สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 647 กตัญญู
ตอนที่ 647 กตัญญู
ร่างและจิตวิญญาณที่แม้แต่บุรุษยังสู้ไม่ได้ของไป๋ชิงเหยียนเข้มแข็งและทรงพลังมาก
“องค์หญิงเจิ้นกั๋วเชิญไปทูลขอร้องฮ่องเต้ได้ตามสบายพ่ะย่ะค่ะ ก่อนจะมีราชโองการลงมา กระหม่อมจะคุ้มครองชีวิตของทหารเหล่านี้เองพ่ะย่ะค่ะ” หลิวหงคารวะไป๋ชิงเหยียน กล่าวด้วยเสียงหนักแน่น
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ฝากแม่ทัพหลิวด้วย”
เดิมทีไป๋ชิงเหยียนอยากยกมือขึ้นคารวะหลิวหง ทว่า หญิงสาวยกแขนไม่ขึ้นจริงๆ หญิงสาวหันไปมองบรรดาทหารยอมจำนนที่เงยหน้ามองมาทางนางแวบหนึ่ง จากนั้นเดินลงไปจากกำแพง
ทหารหนึ่งหมื่นแปดพันนายเหล่านี้แค่ทำตามคำสั่งของเจ้านายของพวกเขาเท่านั้น เบื้องบนต่อสู้กันโดยใช้ชีวิตของพวกเขาเป็นอาวุธเท่านั้น!
ในเมื่อเป็นทหารก็ควรเสียชีวิตในสงคราม ควรเสียชีวิตเพื่อปกป้องแผ่นดินของพวกเขา
ทหารคือผู้ที่ไม่ควรตกเป็นเครื่องบูชายัญในแผนการชั่วร้ายมากที่สุด
ฮ่องเต้ไม่ต้องการคนเหล่านี้ ทว่า นางต้องการ!
ไม่ว่าจะจัดให้ทหารเหล่านี้ไปสู้รบกับศัตรูที่เป่ยเจียง หนานเจียง ชายแดนตะวันออกหรือตะวันตก ล้วนดีกว่าให้พวกเขาจบชีวิตลงที่ประตูหย่งติ้งแห่งนี้ พวกเขาไม่ควรเสียชีวิตเพราะการสู้รบแย่งชิงบัลลังก์ระหว่างซิ่นอ๋องและเหลียงอ๋อง ไม่ควรเสียชีวิตเพราะโทสะของฮ่องเต้
“เหตุใดจึงไปแล้ว!”
ทหารบางคนเห็นไป๋ชิงเหยียนที่อยู่บนกำแพงเหมือนกำลังจะจากไปจึงตะโกนลั่น
“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว ท่านตรัสว่าจะไม่สังหารพวกเรา!”
“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว!”
“ถุย ล้วนโกหกทั้งเพ!”
หลิวหงได้ยินเสียงโวยวายจากล่างกำแพงจึงกลัวว่าจะเกิดความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง เขารีบตะโกนบอกทหารยอมจำนนที่อยู่ล่างกำแพง “องค์หญิงเจิ้นกั๋วกำลังเข้าวังไปทูลขอให้ฝ่าบาทเมตตา พลธนูเก็บธนูหมดแล้ว พวกเจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจ!”
ลูกน้องของหลิวหงเห็นดังนั้นจึงรีบกล่าวเสริม “องค์หญิงเจิ้นกั๋วต้องการปกป้องพวกเจ้า ย่อมปกป้องได้อย่างแน่นอน!”
