สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 889 พระราชทานรางวัล
ตอนที่ 889 พระราชทานรางวัล
หลู่เซียงพยักหน้ายิ้มๆ “ฝ่าบาทตรัสเช่นนี้ กระหม่อมก็คลายกังวลแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ยังมีอีกเรื่องพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงทำลายแคว้นต้าเหลียงได้แล้ว บัดนี้ดินแดนของต้าเหลียงกลายเป็นของต้าจิ้น ทว่า การปกครองของต้าเหลียงไม่เหมือนกับต้าจิ้น บรรดาองค์ชายมีศักดินาและปกครองเมืองของตัวเอง หากต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองใหม่ หากจัดการไม่ดีอาจเกิดความวุ่นวายขึ้นได้พ่ะย่ะค่ะ” หลู่เซียงมองไปทางหลู่จิ่นเสียนบุตรชายคนโตของตนแวบหนึ่ง “ดังนั้นกระหม่อมจึงบังอาจขอเสนอบุตรชายคนโตของกระหม่อม ฝ่าบาทสามารถส่งเขาไปจัดการเรื่องการปกครองระบอบใหม่ที่ต้าเหลียงได้พ่ะย่ะค่ะ”
หลู่จิ่นเสียนรีบลุกขึ้นยืนโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน “หากฝ่าบาททรงไว้วางพระทัยมอบเรื่องนี้ให้กระหม่อมจัดการ กระหม่อมจะจัดการเรื่องนี้ให้ดีที่สุดด้วยความสามารถทั้งหมดที่กระหม่อมมีพ่ะย่ะค่ะ”
“ใต้เท้าหลู่จิ่นเสียนเป็นคนซื่อตรง ภายภาคหน้าย่อมเป็นขุนนางที่จงรักภักดีต่อแคว้นต้าโจวแน่นอน เดิมทีข้าตั้งใจจะให้อัครมหาเสนาบดีหลู่เป็นคนดูแลเรื่องการปกครองระบอบใหม่ภายในต้าโจว ให้ใต้เท้าหลู่จิ่นเสียนเป็นผู้ช่วยของท่าน ให้อัครมหาเสนาบดีหลู่ช่วยสอนงานต่งฉางหยวนและหลี่หมิงรุ่ย ส่วนต้าเหลียงที่พวกเราเพิ่งได้มา ข้าตั้งใจจะส่งเฉินเจาลู่และหลู่หยวนชิ่งไปดูแล จะได้เป็นการฝึกฝนประสบการณ์ให้คนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถของแคว้นเราด้วย…” ไป๋ชิงเหยียนวางมือลงบนที่วางแขน
ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนอยู่ในเมืองหลวงหญิงสาวไม่ได้รู้จักเฉินเจาลู่และหลู่หยวนชิ่งมากนัก ทว่า สองคนนี้ล้วนเป็นคนที่มีสติปัญญาโดดเด่น โดยเฉพาะหลู่หยวนชิ่งที่แม้ภายนอกจะดูเย็นชา ทว่า ฝีมือของเขาค่อนข้างเด็ดขาด ส่วนเฉินเจาลู่…แม้ภายนอกจะดูสุขุมอ่อนโยน ทว่า เขามีความดุร้ายซ่อนอยู่ภายในตัว พวกเขาล้วนเป็นบุรุษเลือดร้อน พวกเขาต้องรับมือกับเรื่องการปกครองระบอบใหม่ได้ดีและเด็ดขาดกว่าเหล่าขุนนางเก่าอย่างหลู่จิ่นเสียนแน่นอน
หลู่เซียงนึกไม่ถึงเลยว่าไป๋ชิงเหยียนจะให้ความสำคัญกับหลู่หยวนชิ่งถึงเพียงนี้ เขารีบกล่าวขึ้น “หยวนชิ่งยังเด็กอยู่มาก การจัดการระบอบการปกครองใหม่ในต้าเหลียงไม่ควรประมาทพ่ะย่ะค่ะ”
“หลู่เซียงกล่าวผิดแล้ว การปรับเปลี่ยนการปกครองใหม่เป็นประโยชน์ต่อชาวบ้าน” จู่ๆ หลู่จิ้นก็กล่าวกับหลู่เซียง “แม้เชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์ต้าจิ้นและต้าเหลียงที่ดับสูญไปแล้วจะยังพอมีอำนาจอยู่ ทว่า ฝ่าบาททรงต้องการการสนับสนุนจากชาวบ้าน ตระกูลสูงศักดิ์และเชื้อพระวงศ์กดขี่ชาวบ้านมานาน หากครั้งนี้พวกเราผลักดันให้เกิดระบอบการปกครองใหม่ขึ้นอย่างเด็ดขาดเพื่อกดดันอำนาจของเชื้อพระวงศ์และตระกูลสูงศักดิ์ ต้องได้ใจชาวบ้านมากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน”
