สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 717 กังวลเกินกว่าเหตุ
ตอนที่ 717 กังวลเกินกว่าเหตุ
อารมณ์ของไป๋ชิงเหยียนไม่คงที่ เมื่อกล่าวเสร็จจึงไอออกมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง
องค์รัชทายาทไม่รู้จะทำเช่นไรจึงรีบเอ่ยสั่งเฉวียนอวี๋ “เฉวียนอวี๋ชาร้อน!”
เฉวียนอวี๋ยื่นชาร้อนให้ไป๋ชิงเหยียน ทว่า ไป๋ชิงเหยียนกลับโบกมือปฏิเสธ หญิงสาวกล่าวขอบคุณเฉวียนอวี๋ จากนั้นหันไปมององค์รัชทายาทนิ่งพลางกล่าวต่อ “หากวันนี้องค์รัชทายาททรงมีรับสั่งให้สังหารชาวบ้านของทั้งสองเมือง วันหน้าผู้อื่นต้องหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นว่าพระองค์เป็นถึงองค์รัชทายาททว่ากลับมีรับสั่งให้สังหารชาวบ้านที่ติดโรคระบาดของทั้งสองเมือง ต่อให้วันหน้าองค์รัชทายาทจะสร้างความดีความชอบมากมายสักเท่าใดก็ไม่สามารถลบล้างเรื่องเลวร้ายในครั้งนี้ได้เพคะ”
กล่าวถึงตรงนี้สีหน้าของไป๋ชิงเหยียนส่อแววเศร้าสร้อยออกมา “เหมือน…เหมือนตอนที่หม่อมฉันสังหารทหารยอมจำนนทั้งหมดของซีเหลียงในหุบเขาเวิ่งในตอนนั้น เรื่องนี้กลายเป็นมลทินติดตัวหม่อมฉันไปตลอดชีวิต! หม่อมฉันสังหารทหารของแคว้นศัตรู ทว่า องค์รัชทายาทกำลังจะสังหารชาวบ้านของแคว้นต้าจิ้น! ความผิดนี้หนักหนากว่าการที่หม่อมฉันสังหารทหารยอมจำนนของศัตรูมากนักเพคะ”
องค์รัชทายาทเริ่มหายใจติดขัด เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าผลลัพธ์จะร้ายแรงถึงเพียงนี้
เดิมทีเขาคิดเพียงแค่ว่าเขาทุ่มเงินและกำลังไปกับเมืองที่เกิดโรคระบาดมากมายขนาดนี้ยังไม่สามารถรักษาโรคระบาดได้ กลับกันโรคระบาดกลับทวีความรุนแรงมากขึ้น เขารู้สึกว่าเขาสูญเสียเงินและเสบียงอาหารไปโดยเปล่าประโยชน์ จำนวนผู้ติดเชื้อของแคว้นต้าจิ้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีสงครามที่ต้าเหลียงและหอบูชาเก้าชั้นที่เขาต้องการสร้างให้เสด็จพ่ออีก คลังสมบัติของแคว้นมีเงินไม่เพียงพอจริงๆ เขาจะปล่อยให้ชาวบ้านต้าจิ้นติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกไม่ได้ ดังนั้นเมื่อปรึกษากับฟางเหล่าเสร็จจึงได้ข้อสรุปเช่นนี้ออกมา
“องค์หญิงเจิ้นกั๋วทรงคิดมากไปแล้ว ถึงเวลานั้นองค์ชายจะลงโทษแม่ทัพผู้คุ้มกันเมืองทั้งสองเมือง พวกเขาจะรับผิดแทนองค์ชาย ชาวบ้านไม่รับรู้เรื่องนี้ เมื่อองค์ชายทรงสั่งลงโทษแม่ทัพคุ้มกันเมือง พวกเขาย่อมซาบซึ้งในบุญคุณขององค์ชาย เหตุใดจะโทษว่าเป็นความผิดของพระองค์กัน” ฟางเหล่ามองไปทางไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวออกมาโดยข่มความไม่พอใจเอาไว้
“ฟางเหล่าเลอะเลือนไปกันใหญ่แล้ว!” แววตาของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยไอสังหาร นางเดาได้แล้วว่าฟางเหล่าเป็นคนเสนอให้องค์รัชทายาทสังหารชาวบ้านที่ติดโรคระบาดของเมืองหวาหยางและฉินไหว ดังนั้นจึงกล่าวขึ้น “ต่อให้ชาวบ้านจะไม่รู้ประสีประสาเพียงใด ทว่า เมื่อพวกเขาเห็นว่าชาวบ้านของทั้งสองเมืองถูกสังหารทั้งเมืองเช่นนี้พวกเขาจะเดาไม่ได้เลยหรือว่าเป็นคำสั่งของผู้ใด พวกเขาจะไม่รู้เลยหรือว่าแม่ทัพคุ้มกันเมืองที่ถูกลงโทษเป็นเพียงแพะรับบาปเท่านั้น! ที่สำคัญคนที่จะยอมเป็นแพะรับบาปแทนองค์รัชทายาทล้วนเป็นคนที่จงรักภักดีต่อองค์รัชทายาททั้งสิ้น หากให้คนเหล่านี้ออกมาเป็นแพะรับบาปมีแต่จะทำให้ขุนนางที่รับใช้องค์รัชทายาทอย่างซื่อสัตย์รู้สึกหวาดกลัว ต่อไปผู้ใดจะกล้าจงรักภักดีต่อองค์รัชทายาทด้วยใจจริงกัน!”
