สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 724 ปกป้องภรรยา
ตอนที่ 724 ปกป้องภรรยา
ซู่
อักษรค่ายกลสีม่วงทองที่สว่างขึ้นอย่างต่อเนื่องพุ่งขึ้นกลางอากาศ
วิ้ง
เหนือจักรวาลดั้งเดิมปรากฏ ‘หลุม’ ตรงกลางมีสีดำบริสุทธิ์ รอบๆ ประกายแสงสีขาว
เหมือนกับ… ‘สภาพ’ ที่ต้าซือมิ่งเป็นอยู่ในตอนนี้มาก
เยี่ยนอวี๋เห็นดังนั้นก็พาเด็กน้อยเข้าไปในค่ายกล
“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์” เดิมทีเยี่ยนชิงจะไปจับบุตรสาวไว้ คิดว่าแม้แต่ช่วงเวลาสุดท้ายก็ไม่ได้จับมือบุตรสาวเพื่ออวยพรหรือกำชับสักคำสองคำเลย
แต่ค่ายกลที่สว่างขึ้นนั่นเห็นได้ชัดว่าปฏิเสธการเข้าถึงของคนภายนอก นอกจากสองแม่ลูกเยี่ยนอวี๋ ดังนั้นมือของเยี่ยนชิงจึงยื่นเข้าไปไม่ได้
เยี่ยนอวี๋หันกลับไปมองท่านพ่อเจ้าน้ำตา “ท่านพ่อโปรดวางใจ ลูกจะพาเสี่ยวเป่ากลับมาอย่างปลอดภัย”
“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์วางใจ แม่จะดูแลท่านพ่อเจ้าให้ดี” จางอวิ๋นเมิ่งจับมือของสามีไว้แน่น นางมองบุตรสาวนิ่ง “ต้องรีบกลับมาพร้อมเสี่ยวเป่านะ”
เยี่ยนจื่อเยี่ยเองก็พูดว่า “พี่ใหญ่จะช่วยเจ้าดูแลน้องเขยเอง”
เยี่ยนอวี๋พยักหน้า ร่างของนางค่อยๆจางไป
“น้อมส่งนายท่าน ขอให้นายท่านกลับมาพร้อมชัยชนะ” ทวยเทพรวมถึงตี้จวิ้นพากันคุกเข่าข้างหนึ่ง ดวงตาพวกเขาแดงก่ำ “นายท่าน นายน้อย ต้องกลับมาอย่างปลอดภัย”
“วางใจเถอะ”
“ขอรับ…”
เสียงตอบรับอันอ่อนโยนของเยี่ยนอวี๋และเจ้าตัวน้อยแผ่วเบาอยู่ในสายลมและล่องลอยออกไป ร่างของพวกเขาก็หายตามไป
“คุณหนูใหญ่!” เม่ยเอ๋อร์พุ่งเข้าไปในค่ายกลอย่างไม่รู้ตัว มันเป็นสัญชาติญาณอย่างหนึ่ง
ถึงอย่างไรตั้งแต่ที่นางเริ่มมีสติ นางก็ติดตามคุณหนูใหญ่มาโดยตลอด บัดนี้คุณหนูใหญ่จะไปยังที่ที่ไกลแสนไกล นางอยากจะติดตามไป นางจึงตามไปแล้ว
ผลลัพธ์คือ…
วิ้ง
นางหายเข้าไปในค่ายกลแล้ว
ซีหวังหมู่เริงร่าขึ้นมาทันที “นายท่าน รอซีซีด้วย! ซีซีไปด้วย!”
“ไร้สาระ!” อินหลิวเฟิงเกือบจะระเบิดอารมณ์แล้ว ไม่ทันตั้งตัวเลยจริงๆ
ทว่า…
ตูม
ซีหวังหมู่กระแทกกระเด็นออกมา
เซ่าเฮ่าและเทพอัสนีที่ ‘ทดลอง’ เช่นกันก็กระเด็นออกมา ดังนั้น…
“ทำไมกัน”
ซีหวังหมู่ไม่ยอม ยังคิดจะลองอีกครั้ง แต่ครานี้อินหลิวเฟิงไม่โมโห ปล่อยให้มันไปลองเองแล้ว สุดท้ายซีหวังหมู่ก็ลอยกระเด็นออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย
ซีหวังหมู่ “…” ?
