สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 997 เลือดนองเป็นแม่น้ำ
ตอนที่ 997 เลือดนองเป็นแม่น้ำ
เซียวรั่วไห่กำบังเหียนม้าในมือแน่นอย่างพยายามควบคุมอารมณ์ จากนั้นมองไปทางอวิ๋นหลิงจื้อยิ้มๆ
“ล้วนคือทายาทของตระกูลอวิ๋นทั้งสิ้น กล่าวแล้วก็น่าอาย…พวกเราฝึกฝนเลียนแบบค่ายหู่อิงของกองทัพไป๋ขอรับ หากใต้เท้าสนใจข้าจะแนะนำให้ท่านรู้จักขอรับ”
องครักษ์ตระกูลไป๋เกือบสบถคำหยาบออกมา นี่มันการฝึกฝนของค่ายหูอิงชัดๆ ตระกูลอวิ๋นที่ไร้ความสามารถของเจ้ามีความสามารถฝึกฝนทหารที่ดุดันเช่นนี้ด้วยหรือ!
เซียวรั่วไห่หันไปส่งสัญญาณกับองครักษ์ไป๋ องครักษ์ไป๋พยักหน้าอย่างเข้าใจ
เมื่อทุกคนเข้าไปในค่ายทหาร องครักษ์ไป๋กระจายกันออกไปสำรวจในค่ายทหาร อวิ๋นหลิงจื้อเตรียมขัดขวางก็ได้ยินเซียวรั่วไห่กล่าวขึ้น “ทูตต้าโจวของพวกเราทูลจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงว่าต้องการมาตรวจสอบค่ายทหารหั่วอวิ๋นด้วยตัวเอง หากไม่มีพวกเราจะจากไปทันที ในเมื่อพวกเรามาถึงแล้ว ใต้เท้าอวิ๋นปล่อยให้พวกเราตรวจสอบเพื่อความสบายใจเถิดขอรับ”
อวิ๋นหลิงจื้อคิดว่าบิดาคงจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้วจึงพยักหน้ายิ้มๆ “แน่นอนขอรับ”
เซียวรั่วไห่กล่าวกับอวิ๋นหลิงจื้อโดยไม่ได้ลงจากหลังม้า “เช่นนั้นใต้เท้าอวิ๋นได้โปรดพาทายาททุกคนของตระกูลอวิ๋นที่ฝึกฝนทหารเหล่านี้มาแนะนำให้ข้ารู้จักทีเถิด”
เป้าหมายขององครักษ์ไป๋ที่ถอนตัวออกจากค่ายหู่อิงชัดเจน พวกเขามุ่งหน้าไปยังหน้าผาอย่างรวดเร็ว ทุกคนล้วนเคยเป็นทหารมาก่อน มองเขามองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าผู้ใดคือแม่ทัพที่ฝึกฝนทหารเหล่านี้
องครักษ์ไป๋ขี่ม้ามุ่งตรงไปยังสถานที่ฝึกทหารหั่วอวิ๋นอย่างมีเป้าหมายแน่ชัดท่ามกลางสายตาของเหล่าทหารในค่าย
เมื่อแสงตะวันใกล้ลับขอบฟ้า ความมืดเริ่มมาเยือนอย่างรวดเร็ว เร็วจนหน้าผาที่ถูกแสงแดดสาดส่องจนเป็นสีแดงเพลิงหม่นสีลงอย่างรวดเร็ว มีเพียงจุดสูงสุดของยอดหน้าผาเท่านั้นที่ยังมีแสงสนธยาให้เห็น ป่าทึบรอบด้านมืดหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด มองไกลๆ เห็นเพียงเงาของต้นไม้ใหญ่ในป่าทึบเท่านั้น
องครักษ์ไป๋ที่นั่งอยู่บนหลังม้ามองเห็นเหล่าทหารในชุดนักรบสีขาวถือดาบไม้ไผ่ด้วยมือทั้งสองข้างยืนเรียงแถวกันอยู่ใต้หน้าผามาแต่ไกล ทหารเหล่านั้นหันหน้าเข้าหาหน้าผา รอต่อสู้กับทหารดุดันที่กำลังไต่ผาลงมาอย่างเตรียมพร้อม ส่วนบุรุษในชุดนักรบสีดำที่ยืนกำดาบไม้ไผ่สองเล่มไว้ในมือสองข้างคือแม่ทัพที่เป็นผู้คุมการฝึกฝนในครั้งนี้
“แม่ทัพกวน!” เมื่อองครักษ์ไป๋เห็นคนผู้นั้น ขอบตาของเขาร้อนผ่าวขึ้นทันที เขารีบตวาดเสียงดังลั่น “รีบไปรายงาน คือแม่ทัพกวน!”