เมื่อได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้ องค์รัชทายาทตกตะลึงจนเหงื่อซึมไปทั้งร่าง
ฟางเหล่ากล่าวสิ่งใดไม่ออกไปชั่วขณะ เขาจึงถามออกไป “กระหม่อมอยากทราบจริงๆ ว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วทรงทราบเรื่องคำสั่งลับขององค์ชายได้เช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนขมวดคิ้วแน่น “องค์ชายทรงส่งคนไปบอกข้าที่ซั่วหยางเอง ฟางเหล่ากล่าวเช่นนี้ต้องการสิ่งใดกันแน่”
ฟางเหล่าจ้องไปที่ไป๋ชิงเหยียนนิ่ง จากนั้นยกมือคารวะองค์รัชทายาท “องค์ชายไม่เคยส่งคนไปยังซั่วหยาง…”
ไป๋ชิงเหยียนหันไปมององค์รัชทายาท ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
องค์รัชทายาทเห็นสีหน้าของไป๋ชิงเหยียนจึงพยักหน้าลงช้าๆ “เราไม่เคยส่งคนไปยังซั่วหยาง ทว่า เราไม่ได้จงใจปิดบังเจ้า เพียงแต่ร่างกายเจ้าอ่อนแอ เราจึงไม่อยากให้เจ้าวุ่นวายใจกับเรื่องเหล่านี้”
สีหน้าของไป๋ชิงเหยียนยิ่งฉงนมากขึ้น หญิงสาวเอ่ยถามองค์รัชทายาทอย่างสงสัย “ทว่า คนที่ไปยังซั่วหยางคือคนของจวนองค์รัชทายาทจริงๆ เพคะ ที่สำคัญเรื่องนี้เป็นความลับ มีไม่กี่คนที่ทราบเรื่องนี้ หากองค์รัชทายาทไม่ได้ส่งคนไปยังซั่วหยาง ผู้ใดจะกล้าปลอมตัวเป็นคนขององค์รัชทายาทไปบอกเรื่องนี้ให้หม่อมฉันทราบกันเพคะ”
จู่ๆ ฟางเหล่าก็นึกถึงฉินซ่างจื้อขึ้นมา…
ตอนที่ฟางเหล่าเสนอเรื่องนี้กับองค์รัชทายาท ฉินซ่างจื้อคัดค้านหัวชนฝา กล่าวว่าการทำเช่นนี้ไร้คุณธรรม องค์รัชทายาทโมโหจนสะบัดแขนเสื้อจากไปทันที
องค์รัชทายาทขมวดคิ้วแน่น เขานึกถึงท่าทีไม่เต็มใจของแม่ทัพคุ้มกันเมืองทั้งสองหลังจากได้รับคำสั่งจากเขา แม่ทัพสองคนนั้นไม่อยากทำตามคำสั่งจึงส่งคนไปบอกให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วทราบเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ
เฉวียนอวี๋นึกถึงฉินซ่างจื้อขึ้นมาเช่นเดียวกัน เขาร้อนใจอยากช่วยแก้ต่างเรื่องที่องค์รัชทายาทสงสัยว่าไป๋ชิงเหยียนส่งคนมาสอดแนมข้างกายองค์รัชทายาทให้ไป๋ชิงเหยียนจึงรีบกล่าวขึ้น “องค์ชาย ตอนที่พระองค์ปรึกษากับฟางเหล่าว่าจะสังหารชาวบ้านที่ติดเชื้อเพื่อลดปัญหาการระบาดของโรค ฉินเซียนเซิงก็เอาแต่คัดค้านมาโดยตลอด ฉินเซียนเซิงอาจคิดว่าตัวเองหยุดยั้งองค์ชายไม่ได้จึงลอบส่งคนไปเรียนให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วทราบในนามขององค์ชาย หวังให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วมาช่วยห้ามปรามองค์ชายก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
ฟางเหล่าขมวดคิ้วแน่น หากฉินซ่างจื้อให้คนปลอมตัวเป็นคนขององค์รัชทายาทไปบอกไป๋ชิงเหยียนให้หญิงสาวมาช่วยยับยั้งองค์รัชทายาทไม่ให้สังหารชาวบ้านติดเชื้อเหล่านั้นจริง ตอนนี้การที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วโน้มน้าวจนองค์รัชทายาทเริ่มเอนเอียงไปทางนางแล้วก็เท่ากับว่าเขาเป็นคนผิดนะสิ!
