สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 974 แต่งงานออกเรือนอย่างยิ่งใหญ่
ตอนที่ 974 แต่งงานออกเรือนอย่างยิ่งใหญ่
ชาวบ้านที่มามุ่งดูต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างต่างนานา
ไป๋ชิงเหยียนมองดูบรรดาชาวบ้านที่กำลังคุยสนุกพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อบนใบหน้า
วันนี้บัณฑิตสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนถามไป๋ชิงเหยียนเช่นเดียวกันว่าเหตุใดจึงต้องสนับสนุนให้สตรีหม้ายแต่งงานใหม่
ไป๋ชิงเหยียนอธิบายกับบัณฑิตเหล่านั้นอย่างละเอียดว่าที่แต่ละแคว้นทำสงครามกันไปมาไม่หยุดหย่อนตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมาเป็นเพราะต้องการแย่งชิงดินแดนและจำนวนประชากร เมื่อมีประชากรมากจึงจะเกิดผลผลิตที่มาก เมื่อมีผลผลิตมากแคว้นจึงจะมั่งคั่งและแข็งแกร่ง
แค่ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยเพียงเท่านี้ บัณฑิตเหล่านั้นก็เข้าใจได้ทันทีว่าไป๋ชิงเหยียนสนับสนุนให้สตรีหม้ายแต่งงานใหม่เพราะต้องการเพิ่มจำนวนประชากรในแคว้น เพื่อทำให้แคว้นมั่งคั่งและแข็งแกร่ง สุดท้ายแล้วหญิงสาวก็ทำเพื่อปูทางสำหรับการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งอยู่ดี
บัณฑิตเหล่านั้นฟังเข้าใจ ทว่า ชาวบ้านเหล่านี้อาจไม่เข้าใจ
“ไม่มีมีผู้ใดบังคับให้ข้าแต่งงานใหม่! ข้าอยากแต่งงานใหม่เอง! ข้าไม่อยากใช้ชีวิตอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต!” สตรีหม้ายที่เมื่อครู่ถูกจับถ่วงน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งงานชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว ผมของนางยังคงเปียกชื้นอยู่ ทว่า เมื่อนางได้ยินแม่สามีของตัวเองตะโกนด่าว่ากฎหมายใหม่บีบบังคับให้สตรีหม้ายแต่งงานใหม่ นางจึงตัดสินใจออกมาจากรถม้าอย่างทนไม่ไหว
สตรีหม้ายยืนอยู่หน้ารถม้าด้วยสภาพสะบักสะบอม เมื่อเห็นชาวบ้านมากมายยืนอยู่ริมแม่น้ำจึงเริ่มหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย นางกลัวไป๋ชิงเหยียนจะคิดว่ากฎหมายใหม่ยากจะได้ผลจึงตัดสินใจแก้ไข ไม่อนุญาตให้สตรีหม้ายแต่งงานใหม่อีกต่อไป! เช่นนั้นสตรีอีกมากมายที่เหมือนกับนางจะถูกกักขังอยู่แต่ในกรง แม้แต่นางก็จะหนีออกไปไม่ได้!
ดังนั้นนางยินดีที่จะออกมากล่าวด้วยตัวเอง
สตรีหม้ายรีบวิ่งลงมาจากรถม้า จากนั้นคุกเข่าลงตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน น้ำตาอาบใบหน้า “ฝ่าบาท ไม่มีผู้ใดทราบว่าสตรีหม้ายอย่างพวกเรามีชีวิตที่ยากลำบากเพียงใด สามีเสียชีวิต บุตรเสียชีวิต! หม่อมฉันไม่อยากใช้ชีวิตเช่นนี้เพคะ หม่อมฉันอยากมีลูก อยากกลายเป็นแม่คน หม่อมฉันไม่อยากทนทุกข์อยู่ในตระกูลบรรพบุรุษไป๋ไปตลอดชีวิตเพคะ ดังนั้นตอนที่กฎหมายใหม่ออกมา หม่อมฉันจึงอยากขอบพระทัยฝ่าบาทมากเพคะ!”
“สตรีอย่างพวกเราไม่ใช่วัตถุที่บุรุษตั้งไว้ดูเล่นในจวน พวกเราคือคนเช่นเดียวกัน พวกเรามีความรู้สึก พวกเราจะใช้ชีวิตอยู่กับป้ายวิญญาณไปตลอดชีวิตได้อย่างไรเพคะ! หากมีลูกก็ว่าไปอย่าง อย่างน้อยการมีชีวิตอยู่เพื่อดูแลลูกก็ยังไม่ทรมานเท่าใดนัก! ทว่า ชีวิตของหม่อมฉันในตอนนี้เหมือนตายทั้งเป็นเลยเพคะ” สตรีหม้ายร้องไห้อย่างหนัก “หม่อมฉันถูกขังอยู่แต่ในจวน ห้ามออกจากเรือน ห้ามพบแม้แต่บ่าวใช้ชายในจวน! หม่อมฉันถูกกล่าวหาว่าสตรีหม้ายมีแต่จะสร้างเรื่องจึงถูกขังอยู่แต่ในเรือนเล็กทุกวันเพคะ!”
