สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 670 แหวกหญ้าให้งูตื่น
ตอนที่ 670 แหวกหญ้าให้งูตื่น
“เช่นนั้นข้าไม่รบกวนแล้ว ขอตัวก่อนขอรับ” หลูผิงลุกเดินออกไปจากลานหญ้า
หลี่หมิงรุ่ยนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม จนเมื่อหลูผิงหายไปจากลานหญ้า ชายชราผู้ดูแลจึงจวนตามออกไปดูแล้วกลับมารายงานหลี่หมิงรุ่ยว่าหลูผิงจากไปไกลแล้ว หลี่หมิงรุ่ยจึงกล่าวขึ้น “ออกมาได้แล้ว”
ประตูของห้องกระเบื้องถูกเปิดออก ที่ปรึกษาชุดขาวของจวนหลี่เดินออกมาจากด้านใน
หลี่หมิงรุ่ยยกชาขึ้นจิบหนึ่งอึก จากนั้นเอ่ยถาม “เจ้ามีความเห็นเช่นไร”
“ในเมื่อองค์หญิงเจิ้นกั๋วมีรับสั่ง คุณชายก็ช่วยหวังชิวลู่ออกมาจากคุกและหาที่หลบซ่อนให้เขาตามคำสั่งของนางเถิดขอรับ คุณชายสามารถช่วยฝึกฝนหวังชิวลู่ หาคู่ครองให้เขาแต่งงานมีครอบครัว ป้องกันองค์หญิงเจิ้นกั๋วนำจดหมายออกมาขู่เราในวันข้างหน้าขอรับ…”
หลี่หมิงรุ่ยเงยหน้ามองทางปรึกษาชุดขาวของจวนหลี่ที่กำลังยิ้มบางๆ ในใจกระจ่างแจ้งทันที
หาภรรยาให้หวังชิวลู่แต่งงานมีบุตร ควบคุมภรรยาและบุตรของหวังชิวลู่ไว้ในกำมือ วันหน้าหากองค์หญิงเจิ้นกั๋วนำจดหมายลายมือของท่านพ่อของเขาออกมา เขาจะได้สั่งให้หวังชิวลู่แว้งกัดองค์หญิงเจิ้นกั๋ว อ้างว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจงใจใส่ร้ายตระกูลหลี่เพราะถูกเขาจับได้ว่านางแอบช่วยเหลือกบฏหวังชิวลู่ออกมาจากคุก
“ทว่า ท่านราชครูถานและโซ่วซานกงถนัดเรื่องการพิสูจน์ลายมือมาก หากพวกเขาได้ตรวจสอบจดหมายเหล่านั้น พวกเขาจะรู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่ของปลอม” หลี่หมิงรุ่ยขมวดคิ้วแน่น
“เช่นนั้นพวกเราควรแทรกคนของเราที่พิสูจน์ลายมือเป็นเข้าไปในนั้นด้วย หากวันหน้าองค์หญิงเจิ้นกั๋วนำจดหมายออกมาจริง ทางที่ดีควรให้คนของเราเป็นคนตรวจสอบจดหมายเหล่านั้นขอรับ” ที่ปรึกษาชุดขาวกล่าวยิ้มๆ “ที่สำคัญขอเพียงคุณชายอดทนได้ ทำตามคำสั่งขององค์หญิงเจิ้นกั๋วอย่างซื่อสัตย์ องค์หญิงเจิ้นกั๋วจะทำลายหมากตัวนี้หรือขอรับ”
ที่ปรึกษาชุดขาวของจวนหลี่ยกถ้วยชาตรงหน้าที่หลูผิงไม่ได้แตะต้องแม้แต่น้อยขึ้นมาเทน้ำชาทิ้ง จากนั้นสำรวจดูถ้วยชาในมืออย่างละเอียด “โซ่วซานกงและท่านราชครูถานอายุมากแล้ว พวกเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกกี่ปีกันเชียว อีกไม่นานก็คงไปนอนในหลุมศพแล้ว เหตุใดคุณต้องกลัวด้วยขอรับ”
หลี่หมิงรุ่ยหัวเราะออกมาเบาๆ พลางพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็รบกวนเซียนเซิงจัดการเรื่องนี้ให้ด้วย”
“คุณชายไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ ข้าจะเลือกคนที่จะไปช่วยหวังชิวลู่อย่างรอบคอบที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเกี่ยวข้องกับจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ทิ้งร่องรอยหลักฐานไว้แน่นอนขอรับ” ที่ปรึกษาชุดขาวยิ้ม
“ระวังตัวให้มากด้วย!” หลี่หมิงรุ่ยมองที่ปรึกษาชุดขาว “นี่คือเรื่องแรกที่พวกเราได้รับมอบหมายให้จัดการหลังจากเข้าร่วมกับองค์หญิงเจิ้นกั๋ว หากองค์หญิงเจิ้นกั๋วจับสังเกตได้และเสียชื่อเสียงไปถึงนางทุกอย่างคงจบแน่”
“คุณชายไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ ข้าจะรอบคอบให้มากที่สุดขอรับ” ที่ปรึกษาชุดขาวกล่าว
หลูผิงเดินทางไปตามถนนสาวยาวได้ไม่นานก็มีองครักษ์ไป๋คนหนึ่งไล่ตามหลูผิงมาทัน เขาเข้าไปรายงานข้างกายหลูผิง “ในห้องยังมีคนอยู่อีกคนขอรับ เมื่อท่านจากไป คนผู้นั้นก็เดินออกมาทันที ทว่า ข้าอยู่ไกลเกินไปจึงไม่ได้ยินว่าพวกเขากล่าวสิ่งใดกันขอรับ”
หลูผิงพยักหน้าเล็กน้อย กล่าวสั่ง “ช่วงนี้จับตาดูหลี่หมิงรุ่ยและคนที่ออกมาจากห้องผู้นั้นไว้ให้ดี สืบให้ได้ว่าคือผู้ใด!”
