สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 - ตอนที่ 43.2
บทที่ 43 หากเจ้าชอบข้า ข้าจะจัดการพวกนางเอง! (2)
Ink Stone_Romance
“โทษสถานหนักของการวางแผนก่อกบฏคือประหารเก้าชั่วโคตร[1] หากเรื่องนี้หลุดออกไป ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหรือข้า แค่ฝ่าบาทไม่พอพระทัย ทั้งตระกูลหลัวก็ต้องรับเคราะห์ไปด้วย เจ้า…” หลัวเสียงเอ่ยอย่างว้าวุ่นใจเช่นกัน แม้อยากจะด่าหลัวอวี่ก่วนอีก แต่ด่าไปตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร?
“ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้ารู้ว่าทำผิดไปแล้ว ข้ารู้ตัวว่าผิดไปแล้วจริงๆ!” หลัวอวี่ก่วนเอ่ยและรีบเงยหน้ามองเขาอย่างอ้อนวอน หลัวเสียงจ้องนางอย่างโกรธแค้น ความคิดมากมายต่อสู้กันในสมอง
ต้องยอมรับว่าใจเขาคิดจะฆ่านางอยู่บ้าง…
หลัวอวี่ก่วนก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ นางต้องตายเท่านั้นเรื่องถึงจะจบ…
นิ้วมือที่ซ่อนอยู่ข้างหลังกำแน่น นัยน์ตาของหลัวเสียงค่อยๆ ฉายแววเย็นเยียบมากขึ้นเรื่อยๆ
ทว่าหลัวอวี่ก่วนกลับไม่สังเกตเห็น นางมัวแต่นั่งเช็ดน้ำตาอยู่บนพื้นตลอด
หลัวเสียงขยับเท้าไปข้างหน้าเล็กน้อย เขาตัดสินใจแล้วว่าจะลงมือ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงสาวใช้ในเรือนที่เข้าเวรกลางคืนเอ่ยเสียงดังว่า “คุณหนูหลัวซืออวี่? ทำไมท่านถึงมาเวลานี้ได้เจ้าคะ?”
“ได้ยินว่าน้องสามอยู่กับพี่สาม ข้ามีเรื่องด่วนจะคุยกับนาง” หลัวซืออวี่กลับเอ่ยอย่างรวดเร็วและเยือกเย็นมากที่สุด
หลัวเสียงเหมือนถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวจนชะงักไปในทันใด
หลัวอวี่ก่วนก็หยุดร้องไห้ในชั่วพริบตาเช่นกัน สายตาของนางจับจ้องไปยังประตูใหญ่ที่ปิดแน่นสนิทอย่างตื่นตกใจ
หลัวเสียงทำใจให้สงบแล้วส่งสายตาให้นาง “ยังไม่ลุกขึ้นอีก!”
เขาเอ่ยพลางปราดเข้าไปลากตัวนางขึ้นมาอย่างแรง
เซียงเฉ่าเช็ดน้ำตาแล้วรีบเข้ามาประคองหลัวอวี่ก่วนไว้
หลังจากนั้นเงาของหลัวซืออวี่ก็ปรากฏบนบานประตู “พี่สาม สะดวกเปิดประตูสักหน่อยหรือไม่?”
พอหลัวเสียงสะบัดรอยยับบนเสื้อผ้าที่หลัวอวี่ก่วนจับเรียบแล้ว เขาก็สูดหายใจลึกแล้วเดินไปเปิดประตู พลางยิ้มเล็กน้อยเอ่ย “ทำไมน้องหญิงถึงมาดึกขนาดนี้?”