“เหตุใดสตรีหม้ายที่มีบุตรแล้วอย่างพวกข้าจะแต่งงานใหม่ไม่ได้กัน!” เมื่อสตรีหม้ายคนหนึ่งที่แบกจอบเดินมามุงดูเหตุการณ์ได้ยินสตรีหม้ายซึ่งถูกจับถ่วงน้ำกล่าวเช่นนี้จึงวางตะกร้าที่เกี่ยวอยู่ที่แขนและจอบที่แบกอยู่บนหลังลงบนพื้น จากนั้นกล่าวเสียงไม่สบอารมณ์ “ข้าสูญเสียสามีไปแล้ว ข้าต้องออกมาทำงานและเลี้ยงดูลูกไปพร้อมกัน เจ้าเป็นสตรีหม้ายของจวนร่ำรวย มีสาวใช้คอยปรนนิบัติยังกล้ากล่าวอีกว่ามีชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น สตรีหม้ายยากจนอย่างพวกข้าไม่กล้าแม้แต่จะคิดฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ หากตายไปลูกของพวกข้าจะไม่มีคนดูแล ไม่แน่อาจถูกจับไปกินทั้งเป็นอีกต่างหาก พวกที่จนปัญญาแล้วจริงๆ ต่างฆ่าตัวตายพร้อมลูกของตัวเองทั้งนั้น!”
เมื่อสตรีหม้ายที่ต้องออกมาทำงานหนักเอ่ยถึงเรื่องน่าเศร้าจึงใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาเล็กน้อย จากนั้นกล่าวเสียงสะอื้น “ข้ายังถือว่าดี ข้ามีลูกชายสองคนตระกูลบรรพบุรุษจึงยอมยื่นมือเข้าช่วยเหลือบ้าง ญาติผู้พี่ของข้าแต่งงานไปอยู่อำเภอใกล้เคียง สามีของนางและสามีของข้าล้วนเสียชีวิตในสนามรบ ทว่า นางมีเพียงลูกสาวคนเดียว ทรัพย์สมบัติและที่นาของนางจึงถูกตระกูลบรรพบุรุษยึดไปหมด นางมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ไหวจึงพาลูกสาวของนางกระโดดน้ำตายไปแล้ว!”
ไป๋ชิงเหยียนมองดูบรรดาชาวบ้านที่สงบนิ่งลงเพราะคำกล่าวของสตรีหม้ายผู้นั้น จากนั้นจึงกล่าวขึ้นช้าๆ “หลายปีที่ผ่านมาเกิดสงครามขึ้นมากมาย ทหารและชาวบ้านล้วนเสียชีวิตและบาดเจ็บเพราะสงครามมากมาย มีสตรีที่อยู่ในวัยแต่งงานมากที่ที่ต้องกอดป้ายวิญญาณของสามีไปตลอดชีวิตทั้งๆ ที่ยังไม่ได้พบหน้าสามีของตัวเองเลยด้วยซ้ำเพียงเพราะธรรมเนียมเก่าแก่ที่ยึดติดกันมานาน”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจี้แทงใจดำคนหลายๆ คน บรรดาสตรีต่างพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“มีสตรีอีกหลายคนที่ร่างกายอ่อนแอเกินไปจนไม่อาจทำนาเพาะปลูกได้หลังจากที่สามีจากไป สุดท้ายแล้วก็ต้องจบชีวิตลงเพราะหักโหมเกินไป ทิ้งไว้เพียงเด็กๆ ที่น่าสงสาร” ไป๋ชิงเหยียนกวาดสายตามองไปทางเหล่าบุรุษที่เริ่มหน้าชาขึ้น “ข้าสนับสนุนให้สตรีหม้ายแต่งงานใหม่ ครอบครัวจะได้มีกำลังหลักในการทำงาน มีคนช่วยสตรีหม้ายเลี้ยงดูบุตร เช่นนี้สตรีหม้ายจะได้ไม่พาบุตรของตัวเองฆ่าตัวตายอีก! เด็กที่สูญเสียบิดาไปตั้งแต่เล็กจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างมั่นคงและปลอดภัย”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ บุรุษบางคนเริ่มพยักหน้าเห็นด้วย
ถึงแม้ตัวเองมีเพียงลูกสาว ทว่า นั่นคือสายเลือดของพวกเขาเช่นเดียวกัน หากพวกเขาตายไป พวกเขาย่อมอยากเห็นลูกของตัวเองเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างปลอดภัย
“ที่สำคัญหากสตรีหม้ายแต่งงานใหม่และมีบุตรเพิ่ม จำนวนประชากรในแคว้นของเราจะมีมากขึ้น เมื่อคนมากคนกำลังผลิตก็จะมากขึ้น เมื่อที่ดินที่วางเปล่ามีน้อยลง ชาวบ้านจึงจะมีผลผลิตเก็บเกี่ยวที่มากขึ้น เมื่อชาวบ้านมั่งคั่งแคว้นจะแข็งแกร่งขึ้น นี่คือสาเหตุที่กฎหมายใหม่สนับสนุนให้สตรีหม้ายแต่งงานใหม่!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวอย่างไม่รีบร้อน
กฎหมายใหม่ให้ความสำคัญกับชาวบ้าน มีเพียงชาวบ้านมั่งคั่ง แคว้นจึงจะแข็งแกร่ง!
