สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 740 ซื้อใจคน
ตอนที่ 740 ซื้อใจคน
ไป๋ชิงเหยียนจำได้ว่าเซียวหรงเหยี่ยนเคยกล่าวว่าเพราะมีเขื่อนกว่างเหอเยี่ยนว่อจึงกลายเป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ ตอนที่ต้าเยี่ยนสร้างเขื่อนกว่างเหอขึ้นมา พวกเขามีกำลังคนและกำลังทรัพย์ไม่เพียงพอ ซือหม่าเซิ่งเซียนเซิงซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำกลัวว่าชาวบ้านจะเดือดร้อนจากภัยน้ำท่วมจึงสร้างเขื่อนขึ้นมาอย่างประณีต น้ำในเขื่อนกว่างเหอจะเต็มเขื่อนเฉพาะฤดูน้ำหลากของแม่น้ำหนิวเหอเท่านั้น ทว่า เขื่อนนี้มีอายุใช้งานประมาณยี่สิบปีเท่านั้น
หากต้องการให้เขื่อนกว่างเหอแข็งแรงทนทานต่อไปต้องมีการซ่อมแซมและขยายเขื่อนให้บรรจบกับแม่น้ำฉางให้ได้
หากไป๋ชิงเหยียนสามารถโน้มน้าวให้รัชทายาทซ่อมแซมเขื่อนและขยายเขื่อนให้บรรจบกับแม่น้ำฉางจนทำให้เยี่ยนว่อกลายเป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ขึ้นมาอีกครั้งได้ เมื่อไป๋ชิงเหยียนส่งเสิ่นเทียนจือไปดูแลที่นั่นก็เท่ากับว่าหญิงสาวจะมีเสบียงอาหารมากมายอยู่ในกำมือ
หากไป๋ชิงเหยียนจำไม่ผิด หลังจากการสอบชุนเหวยจะมีการสอบประเมินความสามารถของขุนนาง
“สอบสามระดับ สามครั้ง กำจัดขุนนางฉ้อโกง เลื่อนตำแหน่งขุนนางมีความสามารถ…” ไป๋ชิงเหยียนเปิดฝาตะเกียงออก จากนั้นใส่จดหมายของจี้ถิงอวี๋ลงไปเผาในตะเกียง
“ตระกูลไป๋ของเราเดินมาได้ถึงจุดนี้แล้ว ตอนนี้พวกเราสามารถแทรกคนของตัวเองเข้าไปตามแหล่งเสบียงและที่นาต่างๆ ได้แล้ว”
ไป๋จิ่นซิ่วกำหมัดแน่น พี่หญิงใหญ่มีกำลังทหารอยู่ในมือและควบคุมแหล่งเสบียงสำคัญต่างๆ ได้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามีไว้เพื่อการใด ไป๋จิ่นซิ่วอยู่กับไป๋ชิงเหยียนมานาน หญิงสาวมองออกว่าพี่หญิงใหญ่กำลังคิดทำสิ่งใด
ราชวงศ์ต้าจิ้นเสื่อมโทรม ไม่เห็นความสำคัญของชาวบ้าน จักรพรรดิไร้คุณธรรม รัชทายาทไร้ความสามารถ สมควรถูกโค่นล้ม!
