สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 5 ตอนที่ 51
สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด – บทที่ 51 ไม่รู้จักกัน
บทที่ 51 ไม่รู้จักกัน
โดย
Ink Stone_Fantasy
เหล่าเฝิงจำได้ว่า ครั้งสุดท้ายที่เขาขึ้นลิฟต์ ยังไม่ถึงช่วงเร่งพัฒนาครั้งยิ่งใหญ่ของเมืองนี้เลย อีกทั้งลิฟต์สมัยนั้นก็ไม่ได้เงียบและทันสมัยแบบในปัจจุบัน
การจะไปชั้นยี่สิบเจ็ดต้องใช้เวลาพอสมควร
ยังพอมีเวลาอยู่บ้าง เหล่าเฝิงจึงมองดูแผ่นโลหะภายในลิฟต์ มันทั้งเรียบและเกลี้ยงเกลามากพอที่จะสะท้อนเงาของคนได้อย่างเลือนราง
แม้ว่าตอนออกจากบ้าน เขาจะจัดระเบียบรูปลักษณ์ตัวเองไปแล้วครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ตอนนี้เหล่าเฝิงยังคงอดมองเงารางๆ เช็กความเรียบร้อยไม่ได้ เขาจัดระเบียบหูกระต่ายของตัวเอง แล้วก็คิดจะดูสักหน่อย ว่าผมของเขายุ่งหรือเปล่า
เขาไม่เคยตื่นเต้นเท่านี้มาก่อนเลย
ตอนที่ลิฟต์ส่งเสียงดังติ๊งหนึ่งครั้ง เหล่าเฝิงถึงได้สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ แล้วใส่ผ้าปิดปากที่ หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป จับแว่นที่ตัวเองซื้อมาใหม่ เดินไปตรงหน้าประตูห้องอะพาร์ตเมนต์ห้องหนึ่ง แล้วกดกระดิ่ง
เขาราวกับได้ยินเสียงหัวใจเต้นชัดขึ้นทีละน้อย ทีละน้อย กำมือแน่นแล้วก็คลายมือออก พอคลายออกก็กำไว้แน่นอีก จนมือเปียกชื้นโดยไม่ทันรู้ตัว
การรอคอยเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้เหมือนกับการชะลอเวลาแบบไม่มีที่สิ้นสุด จนถึงวินาทีที่ประตูเปิดออก
“โอ้ ช่างโจวมาแล้วเหรอ ตรงเวลาจริงๆ ครับ!” โจวจื่อเหาเปิดประตู แล้วมองดูท่าทางของช่างคนนี้ “ทำไมใส่ผ้าปิดปากล่ะครับ?”
เหล่าเฝิงแสร้งพูดเสียงแหบเล็กน้อย “เป็นหวัดนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรมากหรอกครับ”
“จื่อเหา ช่างคนนั้นมาแล้วเหรอ?” ถาวซย่ามั่นเดินตามมาด้านหลังโจวจื่อเหา หญิงสาวมองดูท่าทางช่างที่อยู่ตรงหน้าคนนี้พร้อมกับรอยยิ้ม เธอเอียงคอเล็กน้อย รู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง
“อย่ายืนอยู่เลยครับ เข้ามาก่อนเถอะ” โจวจื่อเหารีบพูดเชิญ
ถาวซย่ามั่นถึงได้พยักหน้า “ช่างโจวใช่ไหมคะ? นั่งก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันไปรินชามาให้”
“ไม่ ไม่ต้องหรอกครับ” เหล่าเฝิงพูดเสียงเบา “ผมรู้สึกเจ็บคอ วันนี้จะพยายามกินของให้น้อยหน่อย…ผมวัดขนาดตัวเสร็จก็จะไปแล้วครับ”
ถาวซย่ามั่นเองก็ไม่ได้ใส่ใจ แค่ต้อนรับพาตัวเขาเข้ามาแบบยิ้มๆ โจวจื่อเหาดันเธอจากข้างหลังเบาๆ เดินไปพูดไปว่า “กว่าจะหาช่างคนนี้เจอ ฉันต้องลำบากมากเลยนะ คุณอย่าทำให้เขาลำบากใจเลย”