มันที่ตกอยู่ในความงงงันไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดพี่น้องของมันเข้าไปได้ แต่มันเข้าไม่ได้
คำตอบมีเพียงหนึ่งเดียว มันไม่ใช่ซีซีที่นายท่านชอบที่สุดแล้ว
“แงงงง…”
ซีหวังหมู่ร้องไห้ทันที
น้อยใจ เสียใจ ท้อแท้…
“แง แงงงง…”
ซีหวังหมู่เสียใจมาก อินหลิวเฟิงอดลูบผมยาวสลวยที่ลื่นและหนาของมันไม่ได้ เขาถอนหายใจพลางพูดว่า “พอได้แล้ว เป็นอสูรอายุสิบล้านปีแล้ว ร้องไห้แบบนี้ ทำเอาท่านลุงเยี่ยนตกใจหมด ท่านลุงตกใจจนหยุดร้องแล้ว”
“นั่นน่ะสิ” ตี้จวิ้นยังพูด ‘ปลอบ’ ต่อไปว่า “เสียงร้องไห้ของเจ้าไม่เสนาะหูเลย”
เซ่าเฮ่า “…”
ปลอบหาเรื่องแบบนี้ สมแล้วที่เป็นพี่น้องกัน
ซีหวังหมู่ที่ถูก ‘ปลอบ’ ยังดึงดันเปลี่ยนเป็นเสียงร้อง ‘อุแว้ๆ’ และถามว่า “แบบนี้ไพเราะกว่าหรือ นายท่านจะชอบข้า พาข้าไปหรือ”
“นายท่านไปแล้ว” อินหลิวเฟิงจำเป็นต้องพูดความจริง
“แงงงง…” ซีหวังหมู่รู้สึกเสียใจเกินไปแล้ว
เซ่าเฮ่าทนดูไม่ไหว เขาไปพูดกับเยี่ยนชิงที่ ‘ตกใจ’ จนอ้าปากค้าง “ท่านลุงเยี่ยน ไปเถอะ อย่าสนใจพวกเขาเลย”
“เดี๋ยวนะ ทำไมเม่ยเอ๋อร์จึงเข้าไปได้ หรือว่าข้าควรลองดู” เยี่ยนชิงพูดพลางทำท่าจะไปลองจริงๆ แต่ถูกเยี่ยนจื่อเยี่ยจับไว้อย่างรวดเร็ว “ท่านพ่อ อย่าสร้างปัญหา”
“พูดเช่นนี้ได้อย่างไร ท่านพ่อเจ้าตอนนี้เป็นถึงมหาเทพ อย่ามาขวาง ข้าจะลองดู ข้าจะไปช่วยเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์” เยี่ยนชิงคิดว่าตนเองทำได้
แต่ว่า… จางอวิ๋นเมิ่งเรียก “พี่ชิง”
“ไม่ไปก็ไม่ไป” บทจะขี้ขลาดก็ขี้ขลาดทันที
เยี่ยนจื่อเยี่ยเห็นดังนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้ ท่านพ่อจอมซุกซนคนนี้…
นี่ก็เป็นความคิดบัดนี้ของเยี่ยนอวี๋ นางยังไม่ ‘จากไป’ อย่างสิ้นเชิง ถึงอย่างไรก็กำลังรอค่ายกลผนึกอยู่ ดังนั้นนางยังคงได้ยินเสียงสนทนาของพวกเขา
“ฮี่…” เด็กน้อยที่มองข้อมือของตนอย่างมีความสุข เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น เอาแต่มองแสงสีม่วงบนข้อมือของตนเองอย่างดีอกดีใจ
เยี่ยนอวี๋มองเด็กน้อยน่ารักน่าชังอดจูบไม่ได้ “ดีใจเช่นนี้เลยหรือ”
“ฮี่…” เยี่ยนเสี่ยวเป่ายิ้มไม่หุบ เขาสัมผัสได้ว่าในแสงมีท่านพ่ออยู่นี่นา
ทว่า… เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่กำลังลูบข้อมือของตน เขายังพูดกับท่านแม่ว่า “เป่าหิว”
เยี่ยนอวี๋จึงหยิบถุงงามวิจิตรใบหนึ่งออกมาและหยิบซาลาเปาอิงอิงลูกหนึ่งออกมาให้เด็กน้อยทานรองท้อง
หงับ… เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่กัดหัวอิงอิงอย่างดีอกดีใจ เขาก็ยิ่งมีความสุข
