สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 5 ตอนที่ 56
สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด – บทที่ 56 เรื่องราวของนายช่าง
บทที่ 56 เรื่องราวของนายช่าง
โดย
Ink Stone_Fantasy
มีการ์ดลูกค้าวางอยู่ตรงหน้าลั่วชิวทั้งหมดเจ็ดใบ
นี่คือสิ่งที่ภูตดำหมายเลขสิบแปดส่งมาให้เขาราวๆ สองครั้ง แน่นอนว่าทูตภูตดำไม่กล้ารบเร้าเจ้าของร้าน หากเจ้าของร้านไม่สนใจ การ์ดลูกค้าเหล่านี้ก็จะถูกกองอยู่อย่างนี้ไปตลอด
ไม่รู้ว่าเจ้าของร้านสมัยก่อนจะคุ้นชินกับการ์ดลูกค้าที่กองพะเนินนี้ไหมนะ แต่นับจากนี้เขาคงชินแล้วล่ะ
ย้อนกลับไปที่กฎการซื้อขายของสมาคม
ลูกค้าที่เดินเข้ามาเอง เป็นพวกมีความปรารถนาอันแรงกล้า ส่วนลูกค้าที่ทูตภูตดำหามา ก็พัฒนาเป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อมากที่สุดได้เช่นกัน…แน่นอนว่า คนที่จะเป็นลูกค้าได้นั้นต้องมีกำลังซื้อมากกว่าคนทั่วไปไม่มากก็น้อย
พอเจ้าของร้านเลือกลูกค้าแล้ว ทูตภูตดำก็ดำเนินการขั้นต่อไป โหมไฟปรารถนาที่ซ่อนอยู่ในใจลูกค้าจนมากขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีกรณีแบบติงตงเซิง นั่นก็คือลูกค้าจะอยู่ในสถานการณ์ประหลาด เพียงแค่สะกิดเรื่องในใจนิดหน่อย เขาก็มีคุณสมบัติเดินมาถึงสมาคมแล้ว
ภูตดำหมายเลขสิบแปดคือคนเก่าแก่ในกลุ่มทูตภูตดำ คนฉลาดอย่างเธอคงพอเดาได้ ว่านายท่านคนใหม่จะกองการ์ดลูกค้าเอาไว้แบบนี้
ดังนั้นเธอจึงไม่ปล่อยลูกค้าที่พัฒนาได้ไปเลยสักคน…เพราะนี่ก็นับเป็นส่วนหนึ่งของผลงานเธอเช่นกัน
“ไต้โหย่วไฉ สวีจ้าว แล้วยังมีติงตงเซิง…อืม จ้าวหรู”
การ์ดลูกค้าทั้งเจ็ดใบนี้มีชื่อสี่คนนี้ปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจน
เจ้าของสถาบันที่อยู่ในประกาศจับ คนที่ถูกตำรวจคุมขัง คนที่จมกับความเศร้าจากการตายของหญิงอันเป็นที่รัก และคนที่เคยใช้ข้อมูลนักเรียนมาหาผลประโยชน์ ซ่อนตัวอยู่ในที่พักคนไร้บ้าน และเป็นนักโทษหญิงหลบหนีด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่ายังมีชื่อแปลกๆ อีกสามชื่อ
แต่ว่า
“ท่าทางพนักงานเก่าแก่คนนี้ คงเชี่ยวเรื่องขุดหาลูกค้าจากเหตุการณ์เดียวกันนะ”
“นี่เป็นวิธีการของภูตดำหมายเลขสิบแปดค่ะ” คุณสาวใช้ที่กำลังรินชาอยู่พูดเสียงเบา “ความขัดแย้งระหว่างผู้เกี่ยวข้อง ความขัดแย้งระหว่างศัตรู ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่าย เกลียวของความขัดแย้งคือเหวนรก เหวนรกล่อลวงให้ผู้คนหลุดเข้าไปข้างในได้ง่ายดาย”
ลั่วชิวหัวเราะ แล้วรวบการ์ดลูกค้าในมือเข้าด้วยกันราวกับไพ่โป๊กเกอร์ หลังจากเขาล้างไพ่ไปหลายรอบแล้ว ก็กระจายไพ่ไปบนโต๊ะทีละใบ ทีละใบ
เขาจ้องไปที่สาวใช้แล้วพูดว่า “มานี่สิ เลือกสักมาใบ”
โยวเย่มองนายท่านของตนอย่างฉงน แต่เธอก็ทำตามความต้องการของนายท่านเสมอ
คุณสาวใช้ไม่ได้พูดอะไร เธอยื่นมือออกไปหยิบไพ่ตามใจคิด แน่นอนว่าเธอไม่ได้แอบมองชื่อบนการ์ดเลย
นี่เหมือนจะเป็นเกมที่ให้โอกาสตัดสินใจเกมหนึ่ง
คุณสาวใช้หยิบไพ่ตรงกลาง จากนั้นก็หงายไพ่ขึ้น มองแวบหนึ่ง แล้วอ่านชื่อที่ปรากฏอยู่บนการ์ดลูกค้า
“จ้าวหรู”
