สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 964 โง่เง่า
ตอนที่ 964 โง่เง่า
มีข่าวลือว่าสำนักซื่อไห่จะสอนลูกศิษย์ของพวกเขาตามพรสวรรค์ที่แต่ละคนมี เมื่อลูกศิษย์ของสำนักซื่อไห่ลงมาจากภูเขาหลัวพาน หากพวกเขาไม่กลายเป็นนักดาบที่มีชื่อเสียงในใต้หล้าอย่างกู่อีเจี้ยนก็ต้องกลายเป็นบุคคลที่มีความสามารถและชื่อเสียงยิ่งใหญ่อย่างซือหม่าเซิ่งที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องน้ำ หรือไม่ก็จะกลายเป็นผู้ที่มีส่วนช่วยทำให้แคว้นยิ่งใหญ่อย่างอัครมหาเสนาบดีกงซุนแห่งแคว้นเว่ย
ตอนที่ไป๋ชิงอวิ๋นตัดสินใจเดินทางไปยังสำนักซื่อไห่ เขาไปด้วยความหวังที่ว่าสำนักซื่อไห่ที่มีสอนวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ยจะช่วยรักษาขาทั้งสองข้างที่พิการของเขาได้
ทว่า เมื่อเขาไปถึงสำนักซื่อไห่ กู้อีเจี้ยนกลับบอกเขาว่าวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ยไม่ได้วิเศษอย่างที่คนภายนอกร่ำลือ วิชานี้ไม่สามารถช่วยต่อเติมอวัยวะที่ขาดหายไปขึ้นมาใหม่ได้ เขาให้ไป๋ชิงอวิ๋นตัดสินใจว่าจะเสียเวลาพยายามเป็นสิบปีเพื่อยืนขึ้นมาได้อีกครั้งอย่างยากลำบาก ทว่า จะไม่สามารถสวมชุดเกราะออกรบได้อีกหรือจะตัดสินใจทิ้งขาทั้งสองข้างแล้วหันไปร่ำเรียนในสิ่งที่ไป๋ชิงอวิ๋นไม่อาจเรียนได้จากโลกภายนอก
ไป๋ชิงอวิ๋นนึกถึงพี่หญิงใหญ่ นึกถึงปณิธานที่ต้องการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งของตระกูลไป๋ เขาจึงตัดสินใจทิ้งขาทั้งสองข้าง จากนั้นหันไปเรียนศิลปะการต่อสู้การอาวุธอื่นที่ถูกดัดแปลงมาอย่างดี หากไป๋ชิงเหยียนไม่ประกาศตามคุณชายตระกูลไป๋และกองทัพไป๋กลับไปร่วมพิธีบรมราชาภิเษก ไป๋ชิงอวิ๋นกำลังเริ่มเรียนวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ยอย่างเป็นทางการ กำลังเรียนรู้วิธีการจัดการพลังงานทั้งเก้าของหยินและหยางอย่างจริงจัง
“ไม่ได้ขอรับ!” เฉิงหย่วนจื้อลุกขึ้นคัดค้านเป็นคนแรก สีหน้าของเขาจริงจังแบบที่น้อยครั้งจะเห็น “พวกเราโจมตีซีเหลียงเพื่อรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งและเพื่อแก้แค้นให้กองทัพไป๋และตระกูลไป๋ คุณชายเก้าคือคุณชายของตระกูลไป๋ พวกข้าคนใดคนหนึ่งสามารถไม่อยู่ในสนามรบกับซีเหลียงได้ ทว่า คุณชายเก้าไม่ได้เด็ดขาดขอรับ!”
สำหรับเฉิงหย่วนจื้อแล้วการแก้แค้นให้กองทัพไป๋สำคัญพอๆ กับการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ผู้ใดจะพลาดโอกาสสำคัญครั้งนี้ก็ได้ทั้งนั้น แม้แต่พวกเขาก็ไม่เป็นอันใด ทว่า คนตระกูลไป๋จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด!
“ปกติเหล่าเฉิงกล่าวไม่ค่อยมีสาระนัก ทว่า ครั้งนี้เขากล่าวถูกต้องขอรับ…” เสิ่นคุนหยางพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “คุณชายเก้าต้องอยู่ในสงครามซีเหลียงด้วยขอรับ!”
