สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 834 อย่ามัวเสียเวลา
ตอนที่ 834 อย่ามัวเสียเวลา
“ในเมื่อเสิ่นเซียนเซิงมีป้ายคำสั่งของหลี่หมิงรุ่ยอยู่ในมือ ตอนออกจากเมืองย่อมไม่มีคนขัดขวางท่านแน่! รบกวนเสิ่นเซียนเซิงช่วยพาบุตรชายและท่านแม่ของข้าไปหาสามีของข้าที่ไป๋ว่อได้หรือไม่เจ้าคะ” ไป๋จิ่นซิ่วเงยหน้ามองเสิ่นไป่จ้งด้วยแววตาจริงจัง
“จิ่นซิ่วได้ยินเสิ่นชิงจู๋กล่าวว่าเซียนเซิงคือสหายของท่านลุงใหญ่ไป๋ฉีซานของข้า จิ่นซิ่วเชื่อใจเซียนเซิงจึงขอร้องท่านเช่นนี้”
เสิ่นไป่จ้งตะลึงงัน เขานำข่าวนี้มาบอกไป๋จิ่นซิ่วเพราะต้องการให้ไป๋จิ่นซิ่วพาบุตรชายหนีไปจากเมืองหลวง ทว่า ไป๋จิ่นซิ่วจะอยู่ในเมืองหลวงต่ออย่างนั้นหรือ
“ฮูหยินฉินไม่หนีไปหรือ” เสิ่นไป่จ้งขมวดคิ้วแน่น
ไป๋จิ่นซิ่วส่ายหน้า “หากข้าไปจากที่นี่ก็จะไม่คนคอยขัดขวางเหลียงอ๋อง หากเหลียงอ๋องได้ขึ้นครองราชย์ ตระกูลไป๋ต้องตกอยู่ในอันตรายแน่นอน!”
เสิ่นไป่จ้งขมวดคิ้วแน่น เขานึกถึงคำกล่าวที่หลี่หมิงรุ่ยกล่าวว่าทุกคนล้วนมีหน้าที่ของตัวเองต้องรับผิดชอบ เขาจึงพยักหน้าและยกมือคารวะไป๋จิ่นซิ่ว “ข้าจะคุ้มกันคุณชายน้อยไปหาบิดาของเขาเอง!”
ไป๋จิ่นซิ่วหันไปเรียก “ชุ่ยปี้เก็บของให้วั่งเกอเดี๋ยวนี้ จากนั้นเจ้าจงพาวั่งเกอและท่านแม่ของข้าที่เยี่ยนว่อพร้อมกับเสิ่นเซียนเซิง ชุ่ยอวี้ไปบอกคุณหนูทั้งสองและคุณชายเล็กให้เตรียมตัวไปเยี่ยมญาติฝั่งมารดาของพวกเขาพรุ่งนี้!”
วันนี้จะพาคนออกไปมากไม่ได้ แม้เสิ่นไป่จ้งจะมีป้ายคำสั่งอยู่ในมือ ทว่า คนมากเท่าใดก็จะยิ่งเป็นที่สะดุดตามากเท่านั้น ดังนั้นต้องให้วั่งเกอ มารดาของนางและชุ่ยปี้ออกเดินทางออกไปจากเมืองพร้อมเสิ่นไป่จ้งก่อนจึงจะปลอดภัยที่สุด
ส่วนน้องสาวและน้องชายต่างมารดาของฉินหล่างก็ยังสามารถเดินทางไปเยี่ยมญาติฝั่งมารดาของตัวเองในวันพรุ่งนี้ได้อยู่ ทุกคนในเมืองหลวงต่างรับรู้ว่าไป๋จิ่นซิ่วไม่ถูกกับบุตรสาวทั้งสองคนของเจี่ยงซื่อ หญิงสาวไม่ได้ทำเพื่อคุณหนูฉินทั้งสอง ทว่า ทำเพื่อน้องชายที่ฉินหล่างพยายามอบรมสั่งสอนให้กลับเดินในทางที่ถูกต้อง หากสามารถส่งคนออกไปได้ ไป๋จิ่นซิ่วก็จะทำ
“คุณหนู!” ชุ่ยปี้เบิกตาโพลง “คุณหนูอย่าไล่ชุ่ยปี้ไปเลยนะเจ้าคะ ชุ่ยปี้จะอยู่กับคุณหนูเจ้าค่ะ!”
