สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 972 ไม่แตกต่าง
ตอนที่ 972 ไม่แตกต่าง
นี่คือเหตุผลที่ไป๋ชิงเหยียนต้องการเปิดสำนักศึกษาที่บุรุษและสตรีล้วนสามารถร่ำเรียนได้ นางจะคัดเลือกคนมีความสามารถให้ต้าโจว
คนมีความสามารถไม่เคยพอสำหรับแคว้นๆ หนึ่ง
หัวหน้าสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนที่เดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าพลางรับคำ “ฝ่าบาททรงวางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนเดินออกไปจากประตูสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียน ก้าวขึ้นหลังม้า จากนั้นควบม้าจากไปทันที
พวกของหลู่ไท่เว่ยรอไป๋ชิงเหยียนอยู่ในวังหลวงอย่างร้อนใจ ความจริงวันนี้พวกเขาอยากตามไป๋ชิงเหยียนไปที่สำนักกั๋วจื่อเจียนด้วย ทว่า ไป๋ชิงเหยียนไม่อนุญาต หญิงสาวให้พวกเขาอยู่ดูแลงานสำคัญในราชสำนัก ตอนนี้พวกเขาคงร้อนใจแย่แล้ว
ตอนนี้นางจัดการเรื่องของสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนเรียบร้อยแล้ว นางต้องส่งคนไปแจ้งให้พวกเขาทราบ พวกเขาจะได้วางใจ
ไป๋ชิงเจวี๋ยโค้งกายคำนับหัวหน้าสำนักกั๋วจื่อเจียนเช่นเดียวกัน จากนั้นพากองกำลังทหารรักษาพระองค์จากไปพร้อมไป๋ชิงเหยียน
วันนี้พี่หญิงใหญ่มากล่าวอย่างเปิดใจกับบัณฑิตของสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนจนพวกเขาเห็นด้วยกับพี่หญิงใหญ่ อีกทั้งมีเป้าหมายใหม่เป็นการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งร่วมกัน วันหน้าราชสำนักต้าโจวคงมีสิ่งใดแปลกใหม่และน่าสนใจเกิดขึ้นแน่นอน
ขบวนเดินทางจากสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนมาได้ไม่ไกล ไป๋ชิงเจวี๋ยก็เห็นองครักษ์ตระกูลไป๋ขี่มาม้าเข้ามา
ไป๋ชิงเจวี๋ยควบม้าเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่ นั่นองครักษ์ของจวนเรา ข้าจะไปดูเองขอรับ…”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า
เมื่อเห็นไป๋ชิงเจวี๋ยขี่ม้าเข้ามา องครักษ์ไป๋รีบลงจากหลังม้าเพื่อทำความเคารพชายหนุ่ม
ไป๋ชิงเจวี๋ยลงจากหลังม้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาจูงเชือกม้าพลางหันไปพยักหน้าให้องครักษ์ไป๋เดินตามไปยังที่ลับตาคนซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปเพื่อหลีกทางให้ขบวนของไป๋ชิงเหยียนเคลื่อนที่ต่อไปได้
เขาเอ่ยถามองครักษ์ไป๋ “สีหน้ารีบร้อนเช่นนี้ มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ”