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางไป๋ชิงอวิ๋นพลางพยักหน้า “ลุงเสิ่นและแม่ทัพเฉิงกล่าวถูกต้อง ตระกูลไป๋จะพลาดโอกาสโจมตีซีเหลียงไม่ได้ แม่ทัพทุกคนของกองทัพไป๋ก็เช่นเดียวกัน! ข้าจะจัดการเรื่องนี้อย่างเหมาะสมเอง”
ไป๋ชิงอวิ๋นก้มหน้าลง มือที่วางอยู่บนบขากำชายเสื้อแน่น จากนั้นจึงคลายออก “หลายปีมานี้ข้าร่ำเรียนวิชาจากสำนักซื่อไห่มาบ้าง อีกหลายเดือนกว่าจะครบกำหนดเวลาสามปีที่พี่หญิงใหญ่ทำไว้กับอวิ๋นพั่วสิง แม้ข้าจะทำอาวุธให้ทหารทุกคนในต้าโจวไม่ทัน ทว่า ข้าน่าจะทำอาวุธและอุปกรณ์โจมตีให้ทหารในกองทัพไป๋ทันขอรับ”
ตอนนี้ไป๋ชิงอวิ๋นมีภาพวาดจำนวนหนึ่งที่สามารถปลับเปลี่ยนอาวุธในกองทัพให้มีประสิทธิภาพแข็งแกร่งขึ้น
“เจ้าสามารถปรึกษาเรื่องนี้กับเฉิงซ่านหรูผู้ผลิตอาวุธให้กองทัพได้” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
ไป๋ชิงเหยียนขึ้นครองราชย์จึงแต่งตั้งขุนนางเล็กใหญ่มากมาย คนที่เคยมีความสามารถในตระกูลไป๋ล้วนได้รับตำแหน่ง ยกตัวอย่างเช่นเฉิงซ่านหรู บัดนี้เขากลายเป็นผู้ผลิตอาวุธของกองทัพ มีหน้าที่ควบคุมดูแลอาวุธทั้งหมดของกองทัพ
“เสี่ยวไป๋ไซว่จะให้คุณหนูห้า คุณหนูหกและคุณหนูเจ็ดเข้าร่วมฝึกซ้อมในค่ายทหารเมื่อใดขอรับ”
“เมื่อพวกท่านกลับหนานเจียงในครั้งนี้จงพาพวกนางกลับไปด้วยเลย” ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองบรรดาน้องสาว จากนั้นเอื้อมมือลูบศีรษะของไป๋จิ่นเซ่อซึ่งนั่งอยู่ใกล้นางมากที่สุดอย่างแผ่วเบา “รบกวนบรรดาท่านลุงด้วย”
ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน การฝากฝังบรรดาน้องสาวทั้งสามของนางไว้กับแม่ทัพแห่งกองทัพไป๋เหล่านี้ทำให้นางวางใจลงไม่น้อย สำหรับทายาทตระกูลไป๋แล้ว แม่ทัพเหล่านี้คือญาติผู้ใหญ่ของพวกนาง
“ยังมีอีกเรื่อง…” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางพวกของเสิ่นคุนหยางด้วยสีหน้าจริงจัง จากนั้นกล่าวเสียงขรึม
“อาฉีและเซียวรั่วไห่เดินทางไปซีเหลียงแล้ว หากอาฉีและเซียวรั่วไห่ส่งสารมาขอเคลื่อนทัพ พวกท่านไม่จำเป็นต้องส่งฎีกามาขออนุญาตข้าที่เมืองหลวง จงทำตามคำสั่งของอาฉีทุกอย่าง!”
ไป๋จิ่นซิ่วรู้ดีว่าไป๋ชิงฉีเดินทางไปซีเหลียงเพราะเหตุใด ไป๋ชิงเหยียนมอบอำนาจทางทหารทั้งหมดที่หนานเจียงให้อาฉีเพราะต้องการช่วยเหลือไป๋จิ่นถงออกมาให้ได้ไม่ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม
“เสี่ยวไป๋ไซว่ไม่ต้องห่วงขอรับ พวกข้าเข้าใจแล้วขอรับ” เฉิงหย่วยจื้อไม่เคยกังขาในคำสั่งของไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนและทายาทคนอื่นของตระกูลไป๋นั่งไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบของบรรดาแม่ทัพของกองทัพไป๋อยู่ในศาลาแม่ทัพ
เสิ่นคุนหยางเอ่ยถึงหลู่หยวนเผิงหลานชายของหลู่ไท่เว่ยและซือหม่าผิงบุตรชายของผู้ช่วยผู้ตรวจการสูงสุดซือหม่าเยี่ยนขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“เจ้าเด็กหลู่หยวนเผิงและเด็กตระกูลหม่าเปลี่ยนชื่อเป็นหลู่ซานกับหม่าซาน ทั้งคู่ล้วนเป็นเด็กไม่เลวทีเดียว เจ้าเด็กหลู่หยวนเผิงค่อนข้างซื่อบื้อและเอาแต่ใจตัวเอง ทว่า เมื่อถึงเวลาคับขันกลับทำได้ดีทุกครั้ง เจ้าเด็กตระกูลหม่าลื่นไหลราวกับปลาไหล ทว่า ยังดีที่เขาไม่เคยทำเสียเรื่องมาก่อน ถือเป็นคนรักพวกพ้องมาก! หากเด็กหลู่หยวนเผิงไม่ได้เจ้าเด็กตระกูลหม่าคอยปกป้อง ป่านนี้คงถูกโบยจนก้นลายไปหมดแล้วขอรับ!”