ลั่วชิวดันโต๊ะ แล้วดันเก้าอี้ออก ก่อนลุกขึ้นยืน แล้วรับการ์ดลูกค้าไปจากมือโยวเย่ เขาหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “พนักงานเก่าขยันทำงานขนาดนี้ พวกเราจะมองข้ามไม่ได้นะ ต้องตอบสนองสักหน่อย”
…
…
ไท่อินจื่อกำลังนอนอาบแดดอยู่บนสนามกีฬาในคุก
เขายื่นเท้าออกมา มีคนคอยนวดขาเขาอยู่อย่างเบามือทั้งข้างซ้ายและขวา ด้านหลังยังมีชายหัวโล้นคอยทุบหลังให้เขาด้วย
ไท่อินจื่อได้รับเกียรติจากนักโทษในคุกหมายเลขสิบแปดให้เป็น ‘หัวหน้า’ ของพวกเขา ตอนนี้กำลังแทะแตงโมซึ่งเป็นของบรรณาการเล็กๆ น้อยๆ
ไท่อินจื่อไม่สนว่าธรรมเนียมเมื่อก่อนเป็นยังไง ขอแค่เขาได้ของบรรณาธิการก็พอแล้ว
“ออกแรงหน่อยสิ! ไม่ได้กินข้าวมาหรือไง หรือว่ายังไม่ได้ดื่มนม ฉันใช้เจ้าอ้วนจางมาเสิร์ฟให้ไหม ฮ่าๆ!”
ตอนที่ทูตภูตดำมือใหม่ฝึกหัดตนนี้ใช้ชีวิตเยี่ยงราชาอยู่ที่นี่ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าข้างนอกกำแพงสูง มีภูตดำรุ่นพี่กำลังจ้องมองเขาอยู่อย่างเย็นชา
“ไม่เห็นน่ากลัวตรงไหน”
ภูตดำหมายเลขสิบแปดจ้องมองอยู่หลายที แล้วก็ส่ายหัว จากนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว…คนเก่าดูแลคนใหม่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ภูตดำหมายเลขสิบแปดตัดสินได้เลยว่า ทูตใหม่ตนนี้ไม่มีทางคุกคามตำแหน่งของเธอได้เลย…แม้ว่าจะเปลี่ยนนายท่านคนใหม่ หรือว่ายังไงก็ตาม
ขณะที่ภูตดำหมายเลขสิบแปดวางแผนเตร็ดเตร่อยู่ที่นี่ต่อเพื่อหาลูกค้าเพิ่ม เธอกลับหยุดความคิดลงทันที
ภูตดำหมายเลขสิบแปดที่หยุดความคิดไว้ กอดอกด้วยท่าทางจดจ่ออย่างมาก
ในขณะเดียวกัน เธอก็เห็นการ์ดส่องแสงสีขาวใบหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ ก่อนลดระดับลงมาอยู่ตรงหน้าเธอช้าๆ นี่ก็คือการ์ดข้อมูลลูกค้า
ตอนที่การ์ดค่อยๆ ลดมาอยู่ในระดับสายตาของเธอ ภูตดำหมายเลขสิบแปดก็ก้มหัวลงน้อยๆ ยื่นสองมือออกไปอย่างนอบน้อม แล้วหยิบการ์ดข้อมูลนี้มา
หลังจากการ์ดข้อมูลมาอยู่ในมือเธอ มันก็เปลี่ยนเป็นสีดำ
ภูตดำหมายเลขสิบแปดตาเป็นประกาย เธอส่งการ์ดไปเจ็ดใบ ในที่สุดก็ได้รับการ์ดคืนมาใบหนึ่ง นับว่าไม่เสียแรงเปล่า
หลังจากรับการ์ดสีดำใบนี้มาแล้ว ภูตดำหมายเลขสิบแปดก็หันกลับมามองกำแพงสูงของเรือนจำนี้แวบหนึ่ง เธอยิ้มหยันอย่างเย็นชา เวลานี้จะได้ออกไปจากที่นี่แล้วจริงๆ สินะ
…
“ท่านเฝิง แรงประมาณนี้พอไหมครับ”
ล่าลี่ซานที่กำลังทุบหลังอยู่ถามขึ้นอย่างประจบสอพลอ
แต่ไท่อินจื่อกลับมีท่าทางลุกลี้ลุกลน สักพักเขาก็นั่งลง…เขาเพิ่งจะรู้สึกเหมือนถูกใครแอบมองอยู่
‘คงไม่ใช่นายท่านหรอกนะ?’
‘นายท่านเห็นพฤติกรรมในนี้ของข้า แล้วไม่ชอบหรือ’
ไท่อินจื่อยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้มาก สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที ลุกขึ้นยืนโดยไม่พูดอะไร จากนั้นก็ก้มหน้าเดินลงไปยังที่พักของตน ไม่ตอบรับแม้แต่เสียงทักทายเล็กๆ น้อยๆ ด้านหลัง
เจ้าอ้วนจางเห็นแบบนี้ก็ตบหัวล่าลี่ซานอย่างโมโห ด่าว่าด้วยความโกรธแค้น “ล่าลี่ซาน แกทำให้ท่านเฝิงโกรธใช่ไหม”
“ผม ผมเปล่านะ!”
