟ่านอวี๋ไหวว่าพวกเขาบุกมาทางประตูทางทิศตะวันออกและตะวันตกของวังหลวง องค์หญิงเจิ้นกั๋วและฝูรั่วซีบุกมาทางประตูอู่เต๋อ พวกเขาจับกุมตัวกบฏที่ยอมจำนนและสังหารกบฏที่ขัดขืนตามคำสั่งของไป๋ชิงเหยียนเรียบร้อยแล้ว ประตูเมืองทิศตะวันออกและตะวันตกไม่น่าจะมีทหารกบฏหลงเหลืออยู่แล้ว
ทว่า ฟ่านอวี๋ไหวไม่วางใจจึงสั่งให้คนนำทหารไปสำรวจอีกรอบเพื่อความปลอดภัยของฮ่องเต้
“ฝ่าบาท ใต้เท้าฟ่านได้รับบาดเจ็บตอนคุ้มครองฝ่าบาท ฝ่าบาทได้โปรดเรียกใต้เท้าฟ่านเข้ามาให้หมอหลวงทำแผลและดูบาดแผลที่ตาเขาก่อนเถิดเพคะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับฮ่องเต้
เมื่อเห็นฮ่องเต้ต้องการหยัดกายขึ้น รัชทายาทรีบถลาเข้าไปช่วยประคองทันที เขาสอดหมอนอิงไปใต้แผ่นหลังของฮ่องเต้ จากนั้นกล่าวเสียงเบา “ช้าหน่อยพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ…”
ฮ่องเต้พยักหน้าแล้วค่อยๆ เอนกายพิงหมอนอิงอย่างช้าๆ ตอนที่เขาได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวว่านำทัพมาช่วยเหลืออยู่หน้าตำหนัก ฮ่องเต้รู้สึกเหมือนได้รับการปลดปล่อยจากภาระที่หนักอึ้ง บัดนี้สีหน้าอิดโรยของฮ่องเต้ดีขึ้นมากแล้ว เขากลับไปเป็นฮ่องเต้ที่ดูสูงส่งเหนือผู้ใดคนเดิม กล่าวขึ้น “ลำบากองค์หญิงเจิ้นกั๋วแล้ว หมอหลวงหวง เจ้าจัดคนไปดูอาการของฟ่านอวี๋ไหวด้วย!”
หมอหลวงหวงพยักหน้า หันไปสั่งให้หมอหลวงที่อายุน้อย ทว่า ฝีมือการรักษายอดเยี่ยมไปตรวจดูอาการของฟ่านอวี๋ไหว
ฮ่องเต้มองไปทางฝูรั่วซี กล่าวขึ้น “ราชครูถานเล่าเรื่องที่ฮองเฮาข่มขู่เจ้าให้เราฟังหมดแล้ว เจ้าจำต้องชักดาบใส่รัชทายาทด้วยความจนใจ เจ้าเสียแขนไปข้างหนึ่งแล้ว ครั้งนี้เจ้ามีความดีความชอบในการยกทัพมาช่วยชีวิตเรา เราจะไว้ชีวิตเจ้า ทว่า ยึดตำแหน่งของเจ้าคืน ให้เจ้าอยู่ไว้ทุกข์ให้ฝูเหล่าไท่จวินในเมืองหลวง เจ้ายอมรับได้หรือไม่”
ฝูรั่วซีก้มศีรษะคำนับแนบพื้น “ฝ่าบาททรงไว้ชีวิตกระหม่อมให้อยู่ไว้ทุกข์ให้มารดาถือเป็นพระกรุณาธิคุณอย่างยิ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะจดจำบุญคุณครั้งนี้ไว้ให้ขึ้นใจ จะรับใช้ฝ่าบาทและองค์รัชทายาทอย่างซื่อสัตย์จนกว่าชีวิตจะหาไม่พ่ะย่ะค่ะ!”