เมื่อเสิ่นคุนหยางเอ่ยถึงชายหนุ่มทั้งสองคน แววตาของเขาแฝงความชื่นชมเล็กน้อย ถึงแม้หลู่หยวนเผิงและซือหม่าผิงจะมีข้อเสียจากการเคยเป็นคุณชายเจ้าสำราญมากมาย ทว่า เสิ่นคุนหยางชื่นชมที่พวกเขาเป็นคนรักพวกพ้อง
บัดนี้หลู่หยวนเผิงที่ร่างดำคล้ำและผอมซูบจากการตากแดดและเพิ่งกลับมาจากการฝึกซ้อมที่หนานเจียงกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ในหอบรรพชน เขาเหลือบมองท่านปู่ของตัวเองที่ยืนเอามือไขว้หลังพลางถือไม้บรรทัดอยู่ไม่ไกล จากนั้นจึงหัวเราะออกมา
“ท่านปู่ ข้าไม่ได้ทำให้ท่านขายหน้าเลยนะขอรับ ตอนนี้ข้าเป็นถึงนายพันแล้ว! ท่านปู่ดูสิขอรับ ท่านพี่มักกล่าวว่าไม่ควรวางไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียวกัน ข้าไม่ได้ตั้งใจจะหนีไปโดยไม่ร่ำลานะขอรับ ข้าไปเข้าร่วมกองทัพเพื่อหาทางรอดให้ตระกูลหลู่ต่างหากขอรับ!”
หลู่หยวนเผิงหยัดหน้าอกขึ้นอย่างภูมิใจ จากนั้นกล่าวกับปู่ของตัวเอง “ท่านปู่ยังไม่ทราบว่าข้าปกปิดฐานะของตัวเองได้ดีมาก! ข้าเปลี่ยนไปใช้นามหลู่ซาน ข้าไม่ได้พึ่งพาตระกูลหลู่ ไม่ได้พึ่งพาท่านปู่ ตอนนี้ข้าเป็นถึงนายพันแล้วก็ยังไม่มีผู้ใดรู้ว่าข้าคือหลานชายของท่านปู่เลยขอรับ!”
ขมับของหลู่ไท่เว่ยเต้นตุบๆ เหตุใดเขาถึงได้มีหลานชายเช่นนี้!
หลู่ไท่เว่ยไม่รู้ว่าควรกล่าวว่าเขาไร้เดียงเสาหรือโง่เง่ากันแน่
ยังกล้ามีหน้ามาบอกคนในครอบครัวว่าไม่มีผู้ใดรู้ฐานะที่แท้จริงของตัวเองอีก แม้แต่เว่ยจงยังรู้ว่าหลู่หยวนเผิงกลายเป็นนายพันแล้ว เขายังมีหน้าบอกอย่างภาคภูมิใจว่าตัวเองปกปิดฐานะได้ดีอีกหรือ!
เมื่อเห็นหลู่ไท่เว่ยมีสีหน้าเคร่งขรึมไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น อีกทั้งสีหน้าขรึมลงเรื่อยๆ จากนั้นถอยหายใจออกมาราวกับจนปัญญา หลู่หยวนเผิงกลัวว่าท่านปู่จะโมโหจนร่างกายอ่อนแอเพราะตนหนีไปโดยไม่บอกกล่าว เขารีบย่นคออย่างหวาดกลัว เขานั่งคุกเข่าอยู่บนเบาะรองนั่งพลางหัวเราะแห้งออกมา จากนั้นตัดสินใจโยนความผิดไปให้พี่ชายของตัวเอง
“ท่านปู่จะโทษข้าไม่ได้นะขอรับ ล้วนเป็นความคิดของพี่ชายข้าขอรับ เขาให้ข้าแอบหนีไปขอรับ! พี่ชายข้ายังขโมยเงินที่ข้าสะสมมาทั้งหมดไปด้วยขอรับ ท่านปู่คงไม่ทราบว่าข้าน่าสงสารเพียงใด ท่านพี่ยัดชุดขอทานให้ข้าสองสามชุด หลอกเอาเงินจากข้าไปจนเกลี้ยง แถมไม่ให้ม้าข้าสักตัว! หากไม่ใช่เพราะข้าไหวพริบดีตัดสินใจไปยังค่ายทหารใหม่ หากอาศัยแค่ข้าทั้งสองข้างที่แยกแยะทิศทางไม่ค่อยถูกของข้า พี่สาวตระกูลไป๋ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีแล้ว ตอนนี้ข้าก็คงกำลังเป็นขอทานอยู่ระหว่างทางไปยังหนานเจียงอยู่เลยขอรับ”
————————————-