ถาวซย่ามั่นมองค้อนว่าที่สามีตัวเองทีหนึ่ง
เธอหันกลับไปมองช่างคนนี้ และพบว่าเขากำลังจ้องเธอตาเขม็ง ตอนที่สายตาประสานกัน เขากลับเบนสายตาหนีทันที แล้วเริ่มเตรียมของจากกระเป๋าหนังในมือตัวเอง
“ไม่ได้เห็นของโบราณพวกนี้มานานมากแล้ว” ถาวซย่ามั่นเหม่อลอยไปเล็กน้อย ราวกับถูกดึงเข้าไปอยู่ในห้วงแห่งความทรงจำ
“คงจะใช่ ดูคลาสสิกดี” โจวจื่อเหายิ้มแล้วพูดว่า “เธอไม่รู้หรอกว่าในบ้านช่างคนนี้ มีกลิ่นอายของโบราณที่น่าสนใจกว่านี้อีกปิ”
“จริงหรือ? มีโอกาสฉันก็อยากลองไปดูบ้าง” ถาวซย่ามั่นพูดพร้อมรอยยิ้ม
แต่เหล่าเฝิงกลับกระแอมไอออกมาหลายครั้ง เขาถือไม้บรรทัดที่ใช้วัดตัวเอาไว้ กำลังเดินก้มหน้าผ่านมาแล้วพูดว่า “เริ่มวัดตัวเถอะ หันตัวไปหน่อย ผมจะวัดส่วนสูงก่อน”
แล้วถาวซย่ามั่นก็หันตัวไป
เหล่าเฝิงย่อตัวลงมาช้าๆ แล้ววางปลายฝั่งหนึ่งของไม้บรรทัดลง เขาตั้งใจมากอย่างเห็นได้ชัด นิ้วมือหนีบขีดระดับบนไม้บรรทัดทีละนิ้วๆ แล้วมองตัวเลขของมันทีละครั้ง
เขาค่อยๆ ออกแรงเขียนตัวเลขทีละตัวลงไปมากเป็นพิเศษ
“กางแขนออกหน่อยครับ ตอนนี้จะวัดความยาวแขนเสื้อ”
ถาวซย่ามั่นก็อ้าแขนสองข้างออก มองว่าที่สามีของตัวเอง พูดยิ้มๆ ว่า “รู้ไหม เวลาวัดตัวตัดชุดแบบนี้ รู้สึกวิเศษสุดๆ ไปเลย…จริงสิ ช่างโจวเร่งเวลาหน่อยได้ไหมคะ? ชุดแต่งงานเย็บมือคงใช้เวลาไม่น้อยเลยใช่ไหมนะคะ?”
“ทันแน่นอน คุณวางใจได้ครับ”
“งั้นรบกวนช่างด้วยนะคะ” ถาวซย่ามั่นพูดด้วยความซาบซึ้ง…เธอรู้ระยะเวลาตัดเย็บชุดแต่งงานโบราณด้วยมือเป็นอย่างดี
ถึงแม้จะเป็นนักธุรกิจ ตอนที่เผชิญหน้ากับคำถามแบบนี้ของลูกค้า ก็จะต้องตอบตามนี้ แต่ไม่รู้ว่าทำไม ถาวซย่ามั่นถึงคิดว่าช่างคนนี้เหมือนป่าวประกาศมากกว่าให้คำสัญญา
แปลกมาก…เหมือนเคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
ไม่นานนัก
“วัดเสร็จแล้ว ผมจะรีบตัดชุดให้โดยเร็ว แล้วจะเอามาให้คุณลองใส่ เพื่อปรับแก้อีกครั้ง” เหล่าเฝิงหันตัวไปเงียบๆ เขาเก็บอุปกรณ์ของตัวเองไปพร้อมๆ กับพูดเสียงเบา
ถาวซย่ามั่นมองดูภาพด้านหลังนี้ แล้วเผลอถามไปว่า “ช่างโจว…ฉันเคยเจอช่างที่ไหนมาก่อนหรือเปล่าคะ?”
มือของเหล่าเฝิงแข็งทื่อทันที แต่กลับคืนสู่สภาวะปกติอย่างรวดเร็ว
“จะบอกว่าที่นี่ใหญ่ก็ไม่ใหญ่ เล็กก็ไม่เล็ก อาจจะเคยพบกันเมื่อก่อนก็ได้”
“ก็จริงค่ะ” ถาวซย่ามั่นยิ้ม แล้วก็คิดว่าตัวเองถามคำถามน่าเบื่อออกไปเสียแล้ว
แต่เธอกลับอดถามต่อไม่ได้…เผลอหลุดปากถามไปอีกว่า “ช่างโจว ทำงานตัดเย็บมากี่ปีแล้วคะ?”