หลู่จิ้นหันไปมองไป๋ชิงเหยียน “เช่นเดียวกับที่ต้าเยี่ยนยึดครองหนานเยี่ยนกลับคืนโดยอ้างว่าต้องการฟื้นฟูระบอบการปกครองของจีโฮ่วในตอนนั้น ผลสุดท้ายต้าเยี่ยนแทบไม่ต้องทำสงครามเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่ากองทัพของต้าเยี่ยนผ่านไปยังเมืองใด ชาวบ้านล้วนตะโกนต้อนรับพวกเขาทุกที่ ส่วนแคว้นเว่ย…เมื่อต้าเยี่ยนทำลายแคว้นเว่ยได้ ท่านอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนกำจัดเชื้อพระวงศ์และตระกูลสูงศักดิ์อย่างเด็ดขาดจนชาวบ้านต่างปรบมือชื่นชม”
“ทว่า ท่านอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนถูกขนามนามว่าอ๋องผู้โหดร้าย” หลู่จิ่นเสียนที่ถือถ้วยน้ำชาอยู่กล่าวขึ้น
“แม้ชื่อเสียงของอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนจะเสียหาย ทว่า ชาวบ้านชื่นชอบการปกครองระบอบใหม่นี้มาก ดังนั้นขุนนางที่ฝ่าบาททรงส่งไปดูแลเรื่องการปรับเปลี่ยนการปกครองระบอบใหม่ต้องเตรียมใจไว้แต่เนิ่นว่าอาจถูกผู้คนครหาและก่นด่าได้” หลู่จิ้นวางถ้วยชาลง จากนั้นหันไปโค้งกายคำนับหลู่เซียง “หากข้ากล่าวคำใดล่วงเกินไปต้องขออภัยหลู่เซียงด้วยขอรับ”
“ถกเถียงกันเรื่องในราชสำนักจะกลายเป็นการล่วงเกินได้เช่นไร ใต้เท้าหลู่มองการณ์ไกล สายตาของท่านกว้างไกลกว่าข้ามาก ใต้เท้าหลู่คิดเพื่อชาวบ้าน ช่วยเสนอความเห็นต่อฝ่าบาท ถือเป็นเรื่องดี” หลู่เซียงไม่ได้ถือสาหลู่จิ้นเลยสักนิด เขากลับรู้สึกชื่นชมหลู่จิ้นมาก เขามองไปทางไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวขึ้น “ฝ่าบาท ใต้เท้าหลู่กล่าวมีเหตุผลพ่ะย่ะค่ะ การปกครองระบอบใหม่ของฝ่าบาทมีขึ้นเพื่อชาวบ้าน กระหม่อมสายตาแคบยิ่งนัก มองเห็นเพียงอำนาจของเชื้อพระวงศ์ ไม่ได้คิดเผื่อไปถึงชาวบ้าน! หากเป็นเช่นนี้กระหม่อมคิดว่ามอบหมายเรื่องนี้ให้คนหนุ่มไปจัดการก็ได้พ่ะย่ะค่ะ ถึงเวลาที่บุรุษของแคว้นควรได้ลงสนามจริงบ้างแล้ว นี่คือโอกาสแสดงความสามารถของพวกเขา หากพวกเขาพบปัญหาใด กระหม่อมจะคอยช่วยอีกแรงพ่ะย่ะค่ะ”
หลู่เซียงทำงานในราชสำนักมานานแล้ว ความคิดของเขาอาจคร่ำครึไปบ้าง ทว่า ข้อดีของหลู่เซียงคือการรับฟังความเห็นของผู้อื่น เขาไม่ใช่คนหัวรั้นที่ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด
“เช่นนั้นก็ส่งเฉินเจาลู่และหลู่หยวนชิ่งไปจัดการเรื่องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองใหม่ที่ต้าเหลียง ส่วนดินแดนเก่าทางเหนือของต้าจิ้นที่ได้มาจากซีเหลียงก่อนแล้วตั้งแต่ภูเขาหงเชวี่ยไปจนถึงภูเขาถงกู่…” ไป๋ชิงเหยียนเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะ “มอบให้หลี่หมิงรุ่ยและต่งฉางหยวนลองจัดการทำตามที่อัครมหาเสนาบดีหลู่กล่าวดีหรือไม่”
“ฉางหยวนย่อมได้แน่นอน!” ต่งชิงผิงขมวดคิ้ว “ทว่า การใช้งานหลี่หมิงรุ่ยจะเสี่ยงเกินไปหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ที่สำคัญใต้เท้าหลู่กล่าวแล้วว่าการรับผิดชอบเรื่องนี้อาจถูกผู้อื่นก่นดา หลี่หมิงรุ่ยผู้นี้ขี้ประจบประแจงเช่นเดียวกับบิดาของเขา เขาไม่มีทางทำอย่างสุดความสามารถจนกลายเป็นทำให้เสียเรื่องได้พ่ะย่ะค่ะ”
“หลี่หมิงรุ่ยผู้นี้มีทั้งแผนการและสติปัญญา ทว่า เขาแค่ใช้ไม่ถูกที่เท่านั้น หลี่เม่าบิดาของเขากลายเป็นขุนนางกบฏไปแล้ว หลี่หมิงรุ่ยต้องการปกป้องคนในตระกูลที่เหลืออยู่ กระทั่งอยากให้ตระกูลหลี่เจริญรุ่งเรืองขึ้นด้วยน้ำมือเขา การผลักดันการปกครองระบอบใหม่ให้สำเร็จคือโอกาสเดียวที่เขาต้องคว้าเอาไว้ให้ได้!”