ไป๋ชิงเหยียนได้ยินเสียงเสิ่นชิงจู๋ทุบหน้าอกขณะทานของว่างจึงมองออกไปนอกฉากกั้น “ให้คนยกชามาให้ชิงจู๋ที ของว่างคงติดคอนาง”
เสิ่นชิงจู๋ของว่างติดคอจนเกือบหายใจไม่ออก หญิงสาวใช้มือทุบอกอย่างแรง เมื่อเรอออกมาจึงรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย หญิงสาวรีบลุกขึ้นทำความเคารพ “ไม่ต้องเจ้าค่ะคุณหนูใหญ่ ข้าดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ…”
“เจ้าเร่งเดินทางนำจดหมายมามอบให้ข้าโดยไม่ได้หยุดพัก เจ้าไปงีบในห้องทำความอุ่นสักพักเถิด ข้าจะให้โรงครัวต้มน้ำแกงร้อนๆ ให้เจ้า เจ้าทานสักถ้วยแล้วค่อยกลับไปพักผ่อน” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
เสิ่นชิงจู๋ทั้งเหนื่อยทั้งหิวจริงๆ หญิงสาวพยักหน้า เมื่อเตรียมเดินไปงีบก็นึกถึงคำสั่งของต่งซื่อขึ้นมาได้ หญิงสาวทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกล่าวขึ้น “คุณหนูใหญ่ ฮูหยินฝากข้ามาบอกคุณหนูใหญ่ว่าหากครั้งนี้คุณหนูใหญ่ได้รับบาดเจ็บอีก คุณหนูใหญ่ไม่ต้องกลับไปหาท่านที่ซั่วหยางแล้วเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียน “…”
เมื่อไป๋จิ่นซิ่วที่กำลังมีสีหน้าเคร่งเครียดเห็นท่าทีของพี่หญิงใหญ่จึงยกมือปิดปากหัวเราะออกมาเบาๆ
“ปกติมักได้ยินท่านอาสะใภ้สามกล่าวเช่นนี้กับเสี่ยวซื่อเป็นประจำ นึกไม่ถึงว่าท่านป้าสะใภ้ใหญ่จะฝากชิงจู๋มาบอกพี่หญิงใหญ่เช่นนี้เหมือนกันนะเจ้าคะ”
เมื่อโรงครัวต้มน้ำแกงเสร็จและยกมาให้เสิ่นชิงจู๋ที่ห้อง ไม่มีผู้ใดสามารถปลุกให้เสิ่นชิงจู๋ตื่นนอนได้เลย
ไป๋ชิงเหยียนเขียนจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่งแล้วสั่งให้องครักษ์ไป๋นำไปมอบให้เจ้าเมืองเสิ่นเทียนจือที่ซั่วหยาง จากนั้นหญิงสาวจึงเดินไปหาเสิ่นชิงจู๋ ห่มผ้าให้นาง กำชับให้บ่าวรับใช้ในเรือนชิงฮุยทำงานอย่างเบามือ อย่าส่งรบกวนการพักผ่อนของเสิ่นชิงจู๋
ตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวงต่างรับรู้แล้วว่าพระชายาเอกของรัชทายาทประสูตรโอรส เพื่อไม่เป็นการรบกวนเวลาพักผ่อนของพระชายาเอก รัชทายาทจึงให้คนส่งข่าวบอกตระกูลฝั่งมารดาของพระชายาเอกว่าให้เฉพาะคนในครอบครัวมาเยี่ยม ไม่ต้องพาคนนอกมาด้วย
เมื่อมารดาของพระชายาเอกได้รับข่าวจึงรีบมาเยี่ยมบุตรสาวที่จวนรัชทายาทในเช้าวันต่อมาทันที
เมื่อทุกคนไปเยี่ยมพระชายาเอกที่จวนรัชทายาทไม่ได้ พวกเขาจึงนึกถึงไป๋ชิงเหยียนที่ได้รับความสำคัญจากรัชทายาทขึ้นมา เป็นดังที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับฝูรั่วซีเมื่อวาน วันนี้มีคนมาเยี่ยมองค์หญิงเจิ้นกั๋วที่จวนมากมาย ฮูหยินสองหลิวซื่อคอยต้อนรับคนเหล่านั้นอยู่ที่เรือนหน้า
รัชทายาทต้องการแสดงให้ผู้อื่นให้ว่าตนเองให้ความสำคัญกับไป๋ชิงเหยียนมาก เมื่อเข้าร่วมการว่าราชการตอนเช้าและกลับไปเยี่ยมพระชายาเอกและโอรสที่จวนเสร็จ เขาจึงสั่งให้เฉวียนอวี๋เตรียมของบำรุงมากมาย จากนั้นเดินทางไปเยี่ยมไป๋ชิงเหยียนที่จวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว
เมื่อไป๋ชิงเหยียนได้ยินว่ารัชทายาทเสด็จมาเยี่ยม หญิงสาวจึงฝืนร่างกายที่อ่อนแอของตัวเองออกไปต้อนรับรัชทายาทที่หน้าประตูจวน ทุกคนจึงเห็นอย่างชัดเจนว่าใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนซีดเผือด ร่างกายอ่อนแอประหนึ่งเมื่อโดนลมพัดอาจปลิวได้ทันที พวกเขาจึงรับรู้ว่าครั้งนี้องค์หญิงเจิ้นกั๋วได้รับบาดเจ็บหนักจริงๆ
รัชทายาทรีบเข้าไปประคองร่างที่อ่อนแอของไป๋ชิงเหยียน จากนั้นเดินไปยังโถงรับรองพร้อมกับหญิงสาว
วันนี้รัชทายาทถวายฎีกาขอให้ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งฝูรั่วซีเป็นหัวหน้าหน่วยตรวจเมืองตอนเข้าร่วมว่าราชการตอนเช้าแล้ว ขุนนางในราชสำนักต่างชมเชยในความมีเมตตาและให้โอกาสคนของรัชทายาท
รัชทายาทเล่าเรื่องนี้ให้ไป๋ชิงเหยียนฟัง เมื่อได้รับคำชมจากไป๋ชิงเหยียน รัชทายาทจึงรู้สึกพอใจมาก ทว่า ดีใจได้ไม่นานเขาก็ได้ยินไป๋ชิงเหยียนถอนหายใจพลางกล่าวขึ้น “องค์ชายทรงทราบเรื่องที่เยี่ยนว่อประสบภัยหนาวจากหิมะแล้วหรือไม่เพคะ”
รัชทายาทชะงักมือที่กำลังดื่มน้ำชาอยู่ เขาวางน้ำชาลงพลางพยักหน้าเบาๆ “นึกไม่ถึงว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะทราบเรื่องนี้แล้วเช่นกัน เราได้รับรายงานตั้งแต่ช่วงปีใหม่แล้ว ทว่า สถานการณ์สงครามกับต้าเหลียงกำลังรุนแรง เมืองหวาหยางและฉินไหวก็เกิดโรคระบาดขึ้น ปีที่แล้วเยี่ยนว่อเกิดภัยแล้งและขาดแคลน ชาวบ้านส่วนใหญ่พาครอบครัวอพยพหนีออกจากเยี่ยนว่อไปแล้ว ต่อมาเหลียงอ๋องเดินทางไปบรรเทาทุกข์ ชาวบ้านอพยพกลับไปที่เยี่ยนว่อไม่กี่ครัวเรือนเท่านั้น เราจึงยังไม่ได้จัดการเรื่องนี้”
ไป๋ชิงเหยียนเม้มปากแน่น จากนั้นลุกขึ้นยืนทำความเคารพรัชทายาท
“องค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่จำเป็นต้องมากพิธีกับเราถึงเพียงนี้!” รัชทายาทกล่าว “รีบนั่งลงเถิด!”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าแล้วนั่งลงอีกครั้ง จากนั้นกล่าวขึ้น “ปีนี้ต้าจิ้นเกิดเรื่องขึ้นมากมาย เหยียนทราบดีว่าคลังสมบัติของต้าจิ้นอาจไม่เพียงพอ เดิมทีเหยียนตั้งใจจะใช้ชื้อเสบียงอาหารจัดส่งไปยังหวาหยางและฉินไหว แม้จะไม่มากเท่าใดนัก ทว่า นี่คือน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงถึงความจักรักภักดีที่เหยียนมีต่อองค์ชาย บัดนี้เยี่ยนว่อประสบภัยหนาวจากขึ้นหิมะขึ้นอีก เหยียนตั้งใจว่าเหยี่ยนจะซื้อเสบียงส่งไปยังเยี่ยนว่อในนามขององค์ชาย จะได้เป็นการช่วยองค์ชายซื้อใจคนด้วยเพคะ”
เมื่อรัชทายาทได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนจะออกเงินซื้อใจคนเพื่อเขาก็รู้สึกซาบซึ้งทันที “จะปล่อยให้เจ้าออกเงินได้อย่างไรกัน เราจะจัดการเรื่องนี้เอง!”