“ขอรับ!”
เมื่อหลูผิงกลับไปรายงานไป๋ชิงเหยียน ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองไปทางหลูผิงที่อยู่นอกจากกั้น
“เจ้าบอกว่าหลี่หมิงรุ่ยปลูกต้นเฟิงของภูเขาชิวไว้กลางลานหญ้าอย่างนั้นหรือ”
“ขอรับ!” หลูผิงฟังออกว่าน้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนไม่ปกติ เขารีบถามต่อ “ต้นเฟิงของภูเขาชิวมีอันใดหรือขอรับ”
“ต้นเฟิงแห่งภูเขาชิว กลิ่นดอกชิงมู่…” ไป๋ชิงเหยียนหรี่ตาแคบลง
หลูผิงนึกถึงภาพที่หลี่หมิงรุ่ยขยับเข้าไปดมกลิ่นหอมจากกระถางธูปหอม จากนั้นจึงพยักหน้า “ดูเหมือนว่ากลิ่นนั้นจะเป็นกลิ่นดอกชิงมู่จริงๆ ขอรับ ข้าไม่ค่อยรู้เรื่องกลิ่นพวกนี้สักเท่าใดนัก”
ไป๋ชิงเหยียนเอนกายพิงหมอน ตำราในมือวางทับอยู่บนผ้าห่มลายดอกบัวซึ่งห่มอยู่ที่ขา
“ชุนเถา เจ้าส่งไปคนตามเว่ยจงมาให้ข้าที”
เว่ยจงสืบเรื่องเก่งกว่าหลูผิง
ชุนเถารับคำ จากนั้นส่งคนไปตามเว่ยจง หลูผิงขมวดคิ้วถาม “คุณหนูใหญ่ มีสิ่งใดผิดปกติหรือขอรับ”
ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ เพียงแต่ว่าใบไม้สีแดงของภูเขาชิวและกลิ่นดอกชิงมู่คือสิ่งที่ตู้จือเวยชื่นชอบมาโดยตลอด
หลูผิงบอกว่าโคมไฟกึ่งเก่ากึ่งใหม่ที่แขวนอยู่ตรงประตูมีคำว่า ‘ตู้’ เขียนอยู่ จวนที่บังเอิญปลูกต้นเฟิงจากภูเขาชิวอยู่กลางเรือน อีกทั้งมีกลิ่นหอมของดอกชิงมู่ช่างเหมือนการกระทำของตู้จือเวยจริงๆ
หลี่หมิงรุ่ย…ตู้จือเวย ไป๋ชิงเหยียนต้องการสืบว่าหลี่หมิงรุ่ยและตู้จือเวยมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร
ตอนแรกสุดตู้จือเวยคือที่ปรึกษาขององค์ชายรอง หลี่เม่าอยู่ฝ่ายเดียวกับองค์ชายรอง บุตรชายคนโตของหลี่เม่าคงไม่ได้เป็นลูกศิษย์ของตู้จือเวยหรอกนะ
“ลุงผิงไม่ต้องใส่ใจหรอก ข้าแค่รู้สึกแปลกใจอยู่เรื่องหนึ่งจึงอยากให้เว่ยจงไปสืบดูเท่านั้น”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวอย่างเปิดเผย
“ช่วงนี้เสี่ยวซื่อกำลังสืบเรื่องเสบียงอาหารที่เป่ยเจียงอยู่ หากนางต้องการความช่วยเหลือ ลุงผิงช่วยนางด้วย”
“คุณหนูใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ” หลูผิงคาราวะไป๋ชิงเหยียน
หลูผิงรู้ว่าดีไป๋ชิงเหยียนต้องการฝึกฝนไป๋จิ่นจื้อ เขาย่อมยินดีทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือไป๋จิ่นจื้อ
เวลานี้ไป๋จิ่นจื้อกำลังนอนเอนกายมองดูใบไม้ที่ร่วงกระจายอยู่เต็มพื้นจากในศาลาบนเขาจำลองของจวน