“ฝ่าบาททรงทราบว่าจะใช้ความสามารถของคนคนหนึ่งเช่นไร กระหม่อมสู้ไม่ได้จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ” หลู่เซียงคำนับไป๋ชิงเหยียนจากใจจริงอีกครั้ง
ต่งชิงผิงมองไปทางหลู่เซียง หลู่เซียงเจ้าเล่ห์ผู้นี้ยังไม่เลิกนิสัยประจบประแจงจักรพรรดิอีกสินะ
“ยังมีเรื่องที่กระหม่อมยังไม่ได้ทูลขอความเห็นจากฝ่าบาทเพราะมัวแต่สะสางงานในราชสำนักที่กองอยู่หลายวันอีกพ่ะย่ะค่ะ ครั้งนี้ฝ่าบาทเสด็จขึ้นครองราชย์ได้อย่างราบรื่น พวกเราควรพระราชทานรางวัลให้แก่เหล่าแม่ทัพที่มีส่วนช่วยให้ฝ่าบาทขึ้นครองราชย์และบรรดาแม่ทัพตามเมืองต่างๆ ที่ยอมสวามิภักดิ์กับฝ่าบาททันทีที่ทราบว่าฝ่าบาทกบฏหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ หากจะทรงพระราชทานรางวัลให้…ยังมีองค์ชายสามแห่งต้าเหลียงที่ยอมจำนนต่อฝ่าบาทอีกองค์พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทจะพระราชทานศักดินาให้เขาใช้ชีวิตในบั้นปลายอย่างสงบหรือจะรับเขามาอยู่ภายในการควบคุมในเมืองหลวงดีพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนหันไปสั่งให้ไป๋จิ่นเซ่อไปหยิบม้วนไม้ไผ่ที่นางเขียนเสร็จนานแล้วมา ไป๋จิ่นเซ่อรีบลุกขึ้นไปหยิบทันที
“อัครมหาเสนาบดีหลู่!” ไป๋ชิงเหยียนยื่นม้วนไม้ไผ่ให้หลู่เซียงอย่างเคารพ
หลู่เซียงขอบคุณพลางรับมาเปิดอ่าน ด้านในคือรางวัลที่ไป๋ชิงเหยียนจะมอบให้คนเหล่านั้น
“ใต้เท้าทั้งสี่ลองพิจารณาดูว่ามีสิ่งใดไม่เหมาะสมหรือไม่ หากมีพวกเราค่อยมาปรึกษากันใหม่”
หลู่เซียงพยักหน้า จากนั้นนั่งอ่านม้วนไม้ไผ่ที่ไป๋ชิงเหยียนเขียนขึ้นพร้อมกับต่งชิงผิง หลู่จิ้นและหลู่จิ่นเสียน
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวต่ออย่างช้าๆ “ส่วนตำแหน่งของขุนนางที่ยังว่างอยู่ ข้าคิดว่าซื่อหล่างแห่งกรมพิธีการอย่างใต้เท้าหลู่จิ่นเสียนน่าจะรู้ดีกว่าข้า ดังนั้นข้าขอมอบหมายหน้าที่นี้ให้ใต้เท้าหลู่เป็นคนรับผิดชอบก็แล้วกัน รบกวนใต้เท้าหลู่หาคนมารับตำแหน่งที่ว่างอยู่ให้ครบด้วย”
หลู่เซียงและหลู่จิ่นเสียนนึกไม่ถึงเลยว่าไป๋ชิงเหยียนจะกล้ามอบกรมพิธีการไว้ในมือของหลู่จิ่นเสียนเช่นนี้ นึกไม่ถึงว่าหญิงสาวจะยกย่องตระกูลหลู่เช่นนี้ พวกเขารีบก้มศีรษะคำนับขอบคุณ
“แต่งตั้งองค์ชายสามแห่งต้าเหลียงเป็นอ๋องแห่งเมืองหาน ให้อยู่ที่เมืองหานต่อไปได้ ทว่า ไม่มีศักดินา ห้ามสร้างกองกำลังส่วนตัว ห้ามขึ้นภาษีตามอำเภอใจ ไม่ต้องแบ่งสมบัติส่วนพระองค์ของราชวงศ์ต้าเหลียงให้กองกลาง”
เช่นนี้เท่ากับว่าปล่อยให้องค์ชายสามใช้ชีวิตเป็นอ๋องผู้มั่งคั่งแห่งเมืองหานไป
ไป๋ชิงเหยียนเติมน้ำชาให้หลู่จิ้นและหลู่จิ่นเสียน จากนั้นมองไปทางต่งชิงผิงพลางเอ่ยถาม “ท่านลุงมาพร้อมใต้เท้าหลู่จิ้นเพราะเรื่องอันใดเจ้าคะ”