หลิวหงหันไปมองลูกน้องของตัวเอง เดิมทีเขาไม่อยากรับปากกับทหารยอมจำนนที่อยู่ด้านล่างเพราะเขารู้ดีว่าว่าฮ่องเต้เด็ดเดี่ยวกับเรื่องนี้มากเพียงใด
ลูกน้องเห็นแม่ทัพหลิวหงมองมาทางตนจึงรีบถอยไปด้านหลังพลางโค้งกายขอขมา “ท่านแม่ทัพ หากไม่กล่าวเช่นนี้แล้วปล่อยให้พวกเขาพังประตูต่อไป หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมา ท่านแม่ทัพคงไม่อาจแก้ตัวกับฝ่าบาทได้นะขอรับ”
หลิวหงกำหมัดแน่น ได้แต่หวังว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะโน้มน้าวฮ่องเต้ได้สำเร็จ
ทหารหนึ่งหมื่นแปดพันนาย ยังไม่ต้องกล่าวถึงกองทัพหนานตู ลำพังแค่ฝึกอบรมกองกำลังทหารรักษาพระองค์เหล่านี้ก็สิ้นเปลืองทรัพยากรและเวลาไปไม่รู้ตั้งเท่าใดแล้ว
หากสังหารทหารยอมจำนนเหล่านี้จริงๆ ต้าจิ้นคงสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
องค์รัชทายาทเพิ่งปรนนิบัติให้ฮ่องเต้ทานยาเสร็จ เขากำลังยื่นน้ำชาให้ฮ่องเต้ล้างปากก็เห็นเกาเต๋อเม่าเดินเข้ามาด้านในอย่างรีบร้อน เกาเต๋อเม่ารายงานเสียงเบา “ฝ่าบาท องค์ชาย องค์หญิงเจิ้นกั๋วขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ใช้มือป้องปากบ้วนน้ำชาลงในกระโถน รับผ้าเช็ดหน้าที่องค์รัชทายาทส่งให้มาเช็ดปาก จากนั้นกล่าวขึ้น “ให้ไป๋ชิงเหยียนเข้ามาได้”
เกาเต๋อเม่ารับคำแล้วออกไปเชิญไป๋ชิงเหยียนเข้ามาด้านใน
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนที่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายแล้วเปียกโชกอีกครั้ง องค์รัชทายาทมองอย่างประหลาดใจพลางวางผ้าเช็ดหน้าที่ฮ่องเต้ใช้แล้วลงในถาดที่นางกำนัลถืออยู่ “องค์หญิงเจิ้นกั๋ว นี่มัน…”
ไป๋ชิงเหยียนทำความเคารพฮ่องเต้และองค์รัชทายาท จากนั้นกล่าวขึ้น “ฝ่าบาท หม่อมฉันมาทูลขอให้ฝ่าบาทเมตตาไว้ชีวิตทหารยอมจำนนหนึ่งหมื่นแปดพันนายเหล่านั้นเพคะ”
ฮ่องเต้ที่เอนกายพิงหมอนอิงสีเหลืองหรี่ตาแคบลง ดวงตาส่อแววสังหารขึ้นเล็กน้อย มองไปทางไป๋ชิงเหยียนนิ่ง “เจ้าคิดว่าวิธีของเราโหดร้ายเกินไปอย่างนั้นหรือ”
“กองกำลังรักษาพระองค์กว่าครึ่งและกองทัพหนานตูก่อกบฏบุกโจมตีวังหลวง พวกเขาสมควรตาย! ทว่า สงครามหนานเจียงในปีที่แล้วและสงครามเป่ยเจียงที่เกิดขึ้นในปีนี้ทำให้ต้าจิ้นขาดแคลนทหารจำนวนมาก ทหารใหม่ที่เราเพิ่งเกณฑ์มารับใช้บ้านเมืองยังฝึกฝนไม่ถึงครึ่งปี พวกเขายังออกรบไม่ได้เพคะ”
ไป๋ชิงเหยียนคิดหาเหตุผลโน้มน้าวฮ่องเต้ระหว่างมุ่งหน้ามาที่นี่เรียบร้อยแล้ว กล่าวเรื่องความรู้สึกกับฮ่องเต้ไม่มีประโยชน์อันใด นางต้องเจาะประเด็นไปยังผลประโยชน์และกำไรของฮ่องเต้
ฮ่องเต้ละสายตามองไปยังเปลวไฟในตะเกียงที่อยู่ห่างออกไปแทนอย่างใช้ความคิด
“หม่อมฉันทราบดีว่าฝ่าบาททรงกริ้วและเคียดแค้นพวกเขามาก ฝ่าบาทไม่กล้าใช้งานทหารกบฏเหล่านี้อีก ทว่า ฝ่าบาทสามารถส่งพวกเขาไปคุ้มกันที่หนานเจียง เป่ยเจียง เขตชายแดนของต้าจิ้นกับหรงตี๋ หรือชายแดนระหว่างต้าจิ้นและต้าเยี่ยนได้เพคะ!” ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองฮ่องเต้ เมื่อเห็นพระองค์กำลังคิดตามจึงกล่าวต่อ “ความวุ่นวายที่ประตูอู่เต๋อในวันนี้ทำให้ต้าจิ้นสูญเสียมากแล้ว หากฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้แม่ทัพหลิวหงสังหารทหารหนึ่งหมื่นแปดพันนายอีก หากแคว้นอื่นล่วงรู้เรื่องนี้เข้า พวกเขาอาจลงมือทำการบางอย่าง แคว้นต้าจิ้นอาจตกอยู่ในอันตรายได้เพคะ”
ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ให้คำแนะนำฮ่องเต้ทั้งหมดเพราะอาจถูกฮ่องเต้หวาดระแวงได้ ไป๋ชิงเหยียนจะทำเพียงแนะนำผ่านไปทางองค์รัชทายาทว่าควรส่งทหารยอมจำนนเหล่านี้ไปที่ใด
“ฝ่าบาท พวกเขาล้วนเป็นทหารของแคว้นต้าจิ้น! ในเมื่อพวกเขากลายเป็นทหารแล้ว พวกเขาก็ควรเสียชีวิตในสนามรบภายใต้คมดาบของศัตรู ไม่ใช่เสียชีวิตภายใต้คมธนูของสหายร่วมแคว้นเดียวกันเพคะ!” ไป๋ชิงเหยียนก้มศีรษะคำนับฮ่องเต้อย่างจริงจัง
มือที่ยันเตียงอยู่ของฮ่องเต้กระชับแน่น ไม่ควรตายด้วยคมธนูของสหายร่วมแคว้นเดียวกัน…
จู่ๆ ฮ่องเต้ก็นึกถึงบุรุษตระกูลไป๋ที่เสียชีวิตลงที่หนานเจียงขึ้นมา เขาเริ่มหวั่นไหวเล็กน้อย
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวมีเหตุผล
ทว่า หากไม่สังหารสุนัขกบฏเหล่านั้นให้สิ้นซาก ฮ่องเต้ไม่อาจระบายโทสะนี้ออกไปได้
องค์รัชทายาทเห็นไป๋ชิงเหยียนมองมาทางเขา สื่อให้เขาช่วยกล่าวกับฮ่องเต้ องค์รัชทายาทก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนึกถึงกองทัพไป๋ที่อยู่ไกลถึงหนานเจียงขึ้นมา
บัดนี้กองทัพไป๋คือคนขององค์รัชทายาท สิ่งใดมีประโยชน์ เขามักจะนึกถึงกองทัพไป๋ก่อนเป็นอันดับแรก
“เสด็จพ่อ ลูกคิดว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วกล่าวมีเหตุผลพ่ะย่ะค่ะ ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็เป็นทหารของต้าจิ้น ได้รับเบี้ยเลี้ยงของเสด็จพ่อ ทานเสบียงของเสด็จพ่อ ต่อให้ตายก็ควรตายให้เป็นประโยชน์กว่านี้พ่ะย่ะค่ะ หากเสด็จพ่อทรงไม่วางพระทัยให้พวกเขาอยู่ข้างกาย เสด็จพ่อส่งพวกเขาไปยังหนานเจียงก็ได้พ่ะย่ะค่ะ หากซีเหลียงมีความเคลื่อนไหวอันใดอีกก็ให้พวกเขาบุกเป็นด่านหน้า เช่นนี้จะได้ไม่เสียแรงที่เลี้ยงพวกเขามาพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาต้องซาบซึ้งบุญคุณของเสด็จพ่อ กลับตัวกลับใจใหม่ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้มองไปทางไป๋ชิงเหยียนที่ก้มหน้าคุกเข่าอยู่บนพื้นแวบหนึ่ง จากนั้นมองไปทางองค์รัชทายาทที่ส่งยิ้มมาให้เขา ผ่านเหตุการณ์กบฏในครั้งนี้ ฮ่องเต้เชื่อใจองค์รัชทายาทแล้ว
เดิมทีองค์รัชทายาทไม่จำเป็นต้องเข้ามาในวังหลวงด้วยซ้ำ ทว่า องค์รัชทายาทกลับเข้ามาช่วยเหลือเขา เห็นได้ชัดว่าองค์รัชทายาทมีใจกตัญญู
บางทีอาจเป็นเพราะฮ่องเต้ชรามากแล้ว อีกทั้งสูญเสียโอรสที่เกิดจากฮองเฮาอย่างซิ่นอ๋องไป เขาจึงใจอ่อนกว่าเดิมมาก เขาพยักหน้าให้องค์รัชทายาท “ในเมื่อเรามอบหมายให้องค์รัชทายาทดูแลบ้านเมือง องค์รัชทายาทก็ตัดสินใจเรื่องนี้เองเถิด! เราเหนื่อยแล้ว…”
องค์รัชทายาทรีบประคองให้ฮ่องเต้ล้มกายลงนอน ห่มผ้าให้ฮ่องเต้ จากนั้นกล่าวเสียงเบา “เสด็จพ่อทรงพักผ่อนให้เต็มที่พ่ะย่ะค่ะ ลูกจะจัดการเรื่องบ้านเมืองให้ดี หากสิ่งใดตัดสินใจไม่ได้ ลูกจะมาขอความเห็นจากเสด็จพ่อ ไม่ให้เสด็จพ่อทรงกังวลแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อปรนนิบัติฮ่องเต้เสร็จ องค์รัชทายาทเดินออกมาจากตำหนักพร้อมกับไป๋ชิงเหยียน องค์รัชทายาทสั่งให้เฉวียนอวี๋ไปนำเสื้อคลุมกันลมมาให้หญิงสาว จากนั้นกล่าวขึ้น “เจ้าไม่รู้จักทะนุถนอมร่างกายของตัวเองเอาเสียเลย รู้ทั้งรู้ว่าร่างกายไม่แข็งแรง เปลี่ยนชุดแล้วเหตุใดถึงยังไปตากฝนอีก”
ไป๋ชิงเหยียนฟังออกว่าองค์รัชทายาทกล่าวเพื่อหยั่งเชิงจึงเอ่ยตอบ “องค์รัชทายาทไม่ต้องเป็นห่วงเพคะ ช่วงนี้หม่อมฉันแข็งแรงขึ้นมากแล้วเพคะ”