ไป๋จิ่นเซ่อที่เดินออกมาจากเรือนของหลูหนิงฮว่าเห็นพี่หญิงสี่ของตัวเองมีสีหน้าเคร่งเครียดเป็นกังวล ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่จึงได้เหม่อลอยถึงเพียงนั้น เด็กสาวหันไปกล่าวกับสาวใช้ของตัวเอง จากนั้นถลกชายกระโปรงเดินเข้าไปในศาลาบนภูเขาจำลอง
ไป๋จิ่นจื้อกำลังเหม่อลอย สาวน้อยไม่รู้ตัวสักนิดว่ากำลังมีคนเดินเข้ามาใกล้ จนเมื่อไป๋จิ่นเซ่อแตะลงบนบ่าของไป๋จิ่นจื้อเบาๆ ไป๋จิ่นจื้อจึงได้สติ
“พี่หญิงสี่กำลังชมความงามของฤดูใบไม้ผลิอยู่หรือเจ้าคะ”
ไป๋จิ่นเซ่อแกล้งหยอกไป๋จิ่นจื้อ จากนั้นไปมองทางที่ไป๋จิ่นจื้อจ้องอยู่เมื่อครู่ เด็กสาวเห็นเพียงใบไม้สีทองร่วงหล่นอยู่บนพื้นท่ามกลางต้นแปะก๊วยต้นใหญ่ที่มีอายุนับร้อยปี เป็นภาพที่งดงามมาก “เสียดายที่วันนี้ฟ้าไม่โปร่ง หากแสงแดดส่องกระทบลงบนใบไม้สีทองเหล่านั้น คงเป็นภาพที่งดงามมากเลยเจ้าค่ะ”
ตอนที่บรรดาพี่ชายของนางยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาชอบมาฝึกซ้อมดาบใต้ต้นแปะก๊วย ท่านอาห้ารักต้นแปะก๊วยต้นมาก เขามักจะไล่บรรดาพี่ชายไปฝึกซ้อมที่อื่นอย่างปวดใจ จากนั้นนั่งเล่นหมากล้อมอยู่ใต้ต้นแปะก๊วยทั้งวันเพื่อเฝ้าไม่ให้บรรดาพี่ชายมาฝึกซ้อมใต้ต้นแปะก๊วยอีกเพราะกลัวว่าพวกเขาจะทำให้ต้นไม้ที่ท่านรักเสียหาย
“พี่จะมีจิตใจชมความงามของต้นแปะก๊วยได้อย่างไรกัน”
ไป๋จิ่นจื้อก้มหน้าลงอย่างเหงาหงอย เอนกายพิงเสาระเบียงสีแดงของศาลาราวกับคนไม่มีกระดูกสันหลัง จากนั้นเอื้อมมือไปเล่นผ้าม่านผืนบางที่ถูกแขวนเก็บอยู่บนตะขอทองแดงอย่างไม่มีสิ่งใดทำ
“พี่หญิงใหญ่ให้พี่สืบเรื่องเสบียงอาหารของเป่ยเจียงที่มีก้อนกรวดปนเปื้อนอยู่ พี่หญิงใหญ่ให้ทั้งเงินและกำลังคนในจวน ทว่า พี่ไม่รู้จะเริ่มต้นจากที่ใด”
ไป๋จิ่นจื้อเห็นท่าทีหงุดหงิดของพี่หญิงสี่ เดิมทีนางอยากกล่าวช่วย ทว่า เมื่อนึกได้ว่านี่คือบททดสอบของพี่หญิงใหญ่ เด็กสาวจึงเม้มปากแน่น กล่าวยิ้มๆ “พี่หญิงสี่ ตอนนี้พี่เป็นถึงจวิ้นจู่นะเจ้าคะ หากพี่ไปสืบที่กรมการคลังก็คงไม่มีผู้ใดกล้าปิดบังพี่หญิงสี่หรอกเจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นจื้อเงยหน้ามองไป๋จิ่นเซ่อ “พี่เคยคิดแล้ว ทว่า หากอยู่ๆ พี่ไปสืบเรื่องนี้โดยไม่มีคำสั่งอย่างเป็นทางการ อาจเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นได้!”
“พี่หญิงสี่รู้ว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่นด้วยหรือเจ้าคะ!” ไป๋จิ่นเซ่อหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้