สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 649 ฟ้ากับเหว
ตอนที่ 649 ฟ้ากับเหว
องค์รัชทายาทพยักหน้า เขานึกถึงเรื่องที่ฟางเหล่าเตือนให้เขาระวังไป๋ชิงเหยียน ในใจรู้สึกผิดมาก เขาเม้มปากอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นกล่าวขึ้น “ฟางเหล่าเป็นคนรอบคอบ ทว่า บางครั้งเขาขี้ระแวงมากเกินไป”
“รอบคอบคือเรื่องดีเพคะ ฝ่าบาทพระวรกายไม่แข็งแรง พระองค์ทรงมอบงานบ้านงานเมืองให้องค์รัชทายาทจัดการทั้งหมด องค์รัชทายาททรงมีเรื่องมากมายต้องจัดการจนอาจมองข้ามเรื่องบางอย่างไปได้ มีคนรอบคอบอย่างฟางเหล่าคอยอยู่ข้างกายองค์รัชทายาท ช่วยองค์รัชทายาทระวังอันตรายต่างๆ เมื่อหม่อมฉันกลับซั่วหยางจะได้วางใจเพคะ” ไป๋ชิงเหยียนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
ฝนตกกระทบลงบนหลังคาไม้ของรถม้า องค์รัชทายาทกำมือที่แนบอยู่ข้างลำตัวแน่น ฟางเหล่าเอาแต่บอกให้เขาระวังไป๋ชิงเหยียน ทว่า ไป๋ชิงเหยียนกลับเอาแต่ชมฟางเหล่าต่อหน้าเขา ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวจริงๆ
เฉวียนอวี๋ที่คุกเข่าชงชาให้องค์รัชทายาทและไป๋ชิงเหยียนอยู่ด้านข้างรู้สึกร้อนใจแทนไป๋ชิงเหยียน ฟางเหล่าเอาแต่บอกให้องค์รัชทายาทระวังไป๋ชิงเหยียน ทว่า ไป๋ชิงเหยียนกลับเอ่ยชมฟางเหล่าต่อหน้าองค์รัชทายาท องค์หญิงเจิ้นกั๋วจิตใจดีงามมากเกินไปแล้ว เขาควรหาโอกาสเตือนองค์หญิงเจิ้นกั๋วสักหน่อย!
ขณะกำลังใช้ความคิด จู่ๆ รถม้าก็หยุดลงอย่างกะทันหัน ม้าด้านนอกส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ
เฉวียนอวี๋ที่คุกเข่าอยู่ภายในตัวรถม้าเซถลาจนศีรษะกระแทกกับผนังไม้ เขามึนงงไปชั่วขณะ
องค์รัชทายาทที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์กบฏในวังหลวงมา เมื่อได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดขององครักษ์ ใบหน้าขององค์รัชทายาทซีดเผือดลงทันที วันนี้เมืองหลวงเกิดจลาจลขึ้น ชาวบ้านต่างไม่กล้าออกมาเดินเพ่นพ่านตามท้องถนน ถนนสายยาวเงียบกริบ ไร้เงาผู้คน จู่ๆ รถม้าหยุดลงอย่างกะทันหันเช่นนี้ พวกเขาคงถูกดักซุ่มโจมตีแน่นอน
เสียงอาวุธกระทบกันดังขึ้นทั่วทุกทิศ องครักษ์จวนองค์รัชทายาทยังไม่ทันได้ตะโกนบอกให้คุ้มกันองค์รัชทายาท ก็ได้ยินเสียงลูกธนูลอยผ่านสายลมเข้ามาเสียก่อน ลูกธนูปักลงบนรถม้าอย่างแรง องค์รัชทายาทตกใจจนเข่าอ่อน
ถนนที่เมื่อครู่เงียบสงัด บัดนี้เต็มไปด้วยเสียงต่อสู้
“ลูกธนูเพลิง! องค์รัชทายาทระวังตัวนะพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ด้านนอกตะโกนบอก
ไป๋ชิงเหยียนหันไปเห็นผ้าม่านของรถม้าถูกไฟลามขึ้นเรื่อยๆ ได้กลิ่นไหม้และน้ำมันชัดเจนขึ้น
ธนูไฟติดน้ำมันเริ่มลุกไหม้ผ้าม่าน เมื่อฝนตกใส่ น้ำมันค่อยๆ ไหลไปตามสายฝน บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยเปลวเพลิง ไฟค่อยๆ ลุกลามไปทั่วทั้งรถม้าท่ามกลางสายฝน
“ไฟ ไฟพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย” เฉวียนอวี๋เบิกตาโพลงอย่างตกใจ
“ฝนตกหนักขนาดนี้ ไฟไม่มีทางไหม้หรอก ห้ามออกไปเด็ดขาด!” องค์รัชทายาทกล่าวเสียงสั่นเทา
ไป๋ชิงเหยียนแหวกม่านรถม้ามองออกไปด้านนอก หญิงสาวลอบพยักหน้าให้กับองครักษ์ลับที่กำลังเล็งธนูมายังรถม้าขององค์รัชทยาทอยู่บนหลังคาของตึกสองข้างทาง
องครักษ์ลับลุกขึ้นยืนทันที เขาเล็งยิงไปทางรถม้าขององค์รัชทายาท…
องค์รัชทายาทมองลอดช่องว่างของหน้าต่างที่ไป๋ชิงเหยียนแหวกม่านออก เขาเห็นเปลวไฟค่อยๆ ลุกลามอยู่นอกตัวรถม้า เจอฝนหนักขนาดนี้ ทว่า เปลวเพลิงไม่มีทีท่าจะมอดดับ กลับรุนแรงขึ้นกว่าเดิม น้ำฝนไหลไปที่ใด เปลวไฟลุกลามตามไปยังที่นั่น เปลวไฟค่อยๆ ลุกลามขึ้นบนตัวรถม้าราวกับเชือกขนาดใหญ่
ธนูเพลิงพุ่งตรงมาทางรถม้าไม่หยุดหย่อน
ไป๋ชิงเหยียนกวาดสายตามองไปทางด้านนอก ตัดสินใจแน่วแน่ จากนั้นตะโกนลั่น “รีบไปเปิดประตูโรงสุรานั่นออกเร็ว!”
