สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 977 เจริญรุ่งเรืองตลอดไป
ตอนที่ 977 เจริญรุ่งเรืองตลอดไป
ในอดีตเมื่อจักรพรรดิขึ้นครองราชย์มักมีการบำรุงซ่อมแซมสุสานหลวงเสมอมา เป็นเรื่องที่ทำสืบทอดต่อกันมาช้านาน ไป๋ชิงเหยียนคือจักรพรรดินีแห่งต้าโจว ตามหลักแล้วนี่คือเรื่องที่สำคัญที่สุดของต้าโจว
“การซ่อมแซมสุสานหลวงเกี่ยวข้องกับดวงชะตาของแคว้นในวันข้างหน้า ย่อมเป็นเรื่องสำคัญที่สุดพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยปู้จิ้งกล่าว
“หากการซ่อมแซมสุสานหลวงทำให้แคว้นเจริญรุ่งเรืองสืบไปจริง เหตุใดสุดท้ายแคว้นต้าจิ้นจึงล่มสลายลงเช่นนี้กัน”
ไป๋ชิงเหยียนวางม้วนไม้ไผ่ที่เว่ยปู้จิ้งมอบให้ลงบนโต๊ะด้านข้าง “สิ่งที่ทำให้แคว้นเจริญรุ่งเรืองตลอดไปไม่ใช่การซ่อมแซมสุสานหลวงแต่คือมนุษย์ คือคนหนุ่มที่กำลังจะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ในภายภาคหน้าต่างหาก”
ไป๋ชิงเหยียนเคยอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ในบันทึกของจีโฮ่วที่เซียวหรงเหยี่ยนให้คนส่งมาให้นางอ่าน
จีโฮ่วเขียนเอาไว้ว่าเมื่อคนหนุ่มแข็งแกร่ง แคว้นก็จะแข็งแกร่ง หากต้องการให้คนหนุ่มแข็งแกร่ง จำเป็นต้องมอบความรู้ให้แก่พวกเขาเหล่านั้น ต้องให้คนหนุ่มเหล่านั้นได้ร่ำเรียนให้มากขึ้นเพื่อเปิดโลกกว้าง เสาะหาแก่นแท้ที่สำคัญที่สุดท่ามกลางความรู้มากมาย ทำความเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาคิดว่ามีความสำคัญต่อการฟื้นฟูและปรับปรุงแคว้นให้เจริญรุ่งเรือง จากนั้นนำความรู้เหล่านี้ไประดมความคิดและแสวงหาวิธีที่เหมาะสมสำหรับพัฒนาแคว้นของพวกเขาให้เจริญต่อไป หากทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ผู้คนจึงจะมีความรู้เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละรุ่น แคว้นๆ หนึ่งจึงจะเจริญรุ่งเรืองสืบไป
ไป๋ชิงเหยียนเห็นด้วยกับเรื่องนี้มาก หญิงสาวคิดว่าการสร้างสำนักศึกษาให้คนหนุ่มสาวได้ร่ำเรียน ฝึกใช้สติปัญญา เปิดความคิดและโลกกว้างของตัวเองคือสิ่งสำคัญที่สุดของต้าโจว
นี่เป็นครั้งแรกที่เว่ยปู้จิ้งได้ยินจักรพรรดิคนหนึ่งกล่าวเช่นนี้ออกมา เขาเงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียนที่นั่งอมยิ้มอยู่บนเก้าอี้อย่างอดไม่ได้
“ต้าโจวเพิ่งถูกสถาปนาขึ้น เหตุใดพวกเราต้องกระหายคนมีความสามารถถึงเพียงนี้กัน นั่นก็เพราะพวกเราขาดแคลนคนมีความสามารถ คนมีความสามารถไม่สำคัญในสายตาของใต้เท้าเว่ยอย่างนั้นหรือ หากไม่สำคัญเหตุใดแคว้นอื่นจึงยกย่อง ให้เกียรติและคิดเก็บบัณฑิตของแคว้นอื่นไว้ ข้าสร้างสำนักศึกษาเพื่อสร้างความรู้ให้ชาวบ้าน ให้คนหนุ่มของต้าโจวมีโอกาสได้ร่ำเรียนวิชามากยิ่งขึ้น พวกเขาจะได้มีปณิธานและมีจุดมุ่งหมายที่พวกเขาต้องการทำ สร้างตำราที่มีประโยชน์ไว้ให้คนรุ่นหลังเพื่อเป็นประโยชน์ต่อชาวบ้านและการปกครองของแคว้นสืบไป!” ไป๋ชิงเหยียนชูม้วนไม้ไผ่ที่บันทึกค่าใช้จ่ายในการสร้างสำนักศึกษาที่เว่ยปู้จิ้งนำมามอบให้นางดูขึ้นสูง “ข้าสร้างสำนักศึกษาเพื่อบ่มเพาะคนมีความสามารถให้ต้าโจวในวันข้างหน้า นี่ต่างหากคือดวงชะตาของแคว้น ไม่ใช่การซ่อมแซมสุสานหลวง!”