หากรอให้รัชทายาทจัดการ ไม่รู้ต้องรอถึงเมื่อใด
ไป๋ชิงเหยียนอมยิ้มเล็กน้อย “นี่คือน้ำใจของเหยียน องค์ชายอย่าได้ปฏิเสธเลยเพคะ ที่สำคัญตอนนี้เยี่ยนว่อคงไม่มีเจ้าเมืองที่มีความสามารถอยู่แน่เพคะ ปีที่แล้วเกิดภัยหนาวจากหิมะขึ้นแล้วครั้งหนึ่ง เหตุใดปีนี้เขาจึงไม่เตรียมป้องกันล่วงหน้าเพคะ พวกเราควรเปลี่ยนเจ้าเมืองคนใหม่เพคะ หม่อมฉันคิดว่าเจ้าเมืองเสิ่นเทียนจือแห่งซั่วหยางเป็นคนมีความสามารถคนหนึ่ง ทว่า เขาดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองซั่วหยางมานานหลายปี ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงไม่ได้เลื่อนขั้นเสียทีเพคะ ปีนี้จะมีการโยกย้ายตำแหน่งขุนนางตามผลการประเมิน ไม่สู้ส่งเสิ่นเทียนจือไปจัดการปัญหาที่เยี่ยนว่อเพื่อทดสอบความสามารถของเขาดีหรือไม่เพคะ”
รัชทายาทครุ่นคิดอยู่ในใจว่าเจ้าเมืองแห่งซั่วหยางผู้นี้อาจล่วงเกินไป๋ชิงเหยียนเข้าให้แล้ว มิเช่นนั้นเหตุใดไป๋ชิงเหยียนจึงจะส่งเสิ่นเทียนจือไปยังเยี่ยนว่อที่กำลังเผชิญภัยพิบัติหนักหนาเช่นนี้กัน
“ในเมื่อองค์หญิงเจิ้นกั๋วเห็นว่าคนผู้นี้มีความสามารถ เช่นนั้นก็ย้ายเขาไปยังเยี่ยนว่อเถิด” รัชทายาทรับปากยิ้มๆ
“ยังมีอีกเรื่องเพคะ แม้เขื่อนกว่างเหอจะซ่อมแซมยากเพียงใด ทว่า พวกเราก็จำเป็นต้องซ่อมแซมเพคะ เยี่ยนว่อคือแหล่งเสบียงอาหารที่สำคัญที่สุดของแคว้นต้าจิ้น มีดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด เราจะสูญเสียดินแดนที่ดีเช่นนี้ไปไม่ได้เพคะ!”
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางรัชทายาทนิ่งๆ
“องค์ชายสามารถกลับไปปรึกษาฟางเหล่า เริ่นเซียนเซิงและฉินเซียนเซิงก่อน จากนั้นค่อยโยกย้ายชาวบ้านหรือทหารในกองทัพไปช่วยซ่อมแซมเขื่อนได้เพคะ มิเช่นนั้นหากเกิดภัยน้ำท่วมขึ้น ต้าจิ้นไม่เพียงจะสูญเสียดินที่อุดมสมบูรณ์ รายได้ในคลังสมบัติลดน้อยลงเท่านั้น ทว่า พวกเรายังต้องเสียทั้งกำลังคนและทรัพยากรในการบรรเทาทุกข์ที่เกิดจากภัยพิบัติอีกนะเพคะ”
รัชทายาทพยักหน้า