“ข้ามีเรื่องอยากถามน้องสามสักหน่อย” หลัวซืออวี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม แต่สายตาของนางกลับมองข้ามเขาไปยังหลัวอวี่ก่วนที่ร้องไห้จนตาบวมแดงและหลบหน้าหลบตาอยู่ด้านหลัง
หลัวเสียงรีบเอ่ย “ข้าดุเรื่องส่วนตัวนางไปนิดหน่อย เจ้าก็รู้ว่าเด็กคนนี้หน้าบาง”
หลัวเสียงเอ่ยพลางเดินเข้าไปช่วยหลัวอวี่ก่วนจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยอีกครั้งด้วยตนเองว่า “ในฐานะพี่ชายข้าดุเจ้านิดหน่อยก็ต้องคิดเป็นจริงเป็นจังหรือ? ใครจะคิดแค้นพี่น้องของตนเองจนข้ามคืนกัน”
หลัวซืออวี่ดูสองพี่น้องแสดงละครแล้ว รอยยิ้มมุมปากพลันเย็นยะเยือกขึ้นมา
นางยืนอยู่ตรงประตูและไม่คิดจะเข้าไปเช่นกัน
ส่วนหลัวเสียงกำลังคิดในใจว่าจะไล่นางกลับไปอย่างไรดี…
อย่างไรเวลานี้ก็ให้นางอยู่กับหลัวอวี่ก่วนสองต่อสองไม่ได้เด็ดขาด
ว่าแล้วหลัวซืออวี่ก็เอ่ยเข้าประเด็นทันทีว่า “เยียนเอ๋อร์ สาวใช้ของข้าหายตัวไป เมื่อครู่มีคนใช้ในจวนของเราพบรอยเลือดในตรอกด้านหลัง ข้าได้ยินคนเฝ้าประตูบอกว่าตอนหัวค่ำพี่สามกับน้องสามต่างมาจากทางนั้น จึงลองมาถามว่าพวกเจ้าเห็นนางบ้างหรือไม่?”
หลัวอวี่ก่วนตัวสั่นด้วยกลัวจะโดนจับได้ นางพยายามหดนิ้วมือที่ยังไม่ทันได้ล้างให้สะอาดเข้าไปใต้แขนเสื้อให้ได้มากที่สุด
หลัวเสียงรีบขยับเข้าไปขวางตรงกลางระหว่างสองคน แล้วเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “ซืออวี่ เจ้าจะทำอะไร?”
“ข้าแค่อยากคุยกับน้องสามนิดหน่อยเท่านั้น!” หลัวซืออวี่เงยหน้ามองเขาอย่างเย็นชาเช่นกัน “พี่สามขวางข้าเช่นนี้? ยังกลัวว่าข้าจะทำร้ายน้องสามต่อหน้าท่านอีกงั้นหรือ?”
หลัวเสียงยิ้มมุมปาก แต่นัยน์ตากลับไร้รอยยิ้มและยังคงยืนขวางอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว
ในขณะที่ต่างฝ่ายต่างกำลังไม่ยอมอ่อนข้อให้กันนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอย่างเร่งรีบดังมาจากด้านนอกอีกหน
ทุกคนต่างหันไปมองตามเสียง เป็นหลัวเถิงรีบพาหลายคนเดินเข้ามานั่นเอง
หลัวเสียงกับหลัวอวี่ก่วนระวังตัวขึ้นมาในชั่วพริบตา
หลัวเถิงสาวเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักเช่นกัน
หลัวซืออวี่เหลือบมองและแอบส่งสายตาถามเขา
ทว่าหลัวเถิงกลับเอ่ยปากเองว่า “หาตัวเยียนเอ๋อร์เจอแล้ว เจ้าไปศาลาว่าการพระนครกับข้าเดี๋ยวนี้!”
เขาพูดจบก็ดึงข้อมือหลัวซืออวี่ผ่านแขนเสื้อจากไปทันที
หลัวเสียงกับหลัวอวี่ก่วนต่างสบตากัน
พอเงยหน้ามาพวกเขาสองพี่น้องก็ออกจากเรือนไปแล้วและค่อยๆ หายไปท่ามกลางความมืดอย่างรวดเร็ว
“ท่านพี่…” หลัวอวี่ก่วนเรียกเสียงเบาหวิว
มุมปากของหลัวเสียงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นยะเยือก เขาเอ่ยเสียงเย็นเยียบว่า “ก็แค่สาวใช้คนหนึ่ง ต่อให้รู้ว่าเจ้าเป็นคนจัดการแล้วอย่างไร? จะให้เจ้าชดใช้นางด้วยชีวิตงั้นหรือ? เจ้าก็อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เช่นกัน กลับไปก่อนเถอะ!”
ผ่านมานานขนาดนี้ สองคนนั้นโดนฆ่าปิดปากไปแล้วแน่นอน
ดังนั้นก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว
หลัวอวี่ก่วนได้ยินเขาเอ่ยเช่นนั้นถึงได้รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง นางยิ้มมุมปากแล้วเซียงเฉ่าก็ประคองนางออกไป
ด้านหลัวเถิงกับหลัวซืออวี่พอออกมาจากเรือนของหลัวเสียง และเพิ่งจะเลี้ยวเข้าไปสวนดอกไม้ หลัวซืออวี่ก็เอ่ยถามอย่างร้อนใจว่า “เกิดเรื่องกับเยียนเอ๋อร์หรือ?”
