สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 164 เผชิญกับคนของกลุ่มทหารรับจ้างโอหัง
“ถ้าหากเป็นเพียงเพราะการแย่งชิงภารกิจกัน เช่นนั้นโลกของทหารรับจ้างก็ไม่มีกลุ่มทหารรับจ้างที่มีสัมพันธ์อันดีต่อกันแล้วล่ะ” ไป๋อวิ๋นฉีพูด “พวกเราเพียงแค่ไม่ชอบใจกับการที่พวกเขาลงมือโดยไม่เลือกวิธีการเพียงเพื่อให้ภารกิจสำเร็จ นอกจากนี้พวกเขายังชอบอาศัยความที่ตัวเองยิ่งใหญ่กว่าผู้อื่นมาแย่งภารกิจของกลุ่มทหารรับจ้างเล็กๆ อีกด้วย ทำให้คนเห็นแล้วไม่เข้าตาเอาเสียเลย”
“กลุ่มทหารรับจ้างนี้ช่างนิสัยเสียจริงๆ เลย!” เจ้าอ้วนชวีพูด
“ไม่ใช่แค่นิสัยเสียเท่านั้นหรอก ถึงอย่างไรทุกครั้งที่พบกัน ข้าก็ต้องสู้กับพวกเขาอยู่ร่ำไป” ไป๋อวิ๋นฉีพูด “แต่ข้าได้ยินมาว่าคนที่พวกเขาส่งมาในครั้งนี้มีพลังยุทธ์สูงส่งกว่าคนของพวกเรา ถ้าหากข้าเผชิญกับพวกเขาเพียงลำพังก็ยังต้องหลบเลี่ยง มิฉะนั้นหากถูกพวกเขาสังหาร พวกท่านพ่อข้าก็ยังไม่อาจไปคิดบัญชีกับพวกเขาได้เลย ดังนั้นถ้าหากพวกเจ้าไปเจอเข้า จงอย่าได้บอกว่ามากับพวกเราล่ะ”
“อืม พวกเราเข้าใจแล้ว” เว่ยจือฉีรับคำ
ตั้งกระโจมเสร็จเรียบร้อยแล้ว พอพวกซือหม่าโยวเย่ว์สนทนากับคนของกลุ่มทหารรับจ้างเสร็จ เจ้าอ้วนชวีก็ร่ำร้องว่าอยากกินข้าวแล้ว จนถูกคนของกลุ่มทหารรับจ้างเอ่ยแซวรอบหนึ่ง
เจ้าอ้วนชวีเห็นไป๋อวิ๋นฉีหัวเราะไปด้วยจึงพูดว่า “พี่ไป๋ ตอนนี้ท่านหัวเราะ อีกประเดี๋ยวอย่ากินเชียวนะ!”
“พี่ชายอย่างข้าไม่เคยกินอะไรอยู่แล้ว จะไปอิจฉาอาหารของเจ้าได้อย่างไรกัน” ไป๋อวิ๋นฉีพูดพลางหัวเราะ
“หึๆ คอยดูว่าถึงเวลาแล้วท่านจะยังพูดเช่นนี้ได้อยู่อีกหรือไม่” เจ้าอ้วนชวีพูดจบแล้วเขาจึงมองไปทางซือหม่าโยวเย่ว์และเป่ยกงถังอย่างมีความหวัง
ซือหม่าโยวเย่ว์เตะเขาแล้วเอ่ยว่า “ถ้าเจ้าอยากกินก็ไปทำเอาเองสิ ไม่ต้องมาหาพวกเราเลย”
“มือคู่นี้ของข้าทำเป็นแต่การตีเหล็กเท่านั้น จะไปทำของอร่อยกินได้อย่างไรกัน! เป่ยกง เจ้าว่าใช่หรือไม่”
“ข้าไม่เห็นได้ยินอะไรเลย” เป่ยกงถังยิ้มพลางหันหน้าไปอีกทาง
“โยวเย่ว์ พวกเจ้าไม่ได้ทำของกินมาเดือนหนึ่งแล้วนะ ตอนนี้มีเวลาว่างที่หาไม่ได้ง่ายๆ ทั้งที ก็ทำสักหน่อยเถิดน่า” เจ้าอ้วนชวีพูดขอร้อง “เจ้าดูสิ ช่วงนี้ข้าผอมลงไปเยอะเลยนะ ไขมันบนหน้าท้องก็ไม่มีแล้ว”
“พรืด…”