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงมองไปทางผู้อาวุโสตระกูลบรรพบุรุษไป๋ที่จับสตรีหม้ายถ่วงน้ำ
“ขัดขวางกฎหมายใหม่อย่างเปิดเผย คิดฆ่าผู้อื่นโดยไม่สนใจคุณฆ่าความเป็นคน ส่งตัวไปให้จวนว่าการจิงจ้าวอิ่นสืบสวนและจัดการกับเรื่องนี้ตามกฎหมาย!” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางไป๋ฉีเหอ “ระหว่างกฎหมายบ้านเมืองและกฎของตระกูล กฎหมายบ้านเมืองต้องมาก่อน กฎของตระกูลควรมีรากฐานมาจากกฎหมายบ้านเมือง สิ่งใดควรแก้ก็รีบแก้เสีย…”
“พ่ะย่ะค่ะ ไป๋ฉีเหอน้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ฉีเหอรีบโค้งกายคำนับ
ไป๋ชิงเหยียนก้าวเข้าไปพยุงตัวของสตรีหม้ายที่ถูกจับถ่วงน้ำให้ลุกขึ้น จากนั้นหันไปสั่งหลูผิง
“ลุงผิงพาสตรีผู้นี้ไปพักที่จวนไป๋ก่อน ตระกูลไป๋จะเป็นคนจัดการเรื่องงานแต่งของนางเอง!”
“ขอรับ!” หลูผิงกำหมัดรับคำ
ไป๋ชิงเหยียนมองสตรีหม้ายตรงหน้าพลางตบไปที่หลังมือของนางเบาๆ “ไม่ต้องห่วง การแต่งงานใหม่หลังสูญเสียสามีไม่เรื่องผิด ตระกูลไป๋จะชดใช้ในสิ่งที่เจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมในวันนี้ให้เอง ข้าจะให้เจ้าแต่งงานออกเรือนไปอย่างยิ่งใหญ่!”
“ขอบพระทัยฝ่าบาทมากเพคะ ขอบพระทัยเพคะ!” สตรีหม้ายรีบคุกเข่าก้มศีรษะคำนับ
สาวใช้ที่อยู่ทางด้านหลังสตรีหม้ายรีบคุกเข่าคำนับขอบคุณไป๋ชิงเหยียนเช่นเดียวกัน “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ช่วยคุณหนูของบ่าว ขอบพระทัยฝ่าบาทมากเพคะ!”
พระอาทิตย์ยังไม่ทันตกดินถ้อยคำที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับเหล่าบัณฑิตในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว
องครักษ์ตระกูลไป๋พาตัวผู้อาวุโสของตระกูลบรรพบุรุษไป๋และภรรยาของเขาไปส่งที่จวนว่าการจิงจ้าวอิ่นอย่างโจ่งแจ้งจนเป็นที่สะดุดตาของชาวบ้าน องครักษ์พาตัวคนชราทั้งสองไปส่งที่จวนว่าการจิ่งจ้าวอิ่นประกาศกร้าวว่าไป๋ชิงเหยียนสั่งให้จิ่วจ้าวอิ่นสืบสวนและจัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด ผู้ที่คิดขัดขวางกฎหมายใหม่หรือทำผิดกฎหมายใหม่ดูไว้เป็นตัวอย่าง
ชาวบ้านรับรู้ความเด็ดเดี่ยวในการประกาศใช้กฎหมายใหม่ของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวในตอนที่องครักษ์ตระกูลไป๋พาคนไปส่งยังจวนว่าการจิงจ้าวอิ่น พวกเขารู้ทันทีว่าจะขัดขืนกฎหมายใหม่ไม่ได้เด็ดขาด
เมื่อสตรีหม้ายที่ครองตัวเป็นหม้ายมานานของตระกูลบรรพบุรุษไป๋เสนอตัวว่าต้องการแต่งงานใหม่ อีกทั้งไป๋ชิงเหยียนให้สัญญากับนางว่าจะให้นางแต่งงานออกเรือนไปอย่างยิ่งใหญ่…