องครักษ์ไป๋พยักหน้ารัว “คุณชายเจ็ด องครักษ์หลูผิงเพิ่งกลับมาจากซั่วหยาง ทว่า ตอนที่เขากำลังจะเดินทางเข้าเมืองหลวง เขาบังเอิญพบกับสาวใช้ข้างกายของสตรีหม้ายคนหนึ่งในตระกูลบรรพบุรุษไป๋ สาวใช้ผู้นั้นขอร้ององครักษ์หลู่ กล่าวว่าเจ้านายของนางเป็นหม้ายมานานแล้ว เมื่อได้ยินว่าคุณหนูใหญ่ออกกฎหมายสนับสนุนให้สตรีหม้ายแต่งงานใหม่ เมื่อวานเจ้านายของนางจึงกลับไปคุยเรื่องแต่งงานใหม่กับแม่สามี นึกไม่นึกว่าแม่สามีและพ่อสามีของเจ้านายนางจะโมโหจนจับเจ้านายของนางขังไว้ วันนี้จะนำตัวเจ้านายของนางไปถ่วงน้ำในช่วงปลายของยามอู่[1] บัดนี้คนอยู่ที่นอกเมืองแล้วขอรับ”
สีหน้าของไป๋ชิงเจวี๋ยเคร่งขรึมลงทันที ทั้งๆ ที่รู้ว่าพี่หญิงใหญ่กำลังปฏิรูปการปกครองใหม่ หากคนในตระกูลบรรพบุรุษขัดขวางเป็นคนแรก วันหน้าพี่หญิงใหญ่ต้องพบกับอุปสรรคมากกว่านี้แน่นอน
องครักษ์เอ่ยถามเสียงเบา “องครักษ์หลูนำคนไปขัดขวางแล้ว เขาให้ข้ามาสอบถามว่าควรจัดการกับเรื่องนี้เช่นไรขอรับ”
“บอกให้หลูผิงช่วยชีวิตคนไว้ให้ได้! จากนั้นบอกกับตระกูลบรรพบุรุษไป๋ว่าหากกล้าขัดหรือไม่ทำตามกฎหมายใหม่ของพี่หญิงใหญ่ ไม่เพียงแต่จะโดนลงโทษตามกฎหมาย ตระกูลบรรพบุรุษก็จะไม่เก็บพวกเขาไว้เช่นเดียวกัน!” ไป๋ชิงเจวี๋ยกล่าวเสียงเบา
“ขอรับ!” องครักษ์ไป๋รับคำแล้วจากไปอย่างรีบร้อน
ไป๋ชิงเหยียนรีบขี่ม้าเร่งแทรกเข้าไปอยู่ในขบวนตามเดิม เขาขี่ม้าเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่ ตระกูลบรรพบุรุษไป๋จะจับสตรีหม้ายในตระกูลบรรพบุรุษที่คิดแต่งงานใหม่ถ่วงน้ำขอรับ บัดนี้พวกเขาอยู่ที่นอกเมือง หลูผิงตามไปขัดขวางแล้ว พี่หญิงใหญ่จะไปดูหรือไม่ขอรับ”
กฎหมายใหม่เพิ่งถูกประกาศใช้ คนในตระกูลบรรพบุรุษไป๋รีบร้อนทดสอบขีดจำกัดของนางถึงเพียงนี้เลยหรือ!
ไป๋ชิงเหยียนกำลังคิดอยู่เลยว่าจะแสดงอำนาจของกฎหมายใหม่ให้ทุกคนเห็นเช่นไร หญิงสาวคิดกระทั่งจะใช้ตัวเองเป็นตัวอย่างเพื่อพิสูจน์อำนาจของกฎหมาย ให้ชาวบ้านได้รับรู้ว่ากฎหมายคือสิ่งใด ได้รับรู้ว่าคนธรรมดาและคนสูงศักดิ์ที่ทำผิดจะถูกทำโทษด้วยกฎหมายแบบเดียวกัน
ผู้ใดจะคิดว่าไป๋ชิงเหยียนยังคิดหาวิธีที่เหมาะสมไม่ได้ คนตระกูลบรรพบุรุษไป๋กลับเสนอตัวมาให้นางถึงที่ นางคงทำได้เพียงใช้พวกเขาแสดงอำนาจของกฎหมายใหม่อย่างเต็มที่แล้ว
ไป๋ชิงเหยียนกำบังเหียนม้าแน่น “ไปดูสักหน่อย”
กล่าวจบไป๋ชิงเหยียนควบม้าทะยานออกไปทันที ทหารรักษาพระองค์เห็นดังนั้นจึงรีบขี่ม้าตามไปอย่างรวดเร็ว
นอกเมือง
ผู้อาวุโสของตระกูลบรรพบุรุษไป๋ที่เดิมทีตั้งใจจะจับลูกสะใภ้ถ่วงน้ำลับๆ เบิกตาโพลงมองไปทางหลูผิงที่พาทหารมาช่วยลูกสะใภ้ของเขาขึ้นมาจากแม่น้ำด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พวกเขาช่วยนางออกมาจากเล้าหมู จากนั้นพาคนไปหลบอยู่ด้านหลังองครักษ์ ผู้อาวุโสตระกูลบรรพบุรุษไป๋โมโหจนแทบลมจับ
เดิมทีเขาตั้งใจจะจับลูกสะใภ้ถ่วงน้ำตั้งแต่เมื่อคืน ทว่า ภรรยาของเขาบอกว่าหลังจากที่พวกเขาเดินทางมายังเมืองหลวง นางรู้จักผู้วิเศษท่านหนึ่ง นางผู้นั้นคำนวณชะตาแม่นยำมาก นางเป็นคนบอกพวกเขาว่าอีกเดี๋ยวจะมีคนมอบจวนให้พวกเขา ต่อมามีคนมอบจวนให้พวกเขาจริงๆ ผู้วิเศษยังบอกอีกว่าลูกสะใภ้ของพวกเขามีดวงชะตาของคนตระกูลสูงศักดิ์ จะนำความเจริญรุ่งเรืองมาให้ครอบครัว