แม้คำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนจะทำให้เว่ยปู้จิ้งตกตะลึง ทว่า ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างถาโถมเข้าไปในใจเขาราวกับคลื่นยักษ์ พุ่งทะลุไปยังสมองของเขาจนเขาเกิดความคิดและมุมมองใหม่ขึ้นมาทันที
นั่นสินะ หากต้องการสร้างแคว้นให้แข็งแกร่งจำเป็นต้องมีคนมีความสามารถ แทนที่จะเสาะหาคนมีความสามารถตามที่ต่างๆ ไม่สู้แก้ปัญหาให้ตรงประเด็น…สร้างคนมีความสามารถขึ้นมาเองดีกว่า
ไป๋ชิงเหยียนวางม้วนไม้ไผ่ในมือลง “ท่านลองคิดตามดูว่าหากทุกคนในแคว้นต้าโจวต่างรู้หนังสือ ทุกคนล้วนเป็นคนมีความสามารถ ต้าโจวจะแข็งแกร่งสักเพียงใด ชาวบ้านคือรากฐานของแคว้น! เมื่อชาวบ้านแข็งแกร่ง แคว้นจึงจะแข็งแกร่ง! เมื่อทุกคนในแคว้นต้าโจวมีความมุ่งมั่นว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่อชาวบ้าน เพื่อถ่ายทอดความรู้ที่ตัวเองมีให้แก่ผู้อื่น เพื่อสร้างสันติสุขให้ใต้หล้า พวกเราจะรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งไม่ได้อย่างนั้นหรือ! ดังนั้นใต้เท้าเว่ยลองบอกมาสิว่าการสร้างสำนักศึกษาหรือการซ่อมแซมสุสานหลวงสำคัญที่สุด”
นี่คือครั้งแรกที่ไป๋จิ่นเซ่อได้ยินพี่หญิงใหญ่บอกความสำคัญของการสร้างสำนักศึกษา สาวน้อยรู้สึกเลือดร้อนกับคำกล่าวของพี่หญิงใหญ่ขึ้นมาทันทีราวกับเห็นต้าโจวที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งในภายภาคหน้าแล้ว
ทุกคนต่างรู้หนังสือ ทุกคนล้วนเป็นคนมีความสามารถ…
อ่านตำราปราชญ์ สืบทอดจิตวิญญาณที่ดีงามผ่านตำรา มีปณิธาน มีความมุ่งมั่น ชาวบ้านไม่สนใจเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อีกต่อไป ทุกคนไม่สนใจเพียงแค่เรื่องของตัวเอง ทุกคนร่วมแรงร่วมใจสร้างความแข็งแกร่งให้แคว้น ต้าโจวเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ กลายเป็นแคว้นที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อน
เว่ยปู้จิ้งเม้มปากแน่น จากนั้นโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียนด้วยความจริงใจ เขาไม่รู้ว่าขอบตาของตัวเองร้อนผ่าวตั้งแต่เมื่อใด ชายหนุ่มกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาททรงมีสายพระเนตรกว้างไกล กระหม่อมเทียบไม่ได้จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ คำตรัสของฝ่าบาทในวันนี้ทำให้กระหม่อมฉุกคิดได้ กระหม่อมจะจัดการเรื่องการสร้างสำนักศึกษาอย่างเต็มที่ที่สุด ไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นก็รบกวนใต้เท้าเว่ยด้วย…” ไป๋ชิงเหยียนส่งม้วนไม้ไผ่ให้เว่ยจง ให้เว่ยจงส่งคืนให้เว่ยปู้จิ้ง
“ทว่า เรื่องการสร้างสุสานหลวง ตามประเพณีเก่าก่อน…”
“ข้ายังมีชีวิตอยู่ นำเงินที่จะนำไปสร้างสุสานหลวงเหล่านั้นไปสร้างสำนักศึกษาให้มากขึ้นดีกว่า หากวันหน้าข้าไม่อยู่แล้ว ฝังร่างข้าในสุสานของตระกูลไป๋ก็พอ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวอย่างไม่รีบร้อน “ข้าไม่ได้แสร้งทำตัวสูงส่งและไม่ใช่คนมีคุณธรรมสูงส่ง ทุกคนล้วนเป็นเพียงคนธรรมดาในใต้หล้าแห่งนี้ ผู้ใดได้มานั่งอยู่บนบัลลังก์นี้ล้วนไม่มีทางไม่สนใจเรื่องสุสานหลวง ทว่า เทียบกับสุสานหลวงที่ยิ่งใหญ่แล้ว ข้าอยากอยู่กับครอบครัวของข้ามากกว่า”
“ทว่า ฝ่าบาท…” เว่ยปู้จิ้งอยากโน้มน้าวอีก ทว่า เมื่อนึกได้ว่าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวผู้คนนี้เป็นคนกล่าวคำไหนคำนั้น สุดท้ายเขาจึงได้แต่ก้มศีรษะคำนับ รับม้วนไม้ไผ่มาจากเว่ยจง จากนั้นเดินออกไปจากตำหนัก
เมื่อเดินออกมาจากตำหนัก ดวงตาของเว่ยปู้จิ้งแดงก่ำ เขานึกไม่ถึงเลยว่าชาตินี้เขาจะมีวาสนาได้พบจักรพรรดินีเช่นนี้ จักรพรรดินีผู้นี้ไม่ได้เพียงแค่รบเก่งอย่างที่เขาคิด สายตาและความคิดของหญิงสาวกว้างไกลเหนือความคาดหมายของเขามาก
ไป๋จิ่นเซ่อนั่งอยู่ข้างกายของไป๋ชิงเหยียน สาวน้อยรินน้ำชาให้พี่สาวของตัวเอง “ดูเหมือนพี่หญิงใหญ่จะพบวิธีการปกครองที่เหมาะสมกับต้าโจวแล้วนะเจ้าคะ”
ไป๋ชิงเหยียนส่ายหน้า จากนั้นเอื้อมมือไปลูบศีรษะของไป๋จิ่นเซ่อเบาๆ “มันไม่ง่ายถึงเพียงนั้นหรอก!”