“เอาแต่กินนั่นแหละ!” ซือหม่าโยวเย่ว์ถลึงตาใส่เจ้าอ้วนชวี เอาเถิด ในตอนนี้มิอาจเรียกเขาว่าเจ้าอ้วนได้อีกแล้ว
ปากก็พูดไปอย่างนั้น แต่ซือหม่าโยวเย่ว์ก็ยังหยิบข้าวของออกมาเตรียมทำอาหาร
คืนนี้มีคนอยู่มาก เธอจึงวางแผนจะทำเนื้อย่าง และให้ทุกคนช่วยกันลงมือ
สัตว์อสูรวิเศษที่นำมากินล้วนเป็นสิ่งที่พวกเขาฆ่ามาก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังได้เจ้าวิญญาณน้อยช่วยจัดการให้พวกเขาเป็นอย่างดี เฉือนไว้ให้เป็นแผ่นเรียบร้อยแล้ว
“นี่จะทำเนื้อย่างหรือ” ไป๋อวิ๋นฉีเห็นข้าวของของพวกซือหม่าโยวเย่ว์แล้วถามขึ้น
“ถูกต้อง เนื้อย่างที่โยวเย่ว์ทำนั้นอร่อยยิ่งนัก” เจ้าอ้วนชวีก้มตัวอยู่ข้างกายไป๋อวิ๋นฉีพลางมองเนื้อสดเหล่านั้นราวกับมองเห็นอาหารรสเลิศที่ปรุงเสร็จแล้ว
“ใครไม่เคยกินเนื้อย่างบ้างเล่า รสชาติก็งั้นๆ แหละ” ไป๋อวิ๋นฉีพูดอย่างไม่เห็นสำคัญ
“หึๆ พอถึงเวลาเดี๋ยวท่านก็รู้เอง”
ตอนที่ซือหม่าโยวเย่ว์หยิบเตาย่างที่เตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วออกมา ไป๋อวิ๋นฉีก็เริ่มเชื่อคำพูดของเจ้าอ้วนชวีขึ้นมาบ้างแล้ว ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเห็นตะแกรงย่างเนื้อเช่นนี้มาก่อนเลย
ปกติแล้วทุกคนล้วนเสียบไม้แล้วย่างบนไฟตรงๆ เลย แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีใครย่างเช่นนี้มาก่อน
เป่ยกงถังติดตามซือหม่าโยวเย่ว์มาตลอดสองปีนี้ จึงได้เรียนรู้ไปไม่น้อย และทำอาหารออกมา รสชาติก็ใช้ได้เลยทีเดียว
เพียงไม่นาน กลิ่นหอมของเนื้อย่างก็โชยออกมา คนของกลุ่มทหารรับจ้างเหล่านั้นได้กลิ่นแล้วจึงมารวมตัวกัน หลังจากนั้น… ทุกคนต่างก็ลืมเลือนเรื่องที่หัวเราะเยาะเจ้าอ้วนชวีไปหมด แล้วพากันกินอย่างเป็นธรรมชาติยิ่ง
เนื้อที่ซือหม่าโยวเย่ว์และอีกสองคนย่างย่อมไม่เพียงพอให้คนมากมายเช่นนี้กินอยู่แล้ว จากนั้นเธอจึงหยิบเตาย่างออกมาอีกหลายอันให้ทุกคนลงมือย่างกันเอง
เตาย่างเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าอ้วนชวีทำขึ้นโดยอาศัยคำพูดของซือหม่าโยวเย่ว์ ตอนนั้นทุกคนล้วนไม่เคยคิดมาก่อนว่าเจ้าอ้วนชวีจะสำเร็จเป็นนักหลอมวัตถุได้จริงๆ ถึงอย่างไรอุปนิสัยของเขากับเงื่อนไขในการเป็นนักหลอมวัตถุนั้นก็ห่างไกลกันลิบลับ
แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีพรสวรรค์ในการหลอมวัตถุอย่างที่สุด ถึงแม้ว่ายามปกติจะชอบเอ้อระเหยลอยชาย แต่เมื่อเริ่มต้นหลอมวัตถุแล้วก็ราวกับเปลี่ยนวิญญาณเลยทีเดียว กลายเป็นสงบนิ่ง จิตใจละเอียดอ่อน และสำเร็จเป็นนักหลอมวัตถุได้จริงๆ
ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะยังหลอมอาวุธวิญญาณระดับสูงออกมามิได้ แต่ยังพอหลอมตะแกรงย่างเนื้อได้
ตอนแรกไป๋อวิ๋นฉียังหัวเราะเยาะเจ้าอ้วนชวี แต่พอได้กินเนื้อย่างที่ซือหม่าโยวเย่ว์ทำก็มิอาจหยุดได้เสียแล้ว
เมื่อเห็นว่ามีคนมากินกันมากมายเช่นนั้น จึงให้พวกเขาเขยิบไปด้านข้างแล้วใช้ตะแกรงย่างเนื้อที่ซือหม่าโยวเย่ว์เตรียมให้ย่างกินกันเอง
คนเหล่านั้นจึงต้องจำใจลงมือทำเอง
ในตอนแรกพวกซือหม่าโยวเย่ว์ก็สอนคนเหล่านั้น แต่หลังจากที่พวกเขาลงมือกันเองแล้วก็ไม่ยุ่งกับพวกเขาอีก พอเธอกับเป่ยกงถังย่างได้จำนวนเล็กน้อยแล้วจึงพากันไปกินที่อีกด้านหนึ่ง
ไป๋อวิ๋นฉีเข้ามาหยิบกินอีกสองไม้ หลังจากนั้นจึงเอนตัวลงไปบนพื้นดินด้านหลังอย่างสบายใจพลางตบพุงตัวเองแล้วพูดว่า “โอ้ ไม่ได้กินอะไรมากมายเช่นนี้มาเนิ่นนานแล้ว”
เจ้าอ้วนชวีนั่งลงข้างกายเขาแล้วพูดว่า “เป็นอย่างไรบ้าง พอใช้ได้กระมัง”
“ยิ่งกว่าพอใช้ได้เสียอีก!” ไป๋อวิ๋นฉีพูด “นี่คือเนื้อย่างที่อร่อยที่สุดที่ข้าเคยกินมาในชีวิตนี้เลย”
เมื่อดื่มกินกันจนอิ่มหนำแล้ว คนของกลุ่มทหารรับจ้างจึงแยกย้ายกลับไปพักผ่อน เพราะพื้นที่มีจำกัด ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงเบียดกันอยู่ภายในกระโจมหลังเดียว
ซือหม่าโยวเย่ว์กับเป่ยกงถังเก็บกวาดทำความสะอาดแล้วจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน
บางทีเนื้อย่างเหล่านั้นคงเป็นสิ่งที่ลดระยะห่างระหว่างทุกคน วันต่อมาเมื่อคนของกลุ่มทหารรับจ้างเห็นพวกเขาต่างก็ส่งยิ้มให้ คาดว่าคงพากันคิดอยู่ในใจว่าเมื่อไรเธอจะทำของอร่อยให้กินอีกกระมัง
หลี่ขุยพาคนส่วนหนึ่งออกไปตามหาร่องรอยของจิ้งจอกม่วงตั้งแต่เช้าตรู่ ส่วนคนที่เหลือก็ให้รอรับคำสั่งอยู่ที่ศูนย์บัญชาการ ไป๋อวิ๋นฉีพาพวกซือหม่าโยวเย่ว์ไปเดินเตร็ดเตร่รอบๆ พร้อมกับเล่าเรื่องราวของอาณาจักรจันทร์ประจิมให้ฟังไปด้วย
พวกซือหม่าโยวเย่ว์เองก็ฟังอย่างตั้งใจ จนพวกเขาขยับห่างออกมาจากศูนย์บัญชาการไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“จิ้งจอกม่วง!”
