สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 902 ขุนนางกบฏ
ตอนที่ 902 ขุนนางกบฏ
ไป๋ชิงเหยียนไม่แสดงสีหน้าใดๆ ทว่า เข้าใจความหมายที่เกาเต๋อเม่าต้องการสื่อดี…
ขึ้นไปชมบรรยากาศและวิวทิวทัศน์บนหอลั่วหงเท่านั้น อย่าแตะต้องสุราของหอ
เกาเต๋อเม่าเตือนนางเช่นนี้คงเป็นเพราะจักรพรรดิต้าจิ้นหลอกท่านย่าของนางอีกแน่นอน จักรพรรดิต้าจิ้นคงบอกท่านย่าของนางว่าขอเพียงเกลี้ยกล่อมให้นางล้มเลิกการโจมตีเมือง ยอมเป็นขุนนางของราชวงศ์หลินต่อไป เขาจะไม่ถือสาเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด
ทว่า ความจริงแล้วจักรพรรดิต้าจิ้นต้องการชีวิตของนาง
“ขอบใจกงกงมากที่แนะนำ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับเกาเต๋อเม่ายิ้มๆ หญิงสาวรับน้ำใจของเกาเต๋อเม่าในครั้งนี้ไว้
เกาเต๋อเม่าพยักหน้าให้ไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ
วันนี้หลังจากฉินซ่างจื้อกลับเข้ามาในเมือง เกาเต๋อเม่าจึงกลับไปหาจักรพรรดิต้าจิ้นที่ตำหนัก เขาบังเอิญพบกับรัชทายาทที่เดินออกมาจากตำหนักของจักรพรรดิต้าจิ้นพอดี ดังนั้นเขาจึงรู้แผนการทั้งหมดของจักรพรรดิต้าจิ้น หากขึ้นนี้ไป๋ชิงเหยียนไม่รับปากจักรพรรดิต้าจิ้นว่าจะช่วยรวบรวมเด็กจำนวนหนึ่งพันคนมาปรุงยาวิเศษให้ จักรพรรดิต้าจิ้นจะสั่งให้ขันทีนามว่าเฉวียนอวี๋ผู้นั้นมอบสุราพิษให้ไป๋ชิงเหยียน
จักรพรรดิหลอกใช้บุญคุณที่ไป๋ชิงเหยียนเคยมีให้แก่เฉวียนอวี๋ เขาคิดว่าไป๋ชิงเหยียนคงไม่หวาดระแวงในตัวเฉวียนอวี๋ ดังนั้นจึงให้เฉวียนอวี๋เป็นคนรินสุราพิษให้ไป๋ชิงเหยียน บัดนี้ขันทีข้างกายรัชทายาทถูกจักรพรรดิต้าจิ้นคุมตัวอยู่
เกาเต๋อเม่ากลัวว่าขันทีน้อยผู้นั้นจะไม่มีสมอง ถือสุราพิษไปให้ไป๋ชิงเหยียนจริงๆ เพราะต้องการรักษาชีวิตของตัวเอง หากไป๋ชิงเหยียนไม่ได้หวาดระแวงเพราะเฉวียนอวี๋เป็นคนนำสุรามาให้แล้วเกิดดื่มเข้าไป ไป๋จิ่นซิ่วต้องโจมตีเมืองเข้ามาแก้แค้นให้ไป๋ชิงเหยียนแน่นอน จักรพรรดิต้าจิ้นไม่รอดชีวิต ขันทีอย่างพวกเขายิ่งไม่ต้องกล่าวถึง
ก่อนหน้านี้เกาเต๋อเม่าไม่รู้ความเก่งกาจของฮูหยินฉิน ทว่า ตั้งแต่ที่ฮูหยินฉินนำทัพหย่วนผิงบุกไปล้อมวังหลวงเอาไว้ เกาเต๋อเม่าจึงตระหนักได้ว่าตระกูลไป๋ไม่ได้มีเพียงองค์หญิงเจิ้นกั๋วและเกาอี้จวิ้นจู่เท่านั้นที่ทำสงครามเป็น ทายาทของตระกูลไป๋ไม่ว่าบุรุษหรือสตรีล้วนทำสงครามเป็นด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแค่ปกติพวกนางไม่ได้เปิดเผยความสามารถของตัวเองให้ผู้อื่นเห็นเท่านั้น
ฮูหยินฉินไป๋จิ่นซิ่วคือทายาทของตระกูลนักรบไป๋ นางเคยไปออกรบกับเจิ้นกั๋วอ๋องมาก่อน ถึงแม้ไม่ได้เก่งกาจเท่าองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ทว่า แม่ทัพธรรมดาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางอย่างแน่นอน
หอลั่วหงตั้งอยู่ติดกับภูเขาขนาดเล็กทางทิศเหนือของเมืองลั่วหง บันไดหินของหอลั่วหงประดับด้วยแสงไฟสว่างไสว
ทุกสิบขั้นของบันไดหินจะมีโคมไฟนกกระเรียนตั้งอยู่ เมื่อลมพัดผ่านควันไฟและกลิ่นหอมของดอกไม้และสมุนไพรที่ขึ้นอยู่สองข้างทางของบันไดหินจะส่งกลิ่นหอมโชยมาตามลม แสงไฟสีเหลืองนวลส่องสว่างอยู่ตลอดเวลา บรรยากาศภายในหอลั่วหงราวกับดินแดนในฝัน
ทหารที่ยืนคุ้มกันอยู่บนบันไดสูงขวางทหารร้อยนายของไป๋ชิงเหยียนเอาไว้
เกาเต๋อเม่ากล่าวกับไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ “องค์หญิงเจิ้นกั๋ว เกรงว่าทหารร้อยนายที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วทรงพามาด้วยจะเข้าไปด้านในด้วยไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
“เกากงกงกลัวว่าข้าจะทำร้ายท่านย่าของตัวเองหรืออย่างไร” ไป๋ชิงเหยียนจ้องไปทางเกาเต๋อเม่า
“มิใช่เช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ วันนี้ฝ่าบาททรงประทับอยู่ด้านในด้วย ทหารเหล่านี้จึงต้องป้องกันอย่างรัดกุมสักหน่อย องค์หญิงเจิ้นกั๋วทรงให้ทหารร้อยนายขององค์หญิงรออยู่ด้านนอกได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เกาเต๋อเม่ากล่าวยิ้มๆ
ทหารที่ไป๋ชิงเหยียนพามาในวันนี้ล้วนมีหน้าที่ของตัวเอง พวกเขาคือทหารยอดฝีมือที่เข้ามาช่วยไป๋จิ่นซิ่วโจมตีเมืองลั่วหง ไป๋ชิงเหยียนจึงไม่คิดจะพาทหารเหล่านี้เข้าไปด้วยอยู่แล้ว
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางทหารคุ้มกันหอลั่วหงที่ยืนถือดาบอยู่แวบหนึ่ง หญิงสาวมองออกว่าหากสถานการณ์ในหอลั่วหงเกิดการเปลี่ยนแปลง จักรพรรดิต้าจิ้นจะสั่งให้ทหารเหล่านี้สังหารทหารของนางให้หมดทุกคน หญิงสาวจึงกล่าวขึ้น “ในเมื่อพวกเจ้าเข้าไปไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องคุ้มกันอยู่ที่นี่หรอก อยากไปที่ใดก็ไปเถิด อีกหนึ่งชั่วยามค่อยกลับมา”
“พ่ะย่ะค่ะ!” ทหารหนึ่งร้อยนายที่ไป๋ชิงเหยียนพามารับคำอย่างพร้อมเพรียงจนน่าหวาดกลัว
เสิ่นเทียนจือยืนอยู่ใต้แสงไฟดวงหนึ่งของหอลั่วหง เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนมองมาทางเขาอยู่ไกลๆ เขาจึงก้มศีรษะให้หญิงสาวเล็กน้อยสื่อให้หญิงสาวสบายใจได้
เช่นนี้ไป๋ชิงเหยียนจึงเริ่มมั่นใจขึ้นมา ดูเหมือนว่าเสิ่นเทียนจือจะควบคุมหอลั่วหงไว้หมดแล้ว
แม่ทัพที่นำทหารมาคุ้มกันหอลั่วหงมองไปทางเกาเต๋อเม่าแวบหนึ่ง พวกเขาได้รับคำสั่งว่าหากเจรจากันไม่รู้เรื่อง พวกเขาต้องสังหารทหารที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วพามาทั้งหมด ทว่า หากบังคับให้คนขององค์หญิงเจิ้นกั๋วอยู่ที่นี่ตอนนี้ การเจรจาของจักรพรรดิต้าจิ้นและองค์หญิงเจิ้นกั๋วคงจบสิ้นตั้งแต่ยังไม่เริ่มแน่
ที่จริงพวกเขาเป็นเพียงทหารที่ถูกส่งมาช่วยแซมเขื่อนกว่างเหอ พวกเขาสู้ทหารที่เคยรบในสนามจริงเหล่านั้นไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงทหารที่เป็นลูกน้องในสังกัดของไป๋ชิงเหยียนผู้ไม่เคยพ่ายแพ้ในสงครามเลย พวกเขาจะไม่รู้สึกหวาดกลัวได้อย่างไรกัน
เกาเต๋อเม่ารู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนจับพิรุธได้แล้ว เขาลอบพยักหน้าให้แม่ทัพผู้นั้นสื่อว่าอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่จนองค์หญิงเจิ้นกั๋วเกิดสงสัยขึ้นมาได้
“เชิญองค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ…” เกาเต๋อเม่าผายมือเชิญไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า จากนั้นเดินตามเกาเต๋อเม่าขึ้นไปบนหอลั่วหงที่ประดับไฟสว่างไสว
ภายในหอลั่วหง เมื่อองค์หญิงใหญ่ได้รับรายงานว่าไป๋ชิงเหยียนเข้ามาในเมืองแล้ว มือของนางค่อยๆ เลื่อนไปกำกระโปรงสีน้ำเงินเข้มลายเมฆมงคลแน่น นางเงยหน้ามองจักรพรรดิต้าจิ้นที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามนาง แววตาขององค์หญิงใหญ่สงบนิ่ง ท่าทีหยิ่งทระนงสมกับที่เกิดมาเป็นองค์หญิงที่เกิดจากฮองเฮาของราชวงศ์
“ฝ่าบาททรงหมายความว่าหากหลานสาวของหม่อมฉันไม่รับปากว่าจะรวบรวมเด็กจำนวนหนึ่งพันคนมาให้ฝ่าบาทปรุงยาวิเศษ ฝ่าบาทจะสังหารนางต่อหน้าย่าอย่างหม่อมฉันหรือเพคะ”
องค์หญิงใหญ่กล่าวขึ้นช้าๆ ด้วยเสียงนิ่งขรึม โคมไฟที่วางอยู่บนแท่นสูงสะท้อนรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าขององค์หญิงใหญ่ที่แม้ใช้แป้งปกปิดก็ปิดไม่มิดอย่างชัดเจน แววตาของนางคมกริบราวกับมีด
“ดูเหมือนว่าบัลลังก์ของราชวงศ์หลินจะไม่มีความสำคัญต่อฝ่าบาท สิ่งที่สำคัญสำหรับฝ่าบาทมีเพียงหอบูชาเก้าชั้นและอายุที่ยืนยาวเท่านั้น!”
บัดนี้ประตูห้องถูกปิดสนิท จักรพรรดิต้าจิ้นและองค์หญิงใหญ่สนทนากันอย่างเป็นความลับ
นี่เป็นครั้งแรกที่จักรพรรดิต้าจิ้นเห็นท่าทีดุดันและเกรี้ยวกราดขององค์หญิงใหญ่ผู้นี้ เขากำมือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อแน่น พยายามข่มไอสังหารของตัวเองเอาไว้ “เรารู้สึกซาบซึ้งมากที่เสด็จป้ายอมตามเหลียงอ๋องมาที่เมืองลั่วหงเพื่อเราและรัชทายาท บัดนี้ไป๋ชิงเหยียนนำทัพบุกมาใกล้เมืองลั่วหง เราซาบซึ้งที่เสด็จป้ายอมออกหน้าควบคุมขุนนางกบฏไป๋ชิงเหยียนให้เรา เรายินดีให้โอกาสไป๋ชิงเหยียนทำเพื่อตระกูลไป๋เพราะเห็นแก่เสด็จป้า ทว่า เสด็จป้าอย่าลืมว่าเราคือจักรพรรดิ! แคว้นต้าจิ้นคือแคว้นของเรา เราคือผู้กำหนดทุกสิ่งในแคว้นนี้!”
องค์หญิงใหญ่เม้มปากแน่น พยายามข่มอารมณ์ของตัวเองอย่างสุดความสามารถจนดวงตาทั้งสองข้าแดงฉาน นางกำชายกระโปรงของตัวเองแน่นจนมือซีด
เหตุใดตอนนั้นนางจึงได้หน้ามืดตามัวคิดว่าจักรพรรดิทรราชย์ผู้นี้จะเป็นจักรพรรดิที่ดีได้กันนะ!
ภายในห้องใหญ่ของหอลั่วหงมีเพียงเสียงลมพัดทางหน้าต่างเท่านั้น ในห้องเงียบสนิท
ควันธูปจากกระถางธูปหอมขนาดใหญ่เท่าครึ่งตัวคนซึ่งวางอยู่ในห้องพัดลอยขึ้นกลางห้อง กลิ่นหอมจากธูปอบอวลไปทั่วทั้งห้อง
“สีหน้าของเสด็จป้าไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าใดนัก หากเสด็จป้าไม่กล้ากล่าวกับไป๋ชิงเหยียน เช่นนั้นเราจะกล่าวเอง…”