“มีคนพบศพสองศพในตรอกถัดไปจากจวนของพวกเราไปสามตรอก เห็นว่าสู้กันจนตาย!” หลัวเถิงเอ่ย แม้จะพูดเช่นนั้น แต่สีหน้าเขากลับฉายแววไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด “ข้าให้คนไปตรวจสอบผู้ชายอีกคนที่ตายด้วยกันแล้ว คงจะรู้ผลเร็วๆ นี้!”
หลัวซืออวี่ได้ยินแล้วก็หลับตาลงในทันใด แล้วค่อยๆ ถอนหายใจออกมายาวเหยียด “หากรู้แต่แรก ข้าน่าจะเตือนนาง…”
เยียนเอ๋อร์คิดแต่จะรอจับจุดอ่อนของหลัวอวี่ก่วนให้ได้ เดิมทีนางคิดว่าคงสืบอยู่แค่ในจวนของตนเองเท่านั้น และเยียนเอ๋อร์ก็ไม่ใช่คนวู่วามคงไม่น่าเกิดเหตุอันใดขึ้น แต่กลับคิดไม่ถึงว่า…
หลัวเถิงยกมือตบบ่านางและเอ่ยเสียงเบาว่า “ข้าให้คนไปจัดการทางศาลาว่าการพระนครแล้ว เจ้ากลับไปพักก่อนเถอะ รอคนที่ออกไปสืบข่าวกลับมาแล้วข้าค่อยบอกเจ้าอีกที”
“อื้ม!” หลัวซืออวี่พยักหน้าเงียบๆ
—————————
เพราะว่าไม่ได้เบาะแสเรื่องชิงหลัวแม้แต่น้อย ตั้งแต่นั้นมาฉู่สวินหยางจึงส่งคนไปเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของซูหลินกับหลัวอวี่ก่วนตลอด ดังนั้นนางจึงได้ข่าวที่ถูกต้องตั้งแต่เช้าวันรุ่งขึ้นแล้ว
“ผู้ชายที่ตายด้วยกันเป็นหมอที่เปิดโรงหมอเล็กๆ อยู่ทางทิศเหนือของตัวเมือง สาวใช้ของคุณหนูหลัวซืออวี่ไม่เคยติดต่อกับเขา แต่จากคำให้การของชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง คนที่ไปตรวจเมื่อวานตอนเย็นน่าจะเป็นคุณหนูหลัวอวี่ก่วนเจ้าค่ะ” เจี๋ยหงรายงานอย่างรวบรัด นางชะงักไปครู่หนึ่งก็เอ่ยเสริมอีก “หมอคนนั้นนิสัยไม่ค่อยดี ได้ข่าวว่าชอบแสดงฝีมือข่มคนอื่นมากเจ้าค่ะ”
“ดังนั้น เป็นฝีมือของหลัวอวี่ก่วนหรือ?” ฉู่สวินหยางขยับกระถางที่จัดเป็นสวนเล็กๆ บนโต๊ะต่อไปอย่างไม่สนใจ
“เป็นไปได้มากว่ามีส่วนเกี่ยวข้องเจ้าค่ะ” เจี๋ยหงเอ่ย “คนของหลัวซื่อจื่อไปตรวจสอบแล้ว อย่างน้อยจนถึงตอนนี้ภายในตระกูลหลัวก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร และมีคนไปปิดคดีที่ศาลาว่าการพระนครตั้งแต่เช้าแล้วเจ้าค่ะ เหมือนกับ…พวกเขาอยากจะให้เรื่องจบตรงนี้”
หากรู้แค่ว่าหลัวอวี่ก่วนไปหาหมอที่โรงหมอนั้น ตระกูลหลัวจะทำอะไรนางได้?
“ไม่ต้องไปยุ่งกับพวกเขา!” ฉู่สวินหยางเอ่ย “ถึงอย่างไรก็เป็นสาวใช้ของพวกเขา พวกเราก็อย่าเข้าไปแทรกแซงตามใจชอบเลย”
“เจ้าค่ะ!” เจี๋ยหงไม่เอ่ยอะไรมากเช่นกัน รออยู่ชั่วครู่ พอเห็นว่านางไม่มีคำสั่งอื่นแล้วก็ถอยออกไปก่อน
————————————————
[1] ประหารเก้าชั่วโคตร นับจากตนเองขึ้นไป 4 รุ่น และนับลงไปอีก 4 รุ่น คือ เทียด, ทวด, ปู่ย่าตายาย, พ่อแม่, ตนเอง, ลูก, หลาน, เหลน และลื่อ เท่ากับฆ่าล้างทั้งตระกูล