สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 718 เชื่อใจ
ตอนที่ 718 เชื่อใจ
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนต้องการจะลุกขึ้น เฉวียนอวี๋จึงรีบเข้าไปช่วยประคอง ไป๋ชิงเหยียนกล่าวขอบคุณเฉวียนอวี๋ จากนั้นหันไปโค้งกายคำนับรัชทายาท
“ที่ไป๋ชิงเหยียนทราบว่าซีเหลียงยกทัพบุกหนานหรงเป็นเพราะผู้ดูแลที่ท่านแม่ของหม่อมฉันสั่งให้นำของขวัญปีใหม่ไปมอบให้ตระกูลต่งที่เติงโจวคือคนจากสินเดิมของท่านแม่ ท่านแม่จึงอนุญาตให้เขาอยู่ฉลองปีใหม่ที่เติงโจวก่อนแล้วค่อยกลับมา ผู้ดูแลกลับมาถึงซั่วหยางในวันที่ยี่สิบสาม เดือนสอง ไป๋ชิงเหยียนจึงสั่งให้หลูผิงนำข่าวมาทูลให้องค์ชายทราบทันทีว่าเราจะอยู่เฉยไม่ได้ ต้องข่มขวัญซีเหลียงให้หวาดกลัวต้าจิ้นให้ได้ หากองค์ชายไม่เชื่อสามารถส่งคนไปสอบถามที่ซั่วหยางได้เพคะ หากไป๋ชิงเหยียนกล่าวโกหกแม้แต่คำเดียวขอให้หม่อมฉันโดนฟ้าผ่าตายเพคะ”
“องค์หญิงเจิ้นกั๋วกล่าวเกินไปแล้ว” รัชทายาทรีบประคองไป๋ชิงเหยียน “องค์หญิงเจิ้นกั๋วเสียสละช่วยชีวิตเราเอาไว้ เราไม่มีทางสงสัยองค์หญิงเจิ้นกั๋วเด็ดขาด ฟางเหล่ายังไม่รีบขอขมาองค์หญิงเจิ้นกั๋วอีก!”
รัชทายาทหันไปตวาดใส่ฟางเหล่า
ทว่า ไป๋ชิงเหยียนกลับถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้วทำความเคารพรัชทายาท
“องค์ชาย ไม่จำเป็นต้องให้ฟางเหล่าขอขมาหรอกเพคะ ไป๋ชิงเหยียนเร่งขี่ม้าเดินทางมาเมืองหลวง ตอนนี้รู้สึกไม่ค่อยดีนัก ขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนนะเพคะ! องครักษ์ไป๋อยู่ที่นี่ทั้งหมด เชิญฟางเหล่าสอบถามได้ตามสบาย”
กล่าวจบไป๋ชิงเหยียนถอยหลังแล้วหมุนตัวจากไปทันที
ฟางเหล่าคิดไม่ถึงว่าไป๋ชิงเหยียนจะเด็ดขาดถึงเพียงนี้ เขาได้แต่ยืนอึ้งอยู่กับที่
“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว!” รัชทายาทเดินตามไปสองสามก้าวจากนั้นตะโกนเรียก
จู่ๆ ไป๋ชิงเหยียนก็ชะงักฝีเท้าลง หญิงสาวเอื้อมมือไปจับเสาสีแดงต้นใหญ่เอาไว้ จากนั้นปิดปากไอออกมาจนร่างสะท้าน เฉวียนอวี๋รีบเข้าไปประคองไป๋ชิงเหยียน ทว่า ไป๋ชิงเหยียนกลับใช้มือกุมหน้าอก กระอักเลือดออกมา จากนั้นล้มหมดสติลงบนพื้นทันที
“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว! องค์หญิงเจิ้นกั๋ว! องค์ชาย…” เฉวียนอวี๋หวาดกลัวจนทำตัวไม่ถูก เขารีบคุกเข่าประคองร่างของไป๋ชิงเหยียนขึ้นมา “ทำเช่นไรดีพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย”
“หมอหลวงอยู่ที่ใด!” รัชทายาทรีบก้าวข้ามธรณีประตูออกไปด้านนอก จากนั้นตะโกนลั่น
“หมอหลวงเล่า หมองหลวงมาถึงแล้วหรือไม่! เร็ว รีบอุ้มองค์หญิงเจิ้นกั๋วไปที่เรือนรับรองก่อน!”
เฉวียนอวี๋รับคำทั้งน้ำตา ทว่า เฉวียนอวี๋ยังไม่ทันเข้าไปอุ้มตัวไป๋ชิงเหยียน องครักษ์ไป๋ที่ถูกตามตัวมาพบก็เดินเข้ามาในเรือนและเห็นคุณหนูใหญ่ที่เสื้อผ้าเปื้อนเลือดนอนเป็นลมหมดสติอยู่บนพื้นเข้าพอดี
องครักษ์ไป๋ผู้นั้นเบิกตาโพลง รีบกระโจนออกจากระเบียงทางเดิน วิ่งเหยียบต้นไม้และดอกไม้ที่สวนบริเวณโถงรับรองตรงเข้าไปยังร่างของไป๋ชิงเหยียน จากนั้นผลักร่างของเฉวียนอวี๋ออกทันที
“คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่!”