“เรานึกว่าเมื่อคืนเจ้าถูกคนของฮองเฮาสังหารจนเสียชีวิตไปแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่และนำทัพมาช่วยเหลือเราเช่นนี้ ช่างดีเสียจริง!” รัชทายาทรู้สึกดีฝูรั่วซียังมีชีวิตอยู่จริงๆ หากฝูรั่วซีเสียชีวิตไปแล้ว หากฮองเฮาแก้ตัวว่ารัชทายาทใส่ร้ายนางโดยไม่มีหลักฐาน รัชทายาทคงไม่รู้จะทำเช่นไรดี
ฝูรั่วซีระแวงขึ้นมาทันที เขาคิดว่ารัชทายาทเกิดสงสัยขึ้นมาว่าเขาหนีออกไปจากเมืองหลวงได้อย่างไร
ไม่ว่าอย่างไรฝูรั่วซีก็ไม่มีทางดึงไป๋ชิงเหยียนเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เด็ดขาด เขากล่าวเพียง “กระหม่อมถูกคนของฮองเฮาจับตัวออกไปจากคุกศาลต้าหลี่ เดิมทีกระหม่อมคิดว่าตัวเองต้องตายแน่ๆ ทว่า คนของฮองเฮากลับพาตัวของกระหม่อมออกไปจากเมืองหลวงกล่าวว่าหากกระหม่อมนำทัพค่ายผิงอันเข้าไปช่วยเหลือฝ่าบาทและองค์ชายจะสามารถใช้ความดีความชอบลบล้างความผิดที่เคยกระทำได้พ่ะย่ะค่ะ…”
ฝูรั่วซีคิดพลางกล่าวออกไป
เขานึกถึงเรื่องที่ไป๋ชิงเหยียนจุดดอกไม้ไฟขึ้นฟ้าสามครั้ง รู้ดีว่าไม่อาจกันไป๋ชิงเหยียนออกจากเรื่องนี้ได้ทั้งหมด มิเช่นนั้นคงไม่อาจอธิบายเรื่องดอกไม้ไฟได้ ฝูรั่วซีจึงกล่าวขึ้น
“ขณะที่กระหม่อมตั้งใจวางแผนซ้อนแผนโดยการเดินทางไปยังค่ายพักแรมของทหารผิงอัน องครักษ์ไป๋มาช่วยชีวิตของกระหม่อมได้ทันการ เขากล่าวว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วมุ่งหน้าไปช่วยองค์รัชทายาทแล้ว ให้กระหม่อมรีบนำทัพทหารสองหมื่นนายของค่ายผิงอันไปเสริมทัพทันที ทว่า กระหม่อมมีโทษติดตัว ไม่มีตราทัพ อีกทั้งไม่มีราชโองการจากฝ่าบาทและรัชทายาท กระหม่อมจึงทำได้เพียงคุกเข่าสาบานด้วยดวงวิญญาณของมารดาผู้ล่วงลับขอร้องให้ทหารค่ายผิงอันยอมติดตามกระหม่อมมายังวังหลัง บรรดาทหารค่ายผิงอันจึงยอมติดตามกระหม่อมมุ่งหน้ามายังเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ จนเมื่อใกล้เข้าใกล้เมืองหลวง บรรดาทหารค่ายผิงอันเห็นหน้าองค์หญิงเจิ้นกั๋ว พวกเขาถึงเชื่ออย่างแท้จริงว่ากระหม่อมพาพวกเขามาช่วยเหลือฝ่าบาทและรัชทายาท ไม่ได้พาพวกเขามาก่อกบฏพ่ะย่ะค่ะ”
ฝูรั่วซีไม่เพียงกล่าวอย่างมีเหตุผล เขายังแก้ต่างให้ตัวเองได้อีกด้วยว่าแม้เขาจะเป็นหัวหน้ากองทัพค่ายผิงอัน ทว่า เมื่อเขาไม่มีตำแหน่งติดตัว เขาก็ไม่สามารถเรียกใช้บรรดาทหารในกองทัพได้อีกต่อไป เช่นนี้ฮ่องเต้และรัชทายาทจะได้หวาดระแวงในตัวเขาน้อยลง
เสียงฝนตกและเสียงอ้อนวอนของเหลียงอ๋องดังกังวานอยู่นอกตำหนัก ฮ่องเต้กวาดสายตามองไปด้านนอกอย่างอดไม่ได้ ไม่รู้ว่าสีหน้าของเขาในตอนนี้กำลังโกรธหรือเจ็บปวดอยู่กันแน่
ฟางเหล่าลอบกำหมัดแน่น ช่วงนี้เขาวุ่นวายอยู่กับการใส่ร้ายว่าฮองเฮาลอบมีความสัมพันธ์กับฝูรั่วซี ไปจนถึงเรื่องใส่ร้ายว่าซิ่นอ๋องไม่ใช่โอรสของฮ่องเต้
ทว่า เมื่อฟางเหล่ามองไปทางรัชทายาท เขาเห็นสีหน้าของรัชทายาทเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณฝูรั่วซี เมื่อคิดดูให้ดี…บัดนี้ซิ่นอ๋องเสียชีวิตลงแล้ว ฮองเฮาก็คงไม่รอดแน่ รัชทายาทคงไม่กัดฝูรั่วซีไม่ปล่อยอีกแล้ว
ฮ่องเต้พยักหน้า จากนั้นหันไปมองไป๋ชิงเหยียนที่แขนข้างหนึ่งยกไม่ขึ้นนิ่ง “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าคนของฮองเฮาจะช่วยฝูรั่วซี”
“ทูลฝ่าบาท ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้เดาได้ว่าฮองเฮาจะช่วยฝูรั่วซีเพคะ เหยียนแค่เดาออกว่าฮองเฮาต้องส่งคนไปปิดปากฝูรั่วซี หม่อมฉันจึงกำชับให้ใต้เท้าหลู่คุ้มกันฝูรั่วซีอย่างเข้มงวด ทว่า เมื่อกลับไปถึงจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ไป๋ชิงเหยียนยังรู้สึกไม่วางใจจึงส่งให้ไปจับตาดูคุกศาลต้าหลี่ไว้เพื่อป้องกันฝูรั่วซีเป็นอันใดไปก่อนที่ฝ่าบาทจะได้สืบสวนเขาเพคะ ฮองเฮาคือมารดาของแผ่นดิน ฝ่าบาทควรได้สอบสวนฝูรั่วซีและตัดสินพระทัยเรื่องนี้เองเพคะ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ของราชวงศ์ เราจึงควรรอบคอบไว้ก่อนเพคะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
ความหวาดระแวงของฮ่องเต้สลายไปในทันที เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “หมอหลวงหวงมาตรวจแขนขององค์หญิงเจิ้นกั๋วด้วย”
“ฝ่าบาท เหยียนได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพคะ” ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าต่ำซ่อนแววตาเอาไว้ “บัดนี้ฝ่าบาทคงมีเรื่องสำคัญต้องจัดการอีกหลายเรื่อง ท่านย่ากักบริเวณฮองเฮาอยู่แต่ในตำหนักโดยอ้างว่าทำไปเพื่อความปลอดภัยของฮองเฮาและบุตรในครรภ์ ทว่า ฝ่าบาทควรรีบให้องค์รัชทายาทไปเชิญฮองเฮามาที่นี่ด้วยองค์เองเผื่อว่าหากฮองเฮารับรู้ข่าวการเสียชีวิตของซิ่นอ๋องแล้วอาจทำเรื่องที่แก้ไขไม่ได้ขึ้นมาเสียก่อนเพคะ แม่ทัพฝูอยู่ที่นี่พอดี มีสิ่งใดจะได้ถามกันซึ่งๆ หน้า ถือเป็นการคืนความบริสุทธิ์ให้แม่ทัพฝูด้วยเพคะ”
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ของราชวงศ์ ไป๋ชิงเหยียนรู้ดีว่าฮ่องเต้ไม่มีทางเรียกฮองเฮามาสอบสวนแน่นอน ครั้งนี้มีหลักฐานชัดเจนว่าซิ่นอ๋องก่อกบฏ ต่อให้ฮองเฮาถูกใส่ความมากเพียงใด ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางเชื่อนางอีก ฮ่องเต้สั่งให้เกาเต๋อเม่านำผ้าขาวไปให้ฮองเฮาผูกคอปลิดชีพของตัวเองโดยไม่แม้แต่จะพบหน้านางเป็นครั้งสุดท้าย
รัชทายาทคงไม่อยากให้ฮองเฮามีโอกาสพบหน้าฮ่องเต้อีกเช่นเดียวกัน หากฮองเฮากล่าวถึงความสัมพันธ์ครั้งเก่าจนฮ่องเต้เกิดใจอ่อนไว้ชีวิตฮองเฮาขึ้นมา…