จิ่วอิงที่ยังเกาะอยู่ที่แขนของเด็กน้อย มันก็อดพูดไม่ได้ว่า “เสี่ยวเป่า ปู่จิ่วถามเจ้า ทำไมเจ้าจึงชอบกินอิงอิงเช่นนี้นะ”
“อิงอิง สวยที่สุด” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเอ่ย
จิ่วอิง “…”
ถูกเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง
จิ่วอิงที่ไม่ว่าจะถามกี่ครั้งก็ได้รับคำตอบเดิม แม้มันจะรู้ว่านี่คือแผนการของเด็กน้อยจอมปลอม แต่มันก็ถูกเกลี้ยกล่อมจนหายโกรธทุกครั้งไป
ในขณะที่ทั้งสองคุยกันอยู่นั่นเอง เยี่ยนอวี๋กลับมองไปยังความว่างเปล่า นางรู้สึกได้ว่าค่ายกลผนึกมาถึงแล้ว
วิ้ง
ผนึกเจ็ดสิบสองวังแปดทิศจากยมโลกสว่างขึ้นอีกครั้งในครานี้และดึงหลุมศพออกมาจาก ‘ความว่างเปล่า’
“เฮ้ย” อสูรหน้ามนุษย์โพล่งคำหยาบทันที หากไม่ใช่เพราะเทียนตี้ส่งโทรจิตบอกพวกมันไว้ล่วงหน้า อสูรหน้ามนุษย์คงตกใจตาย
เทพวิหคมังกรเผยสีหน้าตระหนก อดคิดไม่ได้ว่า “ก่อนหน้านี้ที่หลุมหายไป เป็นไปได้หรือไม่ว่าเป็นเพราะผนึกนี้แทนที่จะ ‘หายไปเอง’ ”
สิบสองเทพขุนเขาเองก็สงสัยเช่นกัน แต่ก็ไม่มีผู้ใดไขข้อสงสัยได้ พวกมันเห็นเพียงหลุมศพทั้งหลุมอยู่ตรงหน้าพวกมัน ราวกับ ‘ปลาใหญ่’ ตัวหนึ่งติดแหแล้วหายไป
ภาพเช่นนี้… ทำเอาผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์อันแปลกประหลาดนี้ตะลึงงัน
หลุมศพทั้งหลุม พื้นที่บริเวณสิบล้านลี้ ครอบครองพื้นที่หนึ่งในสามของยมโลกถูก ‘ควัก’ ออกไปเช่นนี้ จะไม่ตะลึงได้อย่างไร
แม้แต่เยี่ยนอวี๋ ในฐานะผู้สร้างสวรรค์เก้าชั้นฟ้า หากนางต้องการทำเช่นนี้ก็ต้องใช้ความพยายามมหาศาล ทว่าต้าซือมิ่ง เขายังไม่ใช่ผู้สร้างสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เขาก็สามารถใช้ผนึกนำหลุมศพทั้งหลุมไปอย่างง่ายดาย
วิธีการลึกลับมิอาจคาดเดาได้เช่นนี้… ทำให้ทวยเทพและตี้จวิ้นพวกเขาที่เห็นหลุมศพในจักรวาลดั้งเดิมล้วนประหลาดใจอย่างยิ่ง
แม้แต่อินหลิวเฟิง เขาเองก็ทอดถอนใจว่า “หากไม่ได้เห็นด้วยตาตนเองคงไม่อยากจะเชื่อ จวินโฮ่วช่าง… ทำให้ข้าได้เปิดโลกใหม่ทุกครั้งจริงๆ อดีตเป็นเช่นนี้ ตอนนี้ก็เป็นเช่นนี้ เป็นเช่นนี้เสมอมา”
“ดอกบัวขาว” ตี้จวิ้นอดเหน็บแนมไม่ได้ “เก่งขนาดนี้ ยังชอบแสร้งทำเป็นอ่อนแอให้อาจารย์สงสาร”
อินหลิวเฟิงยิ้ม แววตาอิจฉา “แม้ว่าผู้อื่นจะประพฤติตัวเช่นนี้ นายท่านก็ไม่หวั่นไหว”
“ก็ใช่…” ตี้จวิ้นลูบหน้าของตนเบาๆ “หน้าตาสู้เขาไม่ได้อยู่ดี”
ครานี้อินหลิวเฟิงยิ้มจริงๆ ทว่า… เขาที่จู่ๆ คิดถึงแสงสีม่วงนั่นกลับเดินออกจากห้องไปแล้ว “จู่ๆ ข้าก็สงสัยว่าจวินโฮ่วคงตามไปด้วย ไป เราไปดูกันเถอะว่าจวินโฮ่วยังอยู่หรือไม่”