“อุ้มองค์หญิงเจิ้นกั๋วไปยังเรือนรับรองก่อน!” รัชทายาทไม่มีเวลาสั่งสอนองครักษ์ไป๋ที่พุ่งตัวเข้ามาอย่างเสียมารยาท เขารีบกล่าวขึ้น
องครักษ์ไป๋รีบอุ้มร่างของไป๋ชิงเหยียนมุ่งหน้าไปยังเรือนรับรองทันที
ไม่นานหมอหลวงก็มาถึง เมื่อหมอหลวงตรวจชีพจรให้ไป๋ชิงเหยียนเสร็จก็รู้สึกประหลาดใจ เขาเก็บหมอนตรวจชีพจรเข้ากล่อง จากนั้นหันไปโค้งคำนับรัชทายาทด้วยร่างที่สั่นเทา
“ทูลองค์รัชทายาท องค์หญิงเจิ้นกั๋วบาดเจ็บเรื้อรังมานานแล้ว ต่อมาถูกธนูยิงเข้าที่กลางอกจนปอดได้รับความเสียหาย หากองค์หญิงเจิ้นกั๋วพักรักษาตัวอยู่แต่ในเรือน นางอาจมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกนาน ทว่า การเดินทางมาเมืองหลวงครั้งนี้ทำให้นางได้รับไอเย็นเข้าร่าง อีกทั้งหักโหมร่างกายเกินไปจนอาการเก่ากำราบขึ้นอีกครั้ง เกรงว่า…”
“เกรงว่าอันใด!” รัชทายาทบันดาลโทสะ “เราบอกเจ้าไว้ก่อนเลยนะว่าเราไม่ต้องการได้ยินคำว่าเกรงว่า! เราต้องการให้เจ้ารักษาองค์หญิงเจิ้นกั๋วให้หายดี หากองค์หญิงเจิ้นกั๋วเป็นอันใดขึ้นมา เราจะส่งเจ้าและครอบครัวของเจ้าไปยังเมืองหวาหยาง!”
หมอหลวงรีบคุกเข่าลงบนพื้นอย่างสั่นเทา “องค์รัชทายาทได้โปรดเมตตาด้วยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะรักษาองค์หญิงเจิ้นกั๋วให้ดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ ทว่า องค์หญิงเจิ้นกั๋วมีอาการป่วยเรื้อรังอยู่ก่อนแล้ว ต่อให้ท่านหมอหลวงหวงอยู่ที่นี่ก็คงไม่มีทางรักษาได้เช่นเดียวกันพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ทำได้เพียงใช้ยาบรรเทาอาการเท่านั้น กระหม่อมไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ…”
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนซึ่งนอนอยู่บนเตียงค่อยๆ ลืมตาขึ้น เฉวียนอวี๋รีบเอ่ยเรียกทันที
“องค์ชาย องค์ชาย! องค์หญิงเจิ้นกั๋วทรงฟื้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“คุณหนูใหญ่!” องครักษ์ไป๋ที่คุกเข่าอยู่ด้านข้างรีบหันไปมองทางเตียงของไป๋ชิงเหยียน
“องค์หญิงเจิ้นกั๋วรู้สึกอย่างไรบ้าง” รัชทายาทรีบเดินเข้าไปสอบถามอาการของไป๋ชิงเหยียน ในใจรู้สึกผิดมาก เขาไม่ควรสงสัยไป๋ชิงเหยียน
“องค์ชายไม่จำเป็นต้องลำบากพระทัยเพคะ ร่างกายของหม่อมฉัน หม่อมฉันทราบดีเพคะ…”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวพลางยันกายลุกขึ้น เฉวียนอวี๋รีบเข้าไปประคอง
รัชทายาทกำหมัดที่แนบข้างลำตัวแน่น
“ความจริงเจ้าไม่จำเป็นต้องมาที่นี่ด้วยตัวเอง เจ้าส่งผู้อื่นมาก็ได้”
“ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้คนไปขัดขวางคำสั่งขององค์ชายโดยพลการ หม่อมฉันสมควรตาย หม่อมฉันต้องมารับโทษจากองค์ชายด้วยตัวเองเพคะ”
ไป๋ชิงเหยียนใช้มือกุมหน้าอกพลางก้มศีรษะให้รัชทายาท
“กล่าวอันใดเช่นนี้ เรารู้ดีว่าเจ้าทำไปเพื่อเราทั้งสิ้น…” รัชทายาทถอนหายใจออกมา
“ครั้งนี้เป็นความผิดของฟางเหล่า เราจะให้เขามาขอขมาเจ้าให้ได้”
ไป๋ชิงเหยียนส่ายหน้า “ทุกคนล้วนทำเพื่อองค์ชายทั้งนั้น ฟางเหล่ามีข้อสงสัยจึงถามออกมาก็สมควรแล้วเพคะ…”