แม่ทัพที่ถือดาบไม้ไผ่อยู่ในมือทั้งสองข้างหันกลับมามองทันทีที่ได้ยินเสียง เมื่อเห็นองครักษ์ไป๋ขี่ม้าเร็วตรงมาทางเขา แม่ทัพผู้นั้นชูดาบไปทางองครักษ์ไป๋พลางตวาดลั่นด้วยเสียงที่ทรงพลัง “ลงจากหลังม้าเดี๋ยวนี้! ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าขี่ม้าในค่ายทหารกัน!”
“แม่ทัพกวน!” องครักษ์ไป๋กระโดดลงจากหลังม้าโดยไม่รอให้ม้าหยุดสนิท เขามองไปทางกวนจางหนิงด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
กวนจางหนิงมองไปทางบรรดาองครักษ์ไป๋ที่พากันลงจากหลังม้าและหยุดยืนอยู่ไม่ไกลด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เขาตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าว่างเปล่า “พวกเจ้าคือผู้ใด”
องครักษ์ไป๋กำหมัดคารวะกวนจางหนิง “พวกข้าคือองครักษ์ไป๋ที่ถอนตัวออกมาจากกองทัพไป๋ พวกข้าเคยอยู่ค่ายหู่อิงขอรับ”
ไม่นาน เซียวรั่วไห่ขี่ม้าเร็วมาทันทีที่ได้รับรายงาน เขาลงจากหลังม้า ขอบตาของเขาร้อนผ่าวทันทีที่เห็นหน้ากวนจางหนิง
ก่อนหน้านี้เซียวรั่วไห่มีความหวังว่าผู้ที่ฝึกฝนทหารให้ค่ายหั่วอวิ๋นจะเป็นคุณชายคนใดคนหนึ่งของตระกูลไป๋ แม้เขาจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่พบว่าเป็นกวนจางหนิง ทว่า การได้แม่ทัพกวนจางหนิงกลับมาคือข่าวดีของกองทัพไป๋และตระกูลไป๋
“แม่ทัพกวน!” เซียวรั่วไห่ลงจากหลังม้า จากนั้นทำความเคารพกวนจางหนิงทั้งน้ำตา “ข้าคือเซียวรั่วไห่ที่เคยติดตามท่านรองแม่ทัพใหญ่ของกองทัพไป๋ ไม่ทราบว่าท่านแม่ทัพกวนจำข้าได้หรือไม่”
เซียวรั่วไห่เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นกวนจางหนิงมองไปทางอวิ๋นหลิงจื้อที่เดินตามหลังเข้ามาด้วยแววตาสงสัย ชายหนุ่มเกิดความสงสัยขึ้นในใจ เขามองไปทางอวิ๋นหลิงจื้ออย่างค้นหา
อวิ๋นหลิงจื้อจ้องไปทางกวนจางหนิงนิ่งด้วยสีหน้าไม่สู้ดี เขาไม่รู้ว่าเหตุใดท่านพ่อจึงไม่พาอวิ๋นหลานหนีไปก่อน
“ท่านพี่รอง!” กวนจางหนิงเอ่ยเรียกอวิ๋นหลิงจื้อด้วยความสงสัย
เซียวรั่วไห่ขมวดคิ้วแน่น เขาหันไปมองอวิ๋นหลิงจื้อที่กำลงจากหลังม้า
อวิ๋นหลิงจื้อกำมือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังแน่น จากนั้นกล่าวกับเซียวรั่วไห่ “ผู้นี้คือน้องชายในตระกูลที่ท่านลุงช่วยชีวิตกลับมาเมื่อปีที่แล้วขอรับ ได้ข่าวว่าท่านลุงพบเขาที่นอกแคว้น ท่านลุงรู้สึกถูกชะตาจึงรับเขาเป็นบุตร เขาถือเป็นทายาทของตระกูลอวิ๋นขอรับ”
“ท่านพี่รอง ท่านกล่าวสิ่งใด!” กวนจางหนิงขมวดคิ้วแน่น จากนั้นปักดาบลงบนพื้นด้านข้าง “ข้าคือบุตรชายแท้ๆ ของท่านพ่อและท่านแม่ ข้าได้รับบาดเจ็บตอนทำสงคราม ท่านพ่อจึงพาข้ากลับบ้าน เหตุใดข้าจึงกลายเป็นบุตรบุญธรรมได้”
“ใต้เท้าอวิ๋น…” เซียวรั่วไห่กล่าวขึ้น
อวิ๋นหลิงจื้อกำหมัดแน่น เขาเหลือบมองไปทางกวนจางหนิงแวบหนึ่ง สีหน้ากระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที
“หลังจากแม่ทัพกวนหายดีแล้ว เขาจำเรื่องในอดีตไม่ได้อย่างนั้นหรือ” เซียวรั่วไห่ถามในสิ่งตัวเองกำลังสงสัยอยู่
กวนจางหนิงมองไปทางเซียวรั่วไห่อย่างสำรวจด้วยความหวาดระแวง เม้มปากไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น
“แม่ทัพกวน ท่านถูกซีเหลียงหลอกแล้ว…” เซียวรั่วไห่กล่าวกับกวนจางหนิงต่อหน้าอวิ๋นหลิงจื้ออย่างไม่คิดปิดบังด้วยเสียงราบเรียบ “ซีเหลียงคงอยากหลอกใช้ท่านฝึกฝนทหารให้พวกเขาจึงบอกว่าท่านคือคนของตระกูลอวิ๋น ท่านไม่ใช่คนตระกูลอวิ๋น ท่านแซ่กวน บ้านเกิดอยู่ที่อำเภอเฟิง ท่านเข้าร่วมกับกองทัพไป๋เพราะต้องการต่อสู้กับซีเหลียง ภรรยาและบุตรชายของท่านล้วนเสียชีวิตด้วยคมดาบของซีเหลียง!”