“เปล่า? เปล่าแล้วทำไมจู่ๆ ท่านเฝิงถึงเป็นแบบนั้นล่ะ บอกมานะ แกทำอะไรผิดหรือเปล่า”
“ผมเปล่าจริงๆ นะครับ!”
“เจ้าอ้วนจาง อย่าตีล่าลี่ซาน ไม่เกี่ยวกับเขาหรอก”
เวลานี้ มีเสียงลอยมาจากด้านหลังของเจ้าอ้วนจาง…นั่นคือเสียงของโจวเสี่ยวคุน
เจ้าอ้วนจางรู้ว่าโจวเสี่ยวคุนสนิทกับเหล่าเฝิง เขาจึงรีบฉีกยิ้มพูดว่า “พี่โจว พี่อยู่ที่นี่หรือ…พี่รู้ไหมทำไมท่านเฝิงถึงอารมณ์ไม่ดี”
เจ้าอ้วนจางรู้สึกว่าตาแก่ที่อยู่ในคุกนี้มาสิบกว่าปีจะต้องเป็นยอดคน เจ้าอ้วนจางอยู่ในคุกอีกสองสามปีก็ได้ออกไปแล้ว เขารู้สึกว่าตัวเองต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ดี
หากเรียนรู้วิชาต่างๆ จากตาแก่นี่ได้ พอออกจากคุกไปแล้ว เขาต้องยิ่งใหญ่ดุจมังกรแห่งท้องทะเลแน่นอน!
“ฉันต้องรู้อยู่แล้ว ว่าทำไมพี่ชายผมถึงไม่มีความสุข” โจวเสี่ยวคุนส่ายหัว เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “พวกนาย อย่าดูสภาพพี่ชายฉันตอนนี้เลย ที่จริงเมื่อก่อนเขาไม่ได้เป็นแบบนี้หรอก แต่ไม่นานมานี้เขาเจอเรื่องสะเทือนใจมา ก็เลยไม่ค่อยปกติ”
เจ้าอ้วนจางหยิบแตงโมขึ้นมาหนึ่งชิ้น ปัดฝุ่นบนเก้าอี้ “พี่โจว มาๆ นั่งก่อนๆ กินแตงโมให้ชุ่มคอสักหน่อยสิ เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
คนคุกพวกนี้มีมารยาทกับโจวเสี่ยวคุนตั้งแต่เมื่อไรกัน ทำเอาเขาเหลิงจนตัวเบาดุจขนนก จากนั้นก็พูดไม่หยุดว่า “พี่ชายคนนี้ ทำเพื่อลูกสาวของตัวเองทั้งนั้น”
“ลูกสาว?”
“ฉันจะบอกอะไรให้นะ ความจริงแล้วพี่ชายของฉันมีลูกสาวอยู่คนหนึ่ง…”
โจวเสี่ยวคุนเล่าเรื่องให้ฟังช้าๆ ก่อนถอนหายใจพูดว่า “ลูกสาวของเขาไม่ยอมมาเจอ เกรงว่าชาตินี้พวกเขาคงไม่ได้เจอกันแล้วล่ะ พี่ชายทุกข์ในใจแบบนี้ก็ไม่แปลก…พวกนายเป็นอะไร?”
“หืม? พวกผมเหรอ พี่โจว?” เจ้าอ้วนจางมองข้างๆ อย่างเหม่อลอย “โธ่เอ๊ย ล่าลี่ซาน แกเป็นบ้าหรือไง ร้องไห้ทำไม”
“พี่ใหญ่…พี่ พี่ก็ร้องเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
เจ้าอ้วนจางรีบยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดหน้าลวกๆ แล้วลุกขึ้นยืน ถอนหายใจพูดว่า “ไม่คิดเลยว่านายช่างจะมีเรื่องน่าเศร้าแบบนี้!”
เขามองทางที่ไท่อินจื่อจากไป เวลานี้เขาตบเข้าที่หน้าอกตัวเองอย่างแรงแล้วพูดว่า “นายช่าง วางใจเถอะ เรื่องของพี่ก็คือเรื่องของเจ้าอ้วนจาง! ผมจะให้ลูกสาวพี่มาหาให้ได้ วางใจเถอะ!”
โจวเสี่ยวคุนตกตะลึง เขาไม่ได้ถามเจ้าอ้วนจางว่าจะช่วยอย่างไร แต่ถามอย่างประหลาดใจว่า “อะไรนะ นายเป็นพี่น้องกับพี่ชายฉันไปตั้งแต่เมื่อไร”
“ในอนาคต” เจ้าอ้วนจางพูดตะเบ็งเสียง “แน่นอน!”