ชุ่ยปี้ติดตามรับใช้ไป๋จิ่นซิ่วมานาน เมื่อรู้ว่าเมืองหลวงกำลังจะวุ่นวายเช่นนี้ ชุ่ยปี้ก็เดาได้ทันทีว่าไป๋จิ่นซิ่วต้องการทำสิ่งใด
“ชุ่ยปี้! วั่งเกอคือชีวิตของข้า! ข้าฝากชีวิตของข้าไว้กับเจ้า เจ้าต้องคุ้มครองเขาให้ดี!” ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวเสียงจริงจัง
ชุ่ยปี้ไม่อาจโต้เถียงได้อีก นางได้แต่รับคำทั้งน้ำตา จากนั้นเดินออกจากห้องไปเก็บของ
“เซียนเซิงรอข้าสักครู่ ข้าจะไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายแล้วไปที่จวนไป๋พร้อมกับเซียนเซิง” ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวกับเสิ่นไป่จ้ง
เสิ่นไป่จ้งพยักหน้า “ฉินฮูหยินรีบหน่อยนะขอรับ”
ไป๋จิ่นซิ่วพยักหน้าแล้วเดินออกไปจากโถงรับรอง หญิงสาวหันไปสั่งชุ่ยอวี้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“เจ้ารีบไปตามองครักษ์ลับมาพบข้าด่วนที่สุด”
ขณะที่ไป๋จิ่นซิ่วกำลังเปลี่ยนเครื่องแต่งกายอยู่ในห้อง องครักษ์ลับเดินตามชุ่ยอวี้เข้ามาในเรือนของไป๋จิ่นซิ่ว เขายืนรอคำสั่งของไป๋จิ่นซิ่วอยู่ที่ระเบียงทางเดิน
“เจ้ารีบส่งคนไปบอกแม่ทัพฝูที่หน่วยตรวจเมืองว่าบัดนี้หลี่หมิงรุ่ยและฟ่านอวี่ไหวรวมตัวกันอยู่ที่จวนเหลียงอ๋อง ให้แม่ทัพฝูระวังตัวให้ดี อาจเกิดความวุ่นวายที่ประตูอู่เต๋อขึ้นอีกครั้ง! จากนั้นจงรีบมุ่งหน้าไปรายงานข่าวนี้ให้พี่หญิงใหญ่ของข้าที่อยู่ต้าเหลียงรับรู้โดยเร็วที่สุด อย่าเสียเวลาแม้แต่น้อย!”
“ขอรับ!” องครักษ์ลับรีบไปทำตามคำสั่งทันที
ไป๋จิ่นซิ่วที่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเสร็จเรียบร้อยเดินออกมาจากห้อง ชุ่ยปี้อุ้มวั่งเกอที่นอนหลับสนิทอยู่ในผ้าอ้อมไว้ในอ้อมอก ย่ามใบเล็กคล้องอยู่ที่แขนของนาง นางไม่ได้ส่งเสียงรบกวนคนในจวนแม้แต่คนเดียว
ไป๋จิ่นซิ่วรับวั่งเกอมาจากชุ่ยปี้อย่างระมัดระวัง หญิงสาวแนบหน้าเข้ากับใบหน้าเล็กของวั่งเกอแล้วก้มหอมแก้มบุตรชายเบาๆ จากนั้นอุ้มวั่งเกอเดินออกไปด้านนอก หญิงสาวกล่าวกับชุ่ยปี้เสียงเบาหวิว “ชุ่ยปี้เจ้าเป็นคนหัวเร็วมาโดยตลอด เมื่อออกไปจากเมืองสำเร็จแล้วจึงหาทางแพร่กระจายข่าวเรื่องที่หัวหน้ากองกำลังรักษาพระองค์ฟ่านอวี่ไหวและหลี่หมิงรุ่ยบุตรชายของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายสมคบคิดกับเหลียงอ๋องก่อกบฏ หวังปลงพระชนม์ฝ่าบาทและองค์รัชทายาทออกไปให้ทุกคนรับรู้ให้ได้มากที่สุด ข้าจะขอให้เสิ่นเซียนเซิงพาเจ้าไปรายงานเรื่องนี้กับท่านย่าและเสี่ยวชีที่วัดชิงอันหลังจากออกจากเมืองได้สำเร็จ จากนั้นเจ้าจงหนีไปพร้อมกับเสี่ยวชี ให้เสี่ยวชีส่งจดหมายไปเตือนให้ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ที่ซั่วหยางเตรียมรับมือด้วย เข้าใจหรือไม่”
ชุ่ยปี้พยักหน้าสะอื้น “คุณหนูรองไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ!”
ตอนที่ไป๋จิ่นซิ่วนั่งรถม้ามาถึงประตูข้างของจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วพร้อมกับเสิ่นไป่จ้ง หลิวซื่อหลับไปแล้ว เมื่อได้ยินว่าไป๋จิ่นซิ่วอุ้มวั่งเกอมาที่นี่ก็รีบตื่นขึ้นด้วยความตกใจ นางไม่มีเวลาหวีผมแต่งหน้าใหม่ นางมองไปทางระเบียงทางเดินที่สว่างไฟด้วยเสียงไฟจากโคมไฟนิ่ง เร่งให้หลัวหมัวมัวออกไปรับบุตรสาวมาที่นี่ก่อน
หลิวซื่อแหวกม่านเดินออกไปด้านนอก ลมหนาวพัดใส่ใบหน้าของนางจนนางลืมตาแทบไม่ขึ้น
นางมองเห็นประตูจวนถูกเปิดออกเล็กน้อย หลัวหมัวมัวกำลังรอต้อนรับไป๋จิ่นซิ่วอยู่หน้าประตู
หลิวซื่อขมวดคิ้วแน่น นางกลัวว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับบุตรสาวหรือหลานชายของนางจึงรีบจับมือของสาวใช้เดินออกไปอย่างรีบร้อน
มองไปไกลๆ นางเห็นหมัวมัวคนหนึ่งกำลังถือโคมไฟนำทางไป๋จิ่นซิ่วเดินตรงมาทางนางอย่างรีบร้อน
เมื่อไป๋จิ่นซิ่วเห็นว่าหลัวซื่อยืนอยู่หน้าประตูจวนจึงโบกมือให้หมัวมัวผู้นั้นจากไป จากนั้นรีบสาวเท้าเข้าไปหามารดาของตน “ท่านแม่…”
“จิ่นซิ่ว! หลัวหมัวมัวบอกว่าเจ้าพาวั่งเกอมาที่นี่ วังเกออยู่ที่ใดกัน” หลิวซื่อกังวลใจเป็นอย่างมาก นางรีบจับมือที่เย็นเฉียบของบุตรสาวเอาไว้ จากนั้นมองหาร่างของวั่งเกอ
“เพลานี้ลมแรงมาก เกิดเรื่องอันใดขึ้นถึงได้รีบร้อนถึงเพียงนี้!”
“ท่านแม่ ขออภัยเจ้าค่ะ!”
ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวจบก็ไม่ได้อธิบายสิ่งใดให้หลิวซื่อฟัง หญิงสาวเอื้อมมือตีท้ายทอยของหลิวซื่อจนนางสลบไป หลัวหมัวมัวเบิกตาโพลงอย่างตกใจพลางรีบเข้าไปประคองหลิวซื่อเอาไว้
ไป๋จิ่นซิ่วรู้จักนิสัยมารดาของตัวเองดี หากมารดารู้ว่าเมืองหลวงกำลังจะวุ่นวาย ท่านต้องลากนางหนีไปด้วยกันแน่ๆ หากนางไม่จากไป มารดาของนางก็ไม่มีหนีไป เช่นนี้จะยิ่งเสียเวลาไปกันใหญ่
“หลัวหมัวมัวเมืองหลวงกำลังจะวุ่นวาย! ข้ากลัวว่าท่านแม่จะไม่ยอมไปจึงต้องทำเช่นนี้ หมัวมัวไม่ต้องเป็นห่วงชุ่ยปี้จะดูแลท่านแม่และวั่งเกอเอง ข้าพาคนหลบหนีไปมากไม่ได้ มิเช่นนั้นคงไม่มีผู้ใดสามารถหนีไปได้แม้แต่คนเดียว หมัวมัวตามข้าไปที่จวนฉินเถิด”
หลัวหมัวตะลึง นางนึกถึงเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ประตูอู่เต๋อครั้งก่อนขึ้นมา แผ่นหลังขอนางชาวาบทันที “บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ”
เมื่อพาร่างของหลิวซื่อไปยังรถม้าที่จอดรออยู่ที่ประตูข้างของจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วเสร็จ ไป๋จิ่นซิ่วก้มลงหอมแก้มของวั่งเกออีกครั้ง จากนั้นจึงลงจากรถม้าแล้วกล่าวกับเสิ่นไป่จ้ง
“หากเซียนเซิงหนีออกไปจากเมืองหลวงได้สำเร็จ เซียนเซิงได้โปรดไปแจ้งข่าวนี้ให้ท่านย่าของข้าที่วัดชิงอันทราบและพาน้องสาวคนที่เจ็ดของข้าไปพร้อมกันด้วยเถิด ท่านย่าของข้าจะได้เตรียมแผนรับมือล่วงหน้า”
เมื่อออกจากเมืองหลวงได้สำเร็จ การพาคนหนีไปไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
“เสิ่นไป่จ้งจะไม่ทำให้ผิดหวัง!” เสิ่นไป่จ้งยกมือคารวะไป๋จิ่นซิ่ว เมื่อกล่าวประโยคนี้จบเขาได้ยินเสียงของตัวเองราวกับเขาเคยกล่าวประโยคนี้มาก่อนดังขึ้นในสมอง
ในสมองของเสิ่นไป่จ้งปรากฏภาพใบหน้าหล่อเหลาของไป๋ฉีซานขึ้นมา ดวงตาสองข้างของไหววูบเล็กน้อย ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาในใจ เขามองไปทางไป๋จิ่นซิ่วแล้วโค้งกายคำนับหญิงสาวอีกครั้ง
“ฮูหยินฉินไม่ต้องเป็นห่วง!”
มองส่งเสิ่นไป่จ้งขี่รถม้าจากไป ไป๋จิ่นซิ่วยืนกำหมัดแน่นอยู่หน้าประตูข้างของจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วท่ามกลางแสงไฟนิ่งอยู่นาน
นางได้แต่หวังว่าวั่งเกอและมารดาของนางจะออกไปจากเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัย
ไป๋จิ่นซิ่วต้องไปที่จวนรัชทายาทสักรอบ การให้องครักษ์ลับนำจดหมายไปให้พี่หญิงใหญ่ยังไม่เพียงพอ นางต้องขอให้รัชทายาทส่งคนออกไปจากเมือง ทางดีที่ควรนำตราประทับของรัชทายาทไปให้พี่หญิงใหญ่ด้วย เช่นนี้พี่หญิงใหญ่ของนางจะได้ยกทัพกลับมาอย่างชอบธรรม