องครักษ์จวนองค์รัชทายาทได้ยินคำสั่งจึงรีบวิ่งไปกระแทกประตูโรงสุราให้เปิดออกทันที
“ฟิ้ว!”
ไป๋ชิงเหยียนเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็ว ลูกธนูพุ่งตรงเข้ามาในตัวรถม้า หญิงสาวไม่มีเวลาสนใจเรื่องความต่างศักดิ์ รีบกดศีรษะขององค์รัชทายาทให้หมอบต่ำลงทันที
ลูกธนูปักลงบนผนังไม้ภายในตัวรถม้า ปลายธนูสั่นไหวอย่างรุนแรง น้ำมันหยดลงบนเบาะนั่ง เปลวเพลิงลุกโหมขึ้นทันที
เผชิญกับความเป็นความตายถึงสองครั้งภายในหนึ่งวัน ใจขององค์รัชทายาทเต้นรัวจนแทบหยุดหายใจแล้ว
“องค์รัชทายาท หม่อมฉันจะคุ้มกันพระองค์ลงจากรถม้า ตอนนี้ยังพอควบคุมรถม้าได้ ทว่า ลูกธนูพุ่งตรงมาไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ หากยิงถูกม้าแล้วไฟลุกลามทั่วทั้งตัวรถม้า อาจสายเกินแก้ได้เพคะ!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวอย่างรวดเร็ว
ช่วงเวลาเสี่ยงตายเช่นนี้ องค์รัชทายาททำได้เพียงเชื่อใจไป๋ชิงเหยียนเท่านั้น เขาพยักหน้ารัว
“เฉวียนอวี๋กงกง!” ไป๋ชิงเหยียนหันไปทางเฉวียนอวี๋
เฉวียนอวี๋รวบรวมความกล้าขึ้น “องค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่ต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ บ่าวจะคุ้มครององค์ชายให้ดีพ่ะย่ะค่ะ!”
กล่าวจบทุกคนตัดสินใจลงจากรถม้า เฉวียนอวี๋อยู่ด้านหน้าสุด เขาสูดหายใจเข้าปอดลึก เปิดประตูรถม้าออก…
ไป๋ชิงเหยียนกดศีรษะขององค์รัชทายาทให้หมอบต่ำ นางและเฉวียนอวี๋คุ้มกันองค์รัชทายาทอยู่ตรงกลาง จากนั้นกระโดดลงจากรถม้า วิ่งไปยังโรงสุราที่ถูกพังประตูออกอย่างรวดเร็ว
วิ่งออกไปได้ไม่กี่ก้าว องค์รัชทายาทได้ยินเสียงม้าร้องดังขึ้น เขาหันกลับไปจึงเห็นว่าม้าถูกยิง มันยกขาหน้าทั้งสองข้างขึ้นกลางอากาศพลางสะบัดหางอย่างคลุ้มคลั่ง จากนั้นลากตัวรถพุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางองครักษ์จวนองค์รัชทายาทถูกม้าถีบจนกระเด็นไปกระแทกแผงลอยที่แม่ค้าตั้งไว้สำหรับขายอาหารเช้าจนล้มระเนระนาด รถม้าพลิกคว่ำลงบนพื้น เปลวเพลิงลุกโหมขึ้นทันที
องค์รัชทายาทหายใจติดขัด หากเมื่อครู่ไป๋ชิงเหยียนไม่พาเขาลงจากรถม้าได้ทันเวลา บัดนี้เขาไม่กล้าคิดเลยว่าเขาจะเป็นเช่นไรบ้าง
ไป๋ชิงเหยียนกำคอเสื้อขององค์รัชทายาทด้วยมือเพียงข้างเดียว หญิงสาวกระชากตัวองค์รัชทายาทที่ขาอ่อนแรงขึ้นไปบนบันได มุ่งหน้าเข้าไปในโรงสุรา
เฉวียนอวี๋เหยียบโดนศพขององครักษ์จวนองค์รัชทายาทท่ามกลางสายฝนจนลื่นล้มลงบนพื้น เสียงธนูดังใกล้เข้ามา เฉวียนอวี๋รีบคลานขึ้นไปบนบันไดด้วยความหวาดกลัว ลูกธนูลอยผ่านใบหูของเขาไปอย่างเฉียดฉิว…