“เรารู้ว่าเจ้าใจกว้าง ไม่ถือสาฟางเหล่า ทว่า เจ้าสละชีวิตเพื่อเรา ในสายตาของฟางเหล่ากลับกลายเป็นว่าเจ้าต้องการแย่งความเชื่อใจไปจากเขา…”
รัชทายาทขมวดคิ้วแน่นราวกับไม่รู้จะกล่าวต่อไปเช่นไรดี
“องค์ชาย…” ไป๋ชิงเหยียนซึ่งริมฝีปากซีดเซียวมองไปทางรัชทายาท
“ไป๋ชิงเหยียนอยู่ไกลถึงซั่วหยาง ส่วนใหญ่องค์ชายต้องพึ่งพาที่ปรึกษาอย่างฟางเหล่า อย่าทำให้ฟางเหล่ารู้สึกไม่สบายใจเพราะไป๋ชิงเหยียนเพียงคนเดียวเลยเพคะ ไป๋ชิงเหยียนอายุน้อยกว่าฟางเหล่า ทว่า หม่อมฉันใจกว้างกว่าเขา หม่อมฉันไม่ถือสาเขาจริงๆ เพคะ”
ขันทีเล็กคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาด้านใน จากนั้นคุกเข่าลงที่หน้าประตูพลางตะโกนเสียงดังลั่น
“องค์ชาย พระชายาเอกเริ่มเจ็บครรภ์ใกล้คลอดแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“ใกล้คลอดแล้ว!” ใบหน้าของรัชทายาทส่อแววยินดี เขามองไปทางไป๋ชิงเหยียน
“เจ้าพักอยู่ที่นี่ไปก่อนนะ เราจะไปดูพระชายาสักหน่อย”
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางองครักษ์ไป๋ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น องครักษ์ไป๋รีบเข้าไปช่วยประคองไป๋ชิงเหยียนทันที
“องค์ชายรีบเสด็จไปดูพระชายาเถิดเพคะ ไป๋ชิงเหยียนไม่อยู่รบกวนที่จวนรัชทายาทแล้ว ขอตัวกลับจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วก่อนเพคะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับรัชทายาท
บัดนี้พระชายาเอกกำลังจะคลอดบุตร รัชทายาทไม่มีเวลาสนทนากับไป๋ชิงเหยียยต่อจริงๆ เขาพยักหน้าพลางกำชับให้เฉวียนอวี๋เตรียมรถม้าไปส่งไป๋ชิงเหยียนกลับจวนด้วยตัวเอง จากนั้นเขารีบจากไปทันที
เฉวียนอวี๋ให้หมอหลวงตามไป๋ชิงเหยียนกลับไปยังจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วด้วย เมื่อฮูหยินสองหลิวซื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนที่เสื้อผ้าเปื้อนไปด้วยเลือดก็ตกใจจนเข่าอ่อนแทบล้มลงบนพื้น “เกิดอันใดขึ้น เกิดเรื่องอันกัน!”
“ฮูหยินสอง เมื่อครู่บ่าวให้คนมาแจ้งให้ทางจวนเตรียมเกี้ยวไว้ให้องค์หญิงเจิ้นกั๋ว ไม่ทราบว่าเตรียมไว้แล้วหรือไม่ขอรับ” เฉวียนอวี๋ทำความเคารพจากนั้นเอ่ยถาม
“เตรียมไว้แล้ว!” หลิวซื่อบีบมือของหลัวหมัวมัวแน่น “เร็ว! รีบนำเกี้ยวมา!”
“ท่านอาสะใภ้สองไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ข้ามิเป็นอันใด…”
ไป๋ชิงเหยียนคลี่ยิ้มบางๆ เพื่อปลอบใจหลิวซื่อ
โชคดีที่ตอนนี้องค์หญิงใหญ่และไป๋จิ่นเซ่ออยู่ที่วัดชิงอัน พวกนางจะได้ไม่ต้องกังวลเมื่อเห็นสภาพของไป๋ชิงเหยียนในตอนนี้
หลิวซื่อถูกหลัวหมัวมัวประคองไปยังเรือนชิงฮุย นางประคองให้ไป๋ชิงเหยียนนอนลง จากนั้นสั่งให้หลัวหมัวมัวออกไปส่งเฉวียนอวี๋ด้วยตัวเอง
“ต้องขอโทษเฉวียนอวี๋กงกงจริงๆ คุณหนูใหญ่ของพวกเราเป็นเช่นนี้ ข้าไม่กล้าปลีกตัวไปที่ใดจริงๆ ข้าจำต้องให้หลัวหมัวมัวออกไปส่งกงกงแทน กงกงได้โปรดอย่าถือสา”
เฉวียนอวี๋รีบทำความเคารพพลางกล่าวว่าไม่กล้า เขามองเข้าไปในห้องอีกครั้งหนึ่งอย่างไม่วางใจ จากนั้นเดินตามหลัวหมัวมัวออกไปด้านนอก
“ท่านอาสะใภ้สอง ข้ามิเป็นอันใดจริงๆ เจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนหยัดกายลุกขึ้นนั่ง