สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 943 เป็นอิสระ
ตอนที่ 943 เป็นอิสระ
เว่ยจงประสานมือทั้งสองไว้ที่หน้าท้องพลางเดินนำบุรุษซึ่งสวมหมวกไว้ที่ศีรษะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ใจของคนตระกูลไป๋เกร็งขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน
บุรุษสวมหมวกเดินไปหยุดอยู่ข้างกายไป๋ชิงเจวี๋ย จากนั้นถอดหมวกออก…
ไป๋ชิงอวี๋ซึ่งสวมหน้ากากอยู่บนใบหน้ากำมือแน่น
ไป๋ชิงเจวี๋ยเบิกตาโพลงมองไปทางร่างของไป๋ชิงฉีที่เหลือดวงตาเพียงข้างเดียวและมีผมขาวโพลน “พี่ชายสาม!”
“พี่ชายสาม!”
“พี่ชายสาม!”
ไป๋จิ่นหวาและไป๋จิ่นเจาร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
กลับมาแล้ว กลับมาอีกคนแล้วจริงๆ !
ราชโองการประกาศตามหาคนของพี่หญิงใหญ่ได้ผลจริงๆ
ไป๋ชิงอวี๋ซึ่งสวมหน้ากากอยู่บนใบหน้าเกือบร้องไห้ออกมาอย่างคุมไม่อยู่ เขากำมือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังแน่น พี่ชายสามของเขากลับมาอีกคนแล้ว!
ปกติพี่ชายสามคือคนที่เคร่งขรึมและเข้มงวดที่สุดในบรรดาพี่น้อง
ท่านปู่เคยกล่าวหยอกว่าพี่ชายสามไม่เหมือนท่านอาสะใภ้ห้าที่ร่าเริงและขี้เล่นเลยสักนิด เขาเอาแต่ทำหน้าเคร่งขรึมทั้งวันจนเหมือนคนแก่เข้าไปทุกที อีกทั้งเข้มงวดกับบรรดาน้องชายทุกคนมาก
ทว่า พี่ชายสามคนนี้สละชีพของตัวเองเพื่อปกป้องพี่น้องทุกคนในสนามรบ เขาเป็นคนเย็นชา ทว่า อบอุ่น เขาเคยถูกทำโทษนับครั้งไม่ถ้วนเพราะวู่วามในสนามรบ
พี่ชายสามคือคนที่ได้นำทัพเดี่ยวก่อนผู้ใดในบรรดาพี่น้องทั้งหมด
กล่าวได้ว่าพี่หญิงใหญ่และพี่ชายสามคือบุคคลที่พี่น้องทุกคนในตระกูลไป๋อยากแซงหน้าให้ได้
ใบหน้าของไป๋ชิงฉีซูบลงกว่าตอนจากไปออกรบมาก ไม่รู้ว่าใบหน้าที่เคร่งขรึมของไป๋ชิงฉีดูดุดันและมีเค้าโครงความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเช่นนี้เพราะการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของตระกูลไป๋หรือไม่
บางทีอาจเป็นเพราะต้องการเร่งเดินทางมาให้ทันวันนี้ เสื้อผ้าของไป๋ชิงฉีจึงเต็มไปด้วยฝุ่นโคลน หนวดเคราบนใบหน้ารกรุงรัง
ชายหนุ่มยื่นหมวกในมือของตัวเองให้เว่ยจง จากนั้นคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น กำหมัดตะโกนลั่น “คุณชายสามตระกูลไป๋ ไป๋ชิงฉีแห่งค่ายหู่อิงกลับถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยแล้วขอรับ!”
น้ำตาของไป๋ชิงเหยียนไหลพรากออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่ในที่สุด
ดีจริงๆ…อาฉีกลับมาอีกคนแล้ว! หากท่านอาสะใภ้ห้าเห็นอาฉี ไม่รู้ว่านางจะดีใจสักเพียงใด
ดวงตาทั้งสองข้างของไป๋ชิงฉีแดงฉาน เดิมทีเขาแฝงตัวเข้าไปเป็นทหารในกองทัพต้าเยี่ยน เตรียมอาศัยกองกำลังของต้าเยี่ยนทำลายแคว้นต้าจิ้นเพื่อแก้แค้นให้ตระกูลไป๋แล้ว
ทว่า เขานึกไม่ถึงเลยว่าพี่หญิงใหญ่จะทำเรื่องที่เขาต้องการทำสำเร็จเร็วกว่าเขาเช่นนี้
ต่อมาเขาตัดสินใจจะอยู่ในกองทัพต้าเยี่ยนต่อเพื่อเตรียมการสำหรับวันข้างหน้า เขาจะรอวันที่ต้าเยี่ยนขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงกว่านี้ จากนั้นเขาค่อยหาทางติดต่อกับพี่หญิงใหญ่และกองทัพไป๋
ทว่า เมื่อเขาเห็นประกาศตามหาตัวคุณชายตระกูลไป๋และกองทัพไป๋ที่รอดชีวิตจากสงครามที่หนานเจียงในครั้งนั้นให้กลับไปร่วมพิธีบรมราชาภิเษกของพี่หญิงใหญ่ เขาจึงทนต่อไปไม่ไหว ตัดสินใจไปจากกองทัพต้าเยี่ยนทันที
เขาจะกลับมาร่วมรบเพื่อรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งพร้อมกับบรรดาพี่น้องของเขาอย่างเปิดเผย
บัดนี้พี่หญิงใหญ่ขึ้นครองราชย์แล้ว พี่หญิงใหญ่ต้องสานต่อปณิธานของบรรพบุรุษให้เป็นจริงได้แน่นอน หากพี่หญิงใหญ่มีคนมากความสามารถไว้ใช้งาน ต้าโจวต้องรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้เร็วขึ้นอย่างแน่นอน ไป๋ชิงฉียินดีเป็นดาบคมของพี่หญิงใหญ่…
ไป๋ชิงเหยียนยกมือสื่อให้ไป๋ชิงฉีลุกขึ้นยืนด้วยลำคอที่ร้อนผ่าว
ในที่สุดหลู่เซียงก็เข้าใจแล้วว่าไป๋ชิงเหยียนกำลังรอสิ่งใดอยู่
ที่แท้หญิงสาวกำลังรอการกลับมาของคุณชายตระกูลไป๋อยู่นี่เอง!
หญิงสาวอยากให้คุณชายตระกูลไป๋กลับมาร่วมเป็นสักขีพยานในการขึ้นครองราชย์ของนางเหมือนที่นางประกาศไว้ในราชโองการ
ไป๋ชิงฉีลุกขึ้นยืน เขามองไปทางไป๋ชิงเจวี๋ยและไป๋ชิงอวิ๋นแวบหนึ่ง จากนั้นกวาดสายตามองไปทางไป๋จิ่นเจาและไป๋จิ่นหวาที่สูงขึ้นกว่าเดิมมาก เขาเอื้อมมือลูบไปที่ศีรษะของน้องสาวทั้งสองอย่างแผ่วเบา จากนั้นเดินขึ้นไปบนบันไดสูง เงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียนพลางเดินไปหานาง
เซียวรั่วไห่และเซียวรั่วเจียงประคองไป๋ชิงอวิ๋นนั่งลงบนรถเข็นตามเดิม จากนั้นยกรถเข็นเดินขึ้นไปด้านบน ไป๋ชิงเจวี๋ย ไป๋จิ่นเจาและไป๋จิ่นหวาเดินตามไปติดๆ
ไป๋ชิงฉีรู้ว่าพี่หญิงใหญ่อยากรอคุณชายคนอื่นๆ ของตระกูลไป๋ต่อ
ทว่า ไป๋ชิงฉีรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว…
เขาเป็นคนฝังร่างของคุณชายคนอื่นๆ ของตระกูลไป๋ด้วยตัวเองทั้งน้ำตา เพราะเห็นสภาพที่น่าอนาถของบรรดาพี่น้อง ไป๋ชิงฉีจึงสาบานกับตัวเองไว้ว่าชีวิตนี้เขาจะโค่นล้มราชวงศ์หลินให้สิ้นซากให้ได้!
แม้แต่ร่างของไป๋ชิงฉยง เขาก็เป็นคนฝังด้วยตัวเอง…
เขาเร่งเดินทางไปยังแคว้นเก่าของแคว้นสู่ ทว่า เขาไปช้าไปก้าวหนึ่งจึงไม่สามารถช่วยไป๋ชิงฉยงไว้ได้
จนถึงวันนี้ไป๋ชิงฉีก็ยังจดจำสภาพร่างของคุณชายทุกคนที่เขาฝังได้ดี เขาฝังร่างของพี่น้องเหล่านั้นพลางร้องไห้จนแทบขาดใจ เขาก่นด่าสวรรค์ว่าเหตุใดถึงทำกับตระกูลไป๋ถึงเพียงนี้ราวกับคนคลุ้มคลั่ง ตระกูลไป๋จงรักภักดีจนไม่เหลือทางสำรองไว้ให้คนในตระกูล ทว่า สุดท้ายกลับมีจุดจบที่น่าอนาถเช่นนี้!
ตอนนั้นเขาถึงได้เข้าใจว่าน้องชายเก้าที่ปกติเป็นคนหัวรั้นที่สุดในบรรดาพี่น้องกล่าวถูกต้องที่สุด หากตระกูลไป๋ต้องการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง พวกเขาห้ามฝากความหวังไว้ที่ผู้อื่นเด็ดขาด!
การฝังร่างของบรรดาพี่น้องจนครบทุกคนทำเอาไป๋ชิงฉีแทบขาดใจ ผมสีดำของเขากลายเป็นสีขาวเพียงชั่วข้ามคืน เขาตัดสินใจเข้าร่วมกองทัพต้าเยี่ยนเพื่อทำลายแคว้นต้าจิ้น เขาจะมีชีวิตอยู่เพื่อแก้แค้นเท่านั้น
ไป๋ชิงฉีหยุดยืนอยู่ตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน โค้งกายคำนับพี่สาว จากนั้นกล่าวเสียงสะอื้น “พี่หญิงใหญ่!”
“กลับมาก็ดีแล้ว!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงแหบพร่า จากนั้นพยุงไป๋ชิงฉีให้ลุกขึ้น “กลับมาก็ดีแล้ว!”
ไป๋ชิงฉีเงยหน้าขึ้น จากนั้นกล่าวเสียงสะอื้นด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “พี่หญิงใหญ่ ไม่ต้องรอแล้วขอรับ ไม่มีผู้ใดกลับมาแล้วขอรับ…”
“พี่ชายสาม!” ไป๋จิ่นซิ่วมองไปทางไป๋ชิงฉีที่สีหน้าเคร่งขรึมอย่างคาดไม่ถึง
ไป๋จิ่นซิ่วรู้ดีว่าไป๋ชิงฉีไม่ใช่คนที่กล่าวสิ่งใดพล่อยๆ หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ แสดงว่าความหวังสุดท้ายของตระกูลไป๋ดับสิ้นลงแล้ว
ไป๋ชิงฉีลำคอร้อนผ่าว ไม่นานจึงกล่าวขึ้นเสียงแหบพร่า “ข้าเป็นคนฝังร่างของพี่น้องคนที่เหลือเองกับมือขอรับ! ดังนั้นพี่หญิงใหญ่ไม่ต้องรอต่อไปแล้วขอรับ ข้าไม่สามารถปกป้องพี่น้องคนที่เหลือไว้ได้ ข้าปกป้องไว้ไม่ได้แม้แต่น้องเล็กสุดอย่างเสี่ยวสือชี ข้าปล่อยให้เขาถูกทรมานและเสียชีวิตอย่างน่าอนาถทั้งๆ ที่อายุเพียงแค่นั้น…”
ไป๋ชิงเหยียนยืดหลังตรง ขนตาของหญิงสาวสั่นระริกเล็กน้อย หญิงสาวกลั้นน้ำตาไม่อยู่อีกแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนมองดูผมขาวบนศีรษะของไป๋ชิงฉี มองดูดวงตาแดงฉานที่เหลือเพียงข้างเดียวของน้องชาย จากนั้นขบกรามแน่นด้วยความสงสาร
แค่นางอ่านบันทึกสถานการณ์รบผ่านม้วนไม้ไผ่ก็เสียใจจนแทบขาดใจแล้ว
ทว่า น้องชายสามของนางเป็นคนฝังร่างของพวกเขาด้วยตัวเอง เขาจะเจ็บปวดจนแทบขาดใจสักเพียงใดกันนะ
ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือไปจับบ่าของไป๋ชิงฉีแน่น หญิงสาวพยายามกัดฟันไม่ให้หลุดร้องไห้ออกมา จากนั้นกล่าวเสียงสะอื้น “ลำบากเจ้าแล้ว ปกป้องพวกน้องๆ ไม่ได้มิเป็นอันใด ขอเพียงเจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยก็ถือเป็นข่าวดีสำหรับพี่และทุกคนในตระกูลไป๋แล้ว”
บัดนี้ไป๋ชิงฉีที่พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองน้ำตาไหลพราก ลำคอของเขาร้อนผ่าว คำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนมีพลังมหาศาล เขาคิดมาตลอดว่าการปกป้องพี่น้องในตระกูลคือหน้าที่ของเขา
ในสนามรบเขาคือคนที่ได้นำทัพเดี่ยวเป็นคนแรก ท่านปู่เคยกำชับเขาว่าครั้งนี้พี่น้องที่อายุยังน้อยไปออกรบด้วยหลายคน ท่านสั่งให้เขาดูแลพวกน้องๆ ให้ดี ทว่า เขาทำไม่ได้!
เขาคิดว่าเขาคงถูกตำหนิหากกลับมา
เขามีชีวิตอยู่ด้วยความรู้สึกผิด ความรู้สึกผิดทรมานเขาทุกวันจนเขาไม่เป็นอิสระ