สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 788 บารมี
ตอนที่ 788 บารมี
“องค์หญิงเจิ้นกั๋วหมายความว่าจะทรงทำสงครามต่อหรือพ่ะย่ะค่ะ!” หมอหลวงแสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อออกมา จากนั้นกำหมัดคารวะไป๋ชิงเหยียน “ขออภัยหากกระหม่อมกล่าวตรงเกินไป ทว่า สภาพร่างกายขององค์หญิงเจิ้นกั๋วในตอนนี้ หากยังทรงหักโหมต่อไป อย่าว่าแต่กระหม่อมเลยพ่ะย่ะค่ะ ต่อให้ท่านหมอหลวงหวงแห่งราชสำนักหมอหลวงอยู่ที่นี่ก็คงช่วยยื้อชีวิตขององค์หญิงได้อีกไม่เกินหนึ่งเดือนเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”
หลิวหงหันไปมองไป๋ชิงเหยียนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยอย่างตกใจ
หวังสี่ผิงและหลินคังเล่อเบิกตาโพลงเช่นเดียวกัน
หลิวหงลุกขึ้นเดินไปหาหมอหลวง จากนั้นกล่าวขึ้น “ท่านหมอหลวง ข้าไม่ได้สงสัยว่าท่านกล่าวเกินจริง ทว่า อาการขององค์หญิงเจิ้นกั๋วย่ำแย่เพียงใด ท่านช่วยกล่าวให้ชัดเจนได้หรือไม่”
หมอหลวงเก็บกล่องยาไปพลางกล่าวไปพลาง “ยกตัวอย่างง่ายๆ ร่างกายของคนเรามีแหล่งเก็บน้ำที่เต็มเปี่ยมอยู่เพียงแหล่งเดียวในร่างกาย เมื่อคนเรามีอาการเจ็บป่วยเป็นบางครั้งแสดงว่าแหล่งน้ำนั้นมีรอยรั่วและมีน้ำซึมออกมาเล็กน้อย ทว่า ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด หากได้รับบาดเจ็บหนัก ขอเพียงพักฟื้นร่างกายให้เต็มที่ ไม่เคลื่อนไหวอย่างรุนแรง แหล่งเก็บน้ำนั้นก็ยังสามารถใช้การได้ต่อไป ทว่า พระวรกายขององค์หญิงเจิ้นกั๋วเป็นเสมือนแหล่งเก็บน้ำที่มีรอยรั่วอยู่ทั่วตัว หากเคลื่อนไหวรุนแรงเพียงเล็กน้อยก็พร้อมพังทลายในทันที การพักผ่อนร่างกายอยู่นิ่งๆ อาจไม่ได้ผลด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่ไปออกรบในสนามรบเลย!”
“ท่านหมอหลวง ท่านวินิจฉัยผิดหรือไม่ องค์หญิงเจิ้นกั๋วดู…” หลินคังเล่อมองไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่ง จากนั้นก้าวเข้าไปถามหมอหลวง
จางตวนหนิงรีบกล่าวขึ้นเช่นเดียวกัน “บัดนี้เรายึดด่านชิงซีซานมาได้แล้ว องค์หญิงเจิ้นกั๋วเสด็จกลับเมืองหลวงพร้อมกับกระหม่อมดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ จะได้ให้ท่านหมอหลวงหวงรักษาอาการขององค์หญิงได้อย่างเต็มที่”
“พี่หญิงใหญ่…” ไป๋จิ่นจื้อจับแขนของไป๋ชิงเหยียนแน่น นางรู้ดีว่านี่คือเรื่องโกหก ทว่า นางก็รู้ว่ายาที่ท่านหมอหงให้พี่หญิงใหญ่ทานเข้าไปทำให้พี่หญิงใหญ่รู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก
“เมื่อสถานการณ์ที่ต้าเหลียงสงบลง ข้าจะกลับไปแน่นอน ท่านหมอหลวง ใต้เท้าจาง…” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางฟ่านอวี้กานที่มองมาทางนางด้วยสายตาเป็นกังวล “และใต้เท้าฟ่านได้โปรดอย่ารายงานสภาพร่างกายของข้าให้องค์รัชทายาทรับรู้เลย รัชทายาทกำลังทรงงานหนักเพื่อบ้านเมืองก็ลำบากมากแล้ว อย่าให้พระองค์ต้องมากังวลเรื่องข้าอีกเลย ไป๋ชิงเหยียนขอร้องท่านทั้งสามด้วยเถิด”
หลิวหงมองดูใบหน้าที่ขาวซีดไร้สีเลือดของไป๋ชิงเหยียนแล้วกำหมัดที่แนบอยู่ข้างลำตัวแน่น เขารู้สึกผิดขึ้นมาทันที
วันนั้นไป๋ชิงเหยียนไม่ให้เขารายงานเรื่องทหารดุดันของซั่วหยางให้ฝ่าบาททราบ เขายังรู้สึกระแวงสงสัยในตัวไป๋ชิงเหยียนอยู่เลย ทว่า วันนี้หลังจากหมอหลวงที่รัชทายาทส่งมาตรวจชีพจรของไป๋ชิงเหยียนเสร็จแล้วรับรู้ผลลัพธ์เช่นนี้ ไป๋ชิงเหยียนก็ยังคงกลัวว่ารัชทายาทจะกังวลเรื่องของนาง เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวจงรักภักดีต่อรัชทายาทมากจริงๆ
หมอหลวงส่ายหน้า “องค์รัชทายาทส่งกระหม่อมาดูแลองค์หญิงเจิ้นกั๋ว หากองค์หญิงเจิ้นกั๋วยังทรงยืนกรานจะทำเช่นนี้ กระหม่อมคงทำตามที่ทรงขอไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนยืดหลังตรง กำหมัดคารวะพลางกล่าวขึ้น “ท่านหมอหลวงไม่ต้องเป็นห่วง ครั้งนี้ไป๋ชิงเหยียนพาท่านหมอหงศิษย์พี่ของท่านหมอหลวงหวงมาด้วย ท่านหมอหงต้องช่วยรักษาอาการของไป๋ชิงเหยียนอย่างเต็มที่แน่นอน”
หมอหลวงขมวดคิ้วยุ่งกว่าเดิม คนเป็นหมอไม่ชอบคนไข้ที่ไม่เชื่อฟัง ไม่เป็นห่วงชีวิตของตัวเองมากที่สุด หมอหลวงก็เช่นเดียวกัน
“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว…” หลิวหงอยากช่วยโน้มน้าว ทว่า เมื่อนึกถึงท่าทีแน่วแน่ของไป๋ชิงเหยียน เขาจึงกลืนถ้อยคำเหล่านั้นลงไป ต่อจากนี้เขาคอยระวังไม่ให้ไป๋ชิงเหยียนไปออกรบ ให้นางคอยช่วยวางแผนการรบเท่านั้นก็สิ้นเรื่อง
เมืองหลวงส่งเสบียงอาหารมามากมาย อีกทั้งยังส่งเนื้อและเหล้ามาเป็นรางวัลตอบแทนเหล่าทหารอีกด้วย ตามหลักแล้วแม่ทัพทุกคนควรรู้สึกดีใจ ทว่า เมื่อหลินคังเล่อและหวังสี่ผิงเดินออกมาจากกระโจมที่พัก ใจของพวกเขาทั้งสองล้วนหนักอึ้ง
ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อยังอยู่ในกระโจมของหลิวหง ทั้งสามคนยืนอยู่หน้าแผนที่ซึ่งแขวนอยู่กลางกระโจมของแม่ทัพใหญ่ ไป๋ชิงเหยียนชี้ไปยังสามเส้นทางในแผนที่พลางอธิบายเส้นทางที่จะบุกไปยังเมืองหลวงให้หลิวหงฟังอย่างละเอียด
“บัดนี้ต้าเหลียงยังควบคุมโรคระบาดไม่ได้ ชาวบ้านทยอยติดเชื้อเพิ่มมากมาย ต่อให้ต้าเหลียงอยากเกณฑ์ทหารเพิ่มก็คงทำไม่ได้ดั่งใจหวัง ส่วนต้าจิ้นมีกองกำลังทหารมากพอ ดังนั้นพวกเราควรโจมตีต้าเหลียงจากทั้งสามด้าน บีบให้ต้าเหลียงจำต้องแยกทหารออกไปรับมือทั้งสามด้าน ไม่อาจรวมทหารเป็นทัพใหญ่ทัพเดียวเพื่อสร้างความแข็งแกร่งได้ เช่นนี้พวกเราจะยึดครองต้าเหลียงได้อย่างง่ายดายขึ้น”
ไป๋ชิงเหยียนชี้ไปยังเส้นทางที่ตรงจากด่านชิงซีซานไปยังต้าเหลียงในแผนที่ “แม่ทัพหลิวนำกองทัพจิ้นบุกไปยังเมืองหานซึ่งเป็นเมืองหลวงของต้าเหลียงโดยใช้เส้นทางสายตรงที่เริ่มจากด่านชิงซีซานตรงนี้”
จากนั้นหญิงสาวชี้ไปยังเมืองหลิ่วโจวซึ่งอยู่ทางด้านขวาของด่านชิงซีซาน “ไป๋จิ่นจื้อนำทหารค่ายผิงอันอ้อมที่ราบผิงหยวนไปยังเมืองหาน”
“ส่วนข้า…” ไป๋ชิงเหยียนชี้ไปยังเส้นทางแคบที่เดินทางยากที่สุดซึ่งอยู่ทางฝั่งซ้ายของเมืองหลิ่วโจวพลางกล่าวขึ้น “จะนำทหารซั่วหยางแปดพันนายและทหารยอมจำนนของต้าเหลียงทั้งหมดเดินทางออกจากเมืองไปทางซ้ายเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองหาน ช่วยหลอกล่อทัพเสริมของต้าเหลียงให้ท่านและจิ่นจื้อ”
“ทหารยอมจำนนของต้าเหลียงหรือพ่ะย่ะค่ะ” หลิวหงประหลาดใจ
“บางทีหลายวันก่อนข้าอาจโน้มน้าวแม่ทัพจ้าวให้เข้าร่วมกับทหารต้าจิ้นได้สำเร็จแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ “อีกสักครู่คงได้ข่าว”
หลิวหงพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้คิดต่อว่าจ้าวเซิ่งจะยอมสวามิภักดิ์กับแคว้นต้าจิ้นหรือไม่ เขากำดาบที่เอวแน่นพลางครุ่นคิดถึงแผนการโจมตีเมืองของไป๋ชิงเหยียนอย่างละเอียด
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวมีเหตุผล หากโจมตีเมืองจากด้านเดียว ทหารต้าเหลียงย่อมรวมทัพเป็นกลุ่มใหญ่เพื่อต้านทานพวกเขา ทว่า หากแบ่งกองทัพโจมตี ต้าจิ้นจะได้เปรียบกว่าต้าเหลียง
การโจมตีจากทั้งสามด้านทำให้ต้าเหลียงต้องแบ่งกำลังออกเป็นสามส่วน ขอเพียงมีด้านหนึ่งต้านทานไว้ไม่ไหว เช่นนั้นต้าจิ้นก็จะมีโอกาสบุกไปถึงเมืองหลวงของต้าเหลียง
แผนการไม่เลว ทว่า ร่างกายของไป๋ชิงเหยียน…
หลิวหงหันไปมองไป๋ชิงเหยียน “ทว่า ท่านหมอหลวงกล่าวว่าพระวรกายขององค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่เหมาะที่จะออกรบอีกนะพ่ะย่ะค่ะ หากองค์หญิงเจิ้นกั๋วทรงเป็นอันใดขึ้นมาระหว่างทาง…กระหม่อมจะทูลองค์รัชทายาทเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”
“แม่ทัพหลิวไม่ต้องเป็นห่วง มีท่านหมอหงอยู่ ไป๋ชิงเหยียนยังพอทนไหว ยังยึดเมืองหานของต้าเหลียงไม่ได้ ไป๋ชิงเหยียนไม่มีทางเป็นอันใดขึ้นมาก่อนเด็ดขาด!” น้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนมั่นคงและหนักแน่น เต็มไปด้วยบารมีที่ทำให้ผู้อื่นเลื่อมใส
เมื่อหลิวหงเห็นท่าทีหนักแน่นของไป๋ชิงเหยียน อีกทั้งรู้ดีว่าหญิงสาวเป็นคนที่เมื่อตัดสินใจทำสิ่งใดไปแล้วไม่มีทางเปลี่ยนใจเด็ดขาด เขาจึงไม่ได้โน้มน้าวอีก กล่าวเพียง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ กระหม่อมจะให้คนนำอาหารมาให้ที่กระโจมของกระหม่อม พวกเราจะได้รับประทานไปพลางปรึกษารายละเอียดไปพลางว่าจะแบ่งทหารออกเป็นสามกลุ่มเช่นไร เดินทางเช่นไรและแบ่งแม่ทัพเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า
จ้าวหร่านรออยู่ด้านนอกสักพักใหญ่ เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อเดินออกมาจากกระโจมของหลิวหง เขาจึงรีบถลาเข้าไปหา
“คุณหนูใหญ่ คุณหนูสี่ แม่ทัพจ้าวไปพบหัวหน้าทัพของกองทัพจ้าวอีกสองคนที่ถูกหามไปรักษาโรคระบาดที่ค่ายรักษาตัว เขาโน้มน้าวจนทหารต้าเหลียงยอมทานยารักษาโรคระบาด ต่อมาเขาเดินทางไปพบแม่ทัพต้าเหลียงทุกคนที่ยอมจำนน พวกเขาสนทนากันอยู่นาน สุดท้ายแม่ทัพจ้าวเดินออกมาและขอพบคุณหนูใหญ่ขอรับ”
“เขาอยู่ที่ใด” ไป๋ชิงเหยียนถาม
“ไช่เซียนเซิงอยู่เป็นเพื่อนเขาในกระโจมที่เขาพักอยู่ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาขอรับ” จ้าวหร่านกล่าว
ไป๋ชิงเหยียนพนักหน้า “ไปพบเขากัน!”