“พี่หญิงใหญ่ต้องการสร้างความรู้ สร้างปณิธาน สร้างความมุ่งมั่นให้ชาวบ้าน บ่มเพาะให้พวกเขากลายเป็นคนมีความสามารถ นี่ยังไม่นับอีกหรือเจ้าคะ” ไป๋จิ่นเซ่อถาม
“พวกเราอ่านตำราการปกครองโบราณของแต่ละแคว้นมามากมาย บางตำรากล่าวว่าชาวบ้านอ่อนแอ แคว้นแข็งแกร่ง บางตำรากล่าวว่าใช้คุณธรรมปกครองแคว้น ทว่า พี่ยังไม่พบวิธีที่พี่ต้องการจริงๆ เสียที พี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวิธีต่างๆ ที่บันทึกอยู่ในตำราเหล่านั้นวิธีใดที่จะเหมาะสมกับแคว้นต้าโจวจริงๆ กันแน่” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางไป๋จิ่นเซ่อ น้ำเสียงส่อแววอ่อนล้าเล็กน้อย หญิงสาวไม่มีความมั่นใจเหมือนอย่างที่แล้วมา
“ความจริงจนถึงตอนนี้พี่ก็ยังไม่แน่ใจเลย การปกครองต้าโจว…พวกเราและคนมีความสามารถทุกคนในราชสำนักต้องร่วมแรงร่วมใจค่อยๆ เสาะหาวิธีที่เหมาะสมที่สุดต่อไปตามกาลเวลาที่เคลื่อนผ่าน”
“ทว่า พี่มั่นใจว่าการสร้างสำนักศึกษาให้บุรุษและสตรีคือสิ่งที่ถูกต้อง! เมื่อต้าโจวมีคนมีความสามารถมากพอ หนึ่งในพวกเขาต้องสามารถนำบทเรียนในอดีตมาปรับเปลี่ยนและแก้ไขให้เหมาะสมกับต้าโจวในตอนนี้ได้แน่ พวกเขาต้องรู้ว่าต้าโจวควรปรับเปลี่ยนเช่นไร คนมีความสามารถเหล่านี้จะทำให้ต้าโจวเจริญรุ่งเรืองตลอดไป”
ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาอย่างรวดเร็ว สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนคือการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นไป๋ชิงเหยียนจึงเตือนตัวเองและมีสติอยู่ตลอดเวลา ไม่กล้าประมาทแม้เพียงก้าวเดียว
ท่านปู่และท่านพ่อเคยสั่งสอนทายาททุกคนของตระกูลไป๋ว่าพวกนางต้องปกป้องคุ้มครองชาวบ้านแถบชายแดน เมื่อปกป้องแล้วห้ามถอยหนีเด็ดขาด ไม่ใช่เพียงเพราะพวกนางต้องปกป้องแผ่นดินนี้ไว้ให้ได้ ทว่า เป็นเพราะชาวบ้านนับแสนหลบอยู่ด้านหลังของพวกนาง หากพวกนางถอยหนี ชาวบ้านเหล่านั้นจะไม่มีคนปกป้อง
บัดนี้ด้านหลังของไป๋ชิงเหยียนคือคนแคว้นต้าโจวทั้งแคว้น หญิงสาวจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด
ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้มั่นใจในตัวเองมากเท่าที่นางแสดงออกมาให้คนอื่นเห็น นางกลัวว่าจะทำให้ท่านปู่ ท่านพ่อ น้องชายและน้องสาวของนางผิดหวัง
***********************