ไป๋อวิ๋นฉีตะโกนดังลั่นขึ้นมาอย่างฉับพลันแล้วรีบเร่งฝีเท้าตามไป ทั้งยังเรียกตัวสุกรแดงสามตาออกมาแล้วพูดว่า “หงหง หากวันนี้เจ้าพลาดอีก ข้าจะจับเจ้ามาทำหมูหันแล้วนะ!”
ทุกคนเห็นเงาร่างสีม่วงสายหนึ่งวาบผ่านสายตาไป จากนั้นไป๋อวิ๋นฉีก็ติดตามไปด้วย ทั้งห้าคนจึงได้แต่ตามไปอย่างเสียมิได้
“จิ้งจอกน้อย อย่าวิ่งสิ ข้ามิได้จะเอาชีวิตเจ้าเสียหน่อย แค่จะขอเลือดเจ้านิดเดียวเท่านั้นเอง เจ้าอย่าวิ่งหนีอีกเลย!” ไป๋อวิ๋นฉีวิ่งไปพลาง ตะโกนไปพลาง
คนที่วิ่งตามอยู่ด้านหลังแทบจะสะดุดล้มหน้าทิ่ม
เจ้าเที่ยวไปตะโกนบอกว่าต้องการเลือดของผู้อื่นเช่นนี้ ผู้อื่นเขาไม่วิ่งหนีสิถึงจะเป็นเรื่องแปลก!
ทั้งหกคนวิ่งไล่ตามสัตว์อสูรไปไกลขึ้นเรื่อยๆ จนไม่เห็นแม้แต่เงาของศูนย์บัญชาการตั้งนานแล้ว
“จ๊ากกกก…”
ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องแหลมของจิ้งจอกม่วงดังลอยมาจากเบื้องหน้า คล้ายว่าได้รับบาดเจ็บเข้าเสียแล้วพวกซือหม่าโยวเย่ว์ตามไปในทันที ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นมา
“ฮ่าๆ คิดไม่ถึงว่าจะมีจิ้งจอกม่วงพาตัวเองมาส่งถึงที่เลย!”
“ท่านหัวหน้ากลุ่ม เจ้าจิ้งจอกม่วงนี่หล่นมาจากสวรรค์จริงๆ! จับจิ้งจอกม่วงตนนี้ได้ ก็นับได้ว่าภารกิจของพวกเราสำเร็จแล้ว!”
“ฮ่าๆ ไม่เลวเลยจริงๆ!”
“ท่านหัวหน้ากลุ่ม ตอนนี้พวกเรากลับกันได้หรือยังขอรับ”
“กลับหรือ ไม่ รอก่อนสิ รอให้พวกเราพาคนมาจัดการให้เรียบร้อยก่อนค่อยว่ากัน”
พวกซือหม่าโยวเย่ว์เลี้ยวมาก็เห็นพวกเขารออยู่เบื้องหน้า ในมือจับจิ้งจอกม่วงตนหนึ่งเอาไว้พลางมองพวกเขาด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
“ฉินอู่!” เมื่อเห็นคนที่อยู่ตรงกลาง สีหน้าของไป๋อวิ๋นฉีก็ออกจะไม่น่าดูอยู่บ้าง
“พวกเขาเป็นใครกัน” เจ้าอ้วนชวีถามเสียงเบา
“ฉินอู่แห่งกลุ่มทหารรับจ้างโอหัง ยอดฝีมือระดับบรรพวิญญาณ” ไป๋อวิ๋นฉีเอ่ยด้วยสีหน้าเข้มขึ้น