“หลายสิบปีได้แล้วมั้ง”
“คุณ…คุณรู้จักช่างตัดเสื้อคนหนึ่งไหมคะ? เขาตัดกี่เพ้าโดยเฉพาะเหมือนกัน เขาแซ่เฝิงค่ะ” ถาวซย่ามั่นชะงักไป “ฉันว่า น่าจะเป็นเรื่องที่ผ่านนานมาแล้วนะคะ”
“ไม่รู้จักครับ” เหล่าเฝิงไม่ได้หันกลับมา “ในเมื่อคุณมีช่างตัดเสื้อเก่าแก่ที่รู้จักอยู่แล้ว ยังมาหาผมอีกทำไม?”
ถาวซย่ามั่นรีบโบกมือแล้วพูดว่า “ช่างเข้าใจผิดแล้วค่ะ ฉันไม่ได้จะว่าอะไรช่าง แค่ช่วยลองถามให้คนอื่นเท่านั้นเองค่ะ…ฉันชอบแบบชุดที่ช่างวาดมากจริงๆ นะคะ! จริงๆ ค่ะ! จะว่าไป ฉันว่าช่างเฝิงคนนั้นคงไม่ได้ตัดเสื้อมาตั้งนานแล้วล่ะค่ะ”
“ผมจะรีบทำชุดให้เสร็จ ถ้ามีข่าวผมจะรีบแจ้งให้พวกคุณรู้ล่วงหน้า”
เหล่าเฝิงกำลังจัดเก็บกล่องอุปกรณ์ของตัวเอง แล้วเดินจากไปทีละก้าว โดยไม่หันหน้ากลับมา แล้วก็ไม่ยอมให้ไปส่ง
ทางที่เดินมากับทางที่เดินจากไปนั้นยาวนานเหมือนกัน
…
“เป็นอะไรไป? ไม่สบายเหรอ”
โจวจื่อเหาเห็นซย่ามั่นกำลังมองวิวเมืองนี้อยู่บนดาดฟ้าคนเดียว จึงเข้าไปกอดเธอจากทางด้านหลังเบาๆ
“เปล่าหรอก กำลังคิดเรื่องบางอย่างค่ะ” ถาวซย่ามั่นตอบเสียงแผ่ว
“ยังคิดเรื่องของช่างโจวเมื่อกี้อยู่อีกเหรอ”
“ไม่รู้ว่า…จะตัดชุดกับเขาดีหรือเปล่า”
“หรือว่ากังวลช่วงก่อนแต่งงานเหมือนที่ช่างคนก่อนพูด?” โจวจื่อเหาจับไหล่ของถาวซย่ามั่น “ฉันว่าช่วงนี้เธอดูใจลอยบ่อยเลยนะ”
“เธอน่ะสิที่วิตกกังวล” ถาวซย่ามั่นส่ายหัว แล้วถามว่า “จื่อเหา…ถ้าฉันมีเรื่องที่ปิดบังเธอไว้ เธอจะทำยังไง?”