ภรรยาของผู้อาวุโสตระกูลบรรพบุรุษไป๋กังวลว่าหากจับลูกสะใภ้ที่มีดวงชะตาดีถึงเพียงนี้ถ่วงน้ำอาจนำความไม่สงบมาให้ครอบครัว นางจึงมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้ผู้วิเศษเพื่อถามความเห็น ผู้วิเศษกล่าวว่าชะตาของลูกสะใภ้ของนางยังไม่ขาด หากฝืนพานางไปถ่วงน้ำอาจนำหายนะมาสู่ครอบครัวของพวกนางได้ หากต้องการจะจับนางถ่วงน้ำจริงๆ ให้ทำช่วงปลายของยามอู่ ช่วงต้นของยามเว่ย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อำนาจของดวงอาทิตย์อ่อนแอ
ผู้อาวุโสตระกูลบรรพบุรุษไป๋กลัวว่าจะเป็นที่สะดุดตาผู้คนจึงพาลูกสะใภ้มายังแม่น้ำที่ไม่ค่อยมีผู้คนตั้งแต่เช้า เขาพามาแต่คนในครอบครัวของตัวเอง ปิดบังแม้กระทั่งประมุขไป๋ไป๋ฉีเหอ เตรียมจับลูกสะใภ้ของตัวเองถ่วงน้ำในช่วงผลัดเปลี่ยนยามอู่และยามเว่ย
ผู้ใดจะคิดว่าหลูผิงไม่เพียงแค่พาทหารมาช่วยลูกสะใภ้ของเขาขึ้นจากน้ำ เขายังทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตจนดึงดูดสายตาของชาวบ้านละแวกนั้น เขาปกปิดเรื่องน่าอายในครอบครัวไว้ไม่มิดแล้ว
สตรีหม้ายที่ถูกปล่อยตัวออกมาจากเล้าหมูร้องไห้ตัวโยนราวกับได้เกิดใหม่ ใบหน้าของนางซีดเผือด นางคิดว่าตัวเองจะจมน้ำตายไปแล้ว สาวใช้ของสตรีหม้ายรับเสื้อคลุมมาจากหลูผิง สาวใช้กล่าวขอบคุณพลางคลุมให้เจ้านายของตัวเอง จากนั้นช่วยบ่าปลอบโยนเจ้านายของตน
“ขออภัยเจ้าค่ะคุณหนู ข้ามาช้าไป ข้ามาช้าไปเจ้าค่ะ!”
สตรีหม้ายน้ำตาไหลพรากไม่ขาดสาย
หากไม่ใช่เพราะนางได้ยินพ่อสามีของนางกล่าวว่าจะสนับสนุนระบอบการปกครองใหม่ของฝ่าบาทอย่างเต็มที่หลังจากที่พวกเขากลับมาจากงานเลี้ยง หากนางไม่ได้ยินแม่สามีของนางกล่าวว่าจะกลับไปบอกให้มารดาของตัวเองปล่อยให้น้องสะใภ้อนุที่ไม่มีบุตรแต่งงานใหม่ นางคงไม่กล้าเอ่ยถึงเรื่องการแต่งงานใหม่กับพ่อสามีและแม่สามีของตัวเอง
ผู้ใดจะคิดว่าเมื่อนางกล่าวจบนางจะถูกแม่สามีตบที่ใบหน้าฉาดใหญ่ จากนั้นด่ากราดนาง กล่าวว่าจะจับนางถ่วงน้ำ
สองสามีภรรยาชราของตระกูลบรรพบุรุษไป๋ชี้นิ้วด่าสตรีหม้ายที่อยู่ทางด้างหลังองครักษ์ไป๋และไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้นอย่างโมโห “นางแพศยาหน้าไม่อาย! นางลูกสะใภ้ใจดำ! ลูกชายข้าเพิ่งจะตายไปไม่กี่ปีเจ้าก็ไปยั่วยวนผู้ชายคนอื่นแล้วหรือ ไม่หลับนอนกับผู้ชายคนอื่นเจ้าจะตายใช่หรือไม่! ลูกชายผู้น่าสงสารของข้า เขาอาจตายเพราะนางแพศยานี่กับชายชู้ของมันก็ได้!”
สตรีหม้ายที่ถูกองครักษ์ไป๋ช่วยขึ้นมาจากน้ำตัวสั่นระริก นางคิดไม่ถึงเลยว่าถ้อยคำสกปรกเหล่านี้จะออกมาจากปากของแม่สามีที่มั่งคั่งของนาง ช่างไม่แตกต่างจากแม่ค้าในตลาดสดเลยสักนิด
[1] ยามอู่ เวลาระหว่าง 11.00-13.00 นาฬิกา
*********************