เฉวียนอวี๋เงยหน้าขึ้นก็เห็นไป๋ชิงเหยียนรีบผลักองค์รัชทายาทออก ลูกธนูแทงเข้าที่กลางอกของไป๋ชิงเหยียนอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนไป๋ชิงเหยียนเซถลาไปทางด้านหลังสองสามก้าว สะดุดธรณีประตูจนล้มลงบนพื้น
ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างจนสมองของไป๋ชิงเหยียนขาวโพลน หญิงสาวรู้สึกว่าเสียงรอบๆ ตัวเบาและช้าลงกว่าเดิมมาก หญิงสาวเกือบหมดสติไปชั่วขณะ
ทว่า หญิงสาวยังไม่ลืมว่านี่คือการจัดฉากของนาง นางคือตัวละครสำคัญของฉากนี้ หากนางหมดสติไปตอนนี้ สิ่งที่ทำมาทั้งหมดคงสูญเปล่า คนของเซียวหรงเหยี่ยนที่สละชีพแสดงละครฉากนี้พร้อมกับนางคงตายไปเปล่าๆ
หญิงสาวกำหมัดแน่น จิกเล็บไปบนเนื้อของตัวเองอย่างแรง เบิกตาที่แดงก่ำขึ้น กัดฟันอดทนไว้ให้ถึงที่สุด
“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว!” เฉวียนอวี๋เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
องค์รัชทายาทที่ถูกองครักษ์ประคองกายให้ลุกขึ้นหลังจากถูกไป๋ชิงเหยียนผลักออกไปก็เบิกตาโพลงเช่นเดียวกัน เขารีบวิ่งไปหลบด้านในโรงสุราพลางตะโกนเสียงดังลั่น “รีบปิดประตูเร็วเข้า!”
องครักษ์รีบปิดประตูโรงสุราลงเพื่อป้องกันลูกธนู
“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว!” เฉวียนอวี๋รีบคลานเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียนที่ถูกดึงเข้ามาด้านใน เมื่อเห็นเครื่องแต่งกายชุดใหม่ของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยเลือด มือของเขาก็เปื้อนไปด้วยเลือด ลำคอของเฉวียนอวี๋ร้อนผ่าวขึ้นทันที
“องค์หญิงเจิ้นกั๋วเป็นเช่นไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนกัดฟันแน่น ใช้มือกดหน้าอกไว้ ไม่ได้กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น
ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกเจ็บหน้าอกจนแทบขาดใจทุกครั้งที่หายใจ เส้นเลือดปูดขึ้นที่หน้าผาก เหงื่อซึมทั่วใบหน้า ภาพตรงหน้าพร่ามัวเป็นระยะ
เฉวียนอวี๋ร้องไห้ออกมาอย่างทนไม่ไหว วันนี้ตอนต่อสู้กับทหารหนึ่งหมื่นแปดพันนาย ไป๋ชิงเหยียนไม่เสียเลือดแม้แต่น้อย ทว่า บัดนี้กลับถูกธนูยิงเข้ากลางหน้าอก
องค์รัชทายาทที่หวาดกลัวจนเสียสติก้าวถอยหลังไปอีกสองก้าว เมื่อเห็นว่าไม่มีธนูยิงเข้ามาแล้ว เขาจึงได้ยินเสียงเฉวียนอวี๋เอ่ยเรียกองค์หญิงเจิ้นกั๋ว
องค์รัชทายาทรีบหันกลับไปมอง จากนั้นถลาเข้าไปคุกเข่าอยู่ข้างกายไป๋ชิงเหยียน ดวงตาที่มองไปยังร่างโชกเลือดของไป๋ชิงเหยียนไหววูบ
เลือดสดไหลทะลักออกมาจากหน้าอกของไป๋ชิงเหยียน ฝ่ามือของหญิงสาวเต็มไปด้วยคราบเลือดสด นิ้วมือของหญิงสาวขยับเล็กน้อย หญิงสาวมองไปทางองค์รัชทายาท