“อืม…”โจวจื่อเหาคิดอยู่สักพักแล้วถามกลับ “เธอมีเรื่องอะไรปิดฉันอยู่เหรอ ตั้งแต่พวกเราเริ่มรู้จักกัน เธอก็บอกเรื่องคุณลุงถาวเก็บเธอมาเลี้ยงแล้วนะ”
“แต่เรื่องก่อนที่ฉันจะถูกเก็บมาเลี้ยง เธอไม่รู้ไม่ใช่เหรอ”
“ฉันไม่อยากรู้นี่” โจวจื่อเหาให้คำตอบแบบนี้ออกมา “หรือควรบอกว่า ฉันไม่สนใจเรื่องที่เธอไม่อยากบอกหรอก เพราะว่า…”
เขาจับถาวซย่ามั่นหันตัวมา แล้วพูดด้วยเสียงเบาๆ ว่า “ฉันรู้ว่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันคือซย่ามั่นที่ฉันชอบ เท่านี้ก็พอแล้ว”
“ปากหวานเหลือเกินนะ” ถาวซย่ามั่นส่ายหัว แต่กลับก้มหน้าลง ซบหน้าลงบนอกของอีกฝ่าย แล้วพูดเสียงแผ่วเบา “ขอเวลาฉันหน่อย …”
…
…
“อือ ฝีมือชายชราคนนี้ดีมากจริงๆ”
คุณสาวใช้กำลังดูชุดทีละตัวบนราวแขวนเสื้อที่ถูกฝุ่นจับมากมาย…อยู่ในบ้านหลังเก่าหลังนี้
แน่นอนว่า เจ้าของบ้านหลังเก่าที่แท้จริงนั้นออกจากบ้านไปตั้งนานแล้ว
ลั่วชิวเข้าใจนิสัยของโยวเย่ดี…ความจริงแล้วเธอเป็นประเภทที่จู้จี้กับของกินมาก เกรงว่าในช่วงชีวิตแสนยาวนานของเธอคงเคยพบเห็นสิ่งของสวยงามมาแล้วมากมาย ของที่ต้องตาเธอย่อมต้องน้อยลงมาตามกาลเวลา
“งั้นลองใส่ดูสิ” เจ้าของร้านลั่วพูดเสนอทันที
คุณสาวใช้หันกลับมา มองนายท่านของตัวเองอย่างฉงน
ลั่วชิวจึงพูดยิ้มๆ ว่า “ชายแก่คนนั้นไม่กลับมาเร็วๆ นี้หรอก แค่ลองใส่หน่อยไม่เห็นเป็นไรนี่”
โยวเย่เลือกชุดกี่เพ้าสีขาวติดกระดุมด้านหน้าเรียบๆ ตัวหนึ่งออกมา แล้วรูดม่านที่ติดไว้แบบง่ายๆ ไว้สำหรับให้ลูกค้าใช้เปลี่ยนเสื้อผ้า
ลั่วชิวเริ่มตรวจตราของที่นี่ไปมา พวกชุด แบบร่างที่เคยออกแบบ กรรไกรที่เคยวางไว้ตรงนี้ จักรเย็บผ้าที่อยู่ตรงนี้ …ลอยขูดตื้นๆ แต่ละรอยที่อยู่บนกำแพง
แล้วเจ้าของสมาคมก็หลับตาลงช้าๆ
เขาได้ยินเสียงหัวเราะที่เคยดังอยู่ที่นี่ สุดท้ายเขาก็มาอยู่ตรงข้างกำแพง มองดูรูปติดบนข้างฝา
คงจะเป็นความเคยชินของเหล่าเฝิง ทุกครั้งที่ทำชุดของลูกค้าเสร็จชุดหนึ่ง ก็จะถ่ายรูปติดเอาไว้ที่นี่
รูปภาพซีดเหลืองไปนานแล้ว แต่ก็ถูกเช็ดทำความสะอาดใหม่อีกครั้ง…ความจริงตอนเข้ามาที่นี่ก็เสะอาดมากแล้ว
ดูไปดูมา ลั่วชิวก็ยื่นมือออกไปดึงรูปภาพบนผนังใบหนึ่งออกมาเบาๆ
ในขณะเดียวกันเขาก็ได้ยินเสียงดึงผ้าม่าน เขารู้ว่าโยวเย่อยู่ข้างหลังเขาแล้ว…จะต้องสวยมาก?
เพียงแต่เจ้าของร้านลั่วกลับไม่ได้หันกลับมา ทว่าเอาแต่มองรูปภาพที่อยู่ในมือใบนี้ แล้วเผยรอยยิ้มอบอุ่น
“นายท่านนี่คือ?” คุณสาวใช้มองดูแวบหนึ่ง เธอพบว่ารอยยิ้มของผู้หญิงบนรูปภาพใบนี้สวยงามยิ่ง
ดูเป็นผู้หญิงที่อบอุ่นและใจดีคนหนึ่ง
“แม่ฉันเอง”
ลั่วชิวพูดเสียงเบาๆ “เมื่อก่อนแม่เคยมาที่นี่ นี่คือชุดที่แม่ใส่ตอนแต่งงานกับพ่อฉัน บ้านหลังเก่าของฉันยังมีรูปคู่ของพวกเขาอยู่เลย…ที่แท้แม่ก็ตัดชุดแต่งงานที่นี่เอง”