ทว่า…เมื่อคิดให้ดี ฟางเหล่าคิดว่าหากฉินซ่างจื้อส่งคนไปบอกไป๋ชิงเหยียนจริงๆ เขาสามารถหยิบยกเรื่องความจงรักภักดีของฉินซ่างจื้อมาเป็นประเด็นได้ ไม่แน่อาจสามารถกำจัดฉินซ่างจื้อออกไปจากจวนองค์รัชทายาทได้ด้วย
เมื่อคิดได้ดังนี้ฟางเหล่าจึงยกมือคารวะองค์รัชทายาท “องค์ชายจะให้ตามฉินเซียนเซิงมาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนหันไปทางเฉวียนอวี๋ “ในบรรดาองครักษ์ไป๋ที่ติดตามข้ามาจากซั่วหยางมีคนเคยพบคนที่อ้างว่าเป็นคนของจวนองค์รัชทายาท รบกวนเฉวียนอวี๋กงกงตามองครักษ์ไป๋ผู้นั้นมาด้วย”
เฉวียนอวี๋มองไปทางองค์รัชทายาท เมื่อเห็นองค์รัชทายาทพยักหน้าจึงเดินออกไปทำตามคำสั่ง
“องค์รัชทายาท ที่หม่อมฉันรีบร้อนเดินทางมาหาองค์รัชทายาทเช่นนี้เพราะมีเรื่องที่ซีเหลียงยกทัพบุกโจมตีหนานหรงต้องการมาทูลให้องค์รัชทายาททราบอีกเรื่องเพคะ หม่อมฉันให้หลูผิงส่งจดหมายมาให้องค์รัชทายาทแล้ว ไม่ทราบว่าองค์รัชทายาทพบหลูผิงแล้วหรือไม่เพคะ” ไป๋ชิงเหยียนถาม
“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง หลูผิงนำจดหมายมามอบให้เราแล้ว ซีเหลียงยกทัพประชิดหนานหรง ทว่า ยังไม่ได้บุกโจมตี ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการสอดแนมแคว้นต้าจิ้นของเรา เราสั่งให้ผู้ตรวจการเมืองเติงโจวต่งชิงเยว่พาทหารค่ายผิงอันและกองทัพเติงโจวไปเตรียมตั้งรับที่ชายแดนซีเหลียงเพื่อข่มขวัญซีเหลียงแล้ว…” องค์รัชทายาทกล่าว
“กล่าวถึงเรื่องนี้กระหม่อมมีข้อสงสัยอยู่เรื่องหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงเจิ้นกั๋วทรงทราบได้เช่นไรว่าซีเหลียงยกทัพบุกหนานหรงพ่ะย่ะค่ะ” ฟางเหล่ามองไปทางไป๋ชิงเหยียนอย่างสงสัย
“ฟางเหล่าหมายความเช่นไร” ไป๋ชิงเหยียนขมวดคิ้วแน่น
ฟางเหล่ายิ้มออกมา ทว่า ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดระแวง “คงไม่ได้เป็นเพราะคนของจวนองค์รัชทายาทไปบอกองค์หญิงเจิ้นกั๋วที่ซั่วหยางอีกนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ฟางเหล่ากำลังใส่ร้ายว่าข้าส่งคนมาสอดแนมข้างกายขององค์รัชทายาทหรือตำหนิที่ข้าสนใจเรื่องทางทหารของซีเหลียงกันแน่” ดวงตาของไป๋ชิงเหยียนบริสุทธิ์เปิดเผย
“ฟางเหล่า!” องค์รัชทายาทหันไปตวาดฟางเหล่า
ฟางเหล่ารีบหันไปโค้งกายคำนับองค์รัชทายาท “องค์ชายโปรดระงับโทสะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพียงแค่รู้สึกว่าสายข่าวขององค์หญิงเจิ้นกั๋วช่างกว้างขวางและรวดเร็วเสียจริง ไม่ทราบว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วได้ติดต่อกับกองทัพไป๋ที่หนานเจียงบ้างหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
กล่าวจบ ฟางเหล่าหันไปมองไป๋ชิงเหยียนที่ใบหน้าซีดเซียวและแววตาล้ำลึก “ที่สำคัญองค์หญิงเจิ้นกั๋วช่วยชีวิตองค์ชายจนได้รับบาดเจ็บหนักเช่นนี้ องค์หญิงเจิ้นกั๋วควรพักผ่อนให้มากถึงจะถูก”
“ฟางเหล่า ข้ารู้ว่าท่านเป็นคนใจแคบ ทว่า ข้าเคารพที่ท่านคิดและทำเพื่อองค์รัชทายาทเสมอมา ไป๋ชิงเหยียนมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ข้าแค่อยากปูทางให้องค์รัชทายาทเดินไปอย่างมั่นคงกว่าเดิมเท่านั้น ไม่ได้ต้องการแย่งชิงความโปรดปรานกับฟางเหล่า หนทางข้างหน้าขององค์รัชทายาทยังต้องการฟางเหล่าอีกมาก ฟางเหล่าไม่จำเป็นต้องกังวลเกินเหตุเช่นนี้หรอก”
“ฟางเหล่าไม่ได้หมายความเช่นนั้น!” องค์รัชทายาทรีบเอ่ยแก้สถานการณ์