ใบหน้าที่ดำคล้ำเพราะแดดเผาของกวนจางหนิงซีดเผือด เขามองไปทางอวิ๋นหลิงจื้อ “พี่รอง!”
อวิ๋นหลิงจื้อมองไปทางกวนจางหนิงพลางพยักหน้า
กวนจางหนิงยืนตะลึงอยู่กับที่ เขารู้สึกราวกับถูกฟ้าฝ่าที่กลางศีรษะ
“แม่ทัพกวน!” เซียวรั่วไห่ก้าวเข้าไปด้านหน้า เอื้อมมือหวังช่วยประคองแขนของกวนจางหนิง “เสี่ยวไป๋ไซว่ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีแล้ว บัดนี้ต้าจิ้นกลายเป็นแคว้นต้าโจวแล้ว เสี่ยวไป๋ไซว่ส่งคุณชายสามมารับท่านกลับบ้านขอรับ!”
อวิ๋นหลิงจื้อมองไปทางกวนจางหนิงนิ่งๆ แวบหนึ่ง จากนั้นก้มหน้าหลีกทางให้อย่างไม่กล้าขัดขวาง
“แม่ทัพกวน พวกเรากลับบ้านกันเถิดขอรับ…” เซียวรั่วไห่ประคองกวนจางหนิงพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
กวนจางหนิงชักแขนกลับจากการเกาะกุมของเซียวรั่วไห่ จากนั้นกล่าวขึ้น “ข้าจะกลับไปถามคนในตระกูลอวิ๋นให้รู้เรื่อง”
“อวิ๋นหลาน ไม่จำเป็นหรอก!” อวิ๋นหลิงจื้อมองไปทางกวนจางหนิงนิ่ง “เจ้าไม่เคยสงสัยเลยหรือว่าเหตุใดนามของเจ้าจึงไม่เหมือนกับพี่น้องคนอื่นๆ ในตระกูล นามของพวกเราล้วนมีคำว่าหลิง ทว่า เจ้ากลับมีนามว่าอวิ๋นหลาน”
ลมจากในป่าทึบพัดโชยออกมา ใบไม้ส่งเสียงซู่ซ่าเล็กน้อย แสงตะวันลับขอบฟ้าแล้ว ความมืดค่อยๆ คืบคลานมาจากฝั่งตะวันตก ดวงดาวเริ่มส่องแสงระยิบระยับ
กวนจางหนิงเม้มปากแน่น แววตาซ่อนอยู่ในความมืด
อวิ๋นหลิงจื้อกล่าวขึ้น “กลับไปเถิด บัดนี้ซีเหลียงไม่สามารถต้านทานต้าโจวได้ ดังนั้นพวกเราจึงทำได้เพียงปล่อยเจ้าไป ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยฝึกฝนทหารค่ายหั่วอวิ๋นให้ซีเหลียง”
“แม่ทัพกวน ไปกันเถิดขอรับ!”
คืนนั้น เซียวรั่วไห่พากวนจางหนิงมุ่งหน้าไปยังด่านชิวซานอย่างรวดเร็ว
คืนนั้น ไทเฮาแห่งซีเหลียงประชวรหนัก มีราชโองการเรียกตัวประมุขของแปดตระกูลเข้าวังไปสั่งเสียเรื่องต่อจากนี้
คืนนั้น คลังเสบียงอาหารของตระกูลทั้งแปดถูกไฟเผา วังหลวงในเมืองหลวงอวิ๋นจิงของซีเหลียง…เลือดนองเป็นแม่น้ำ