สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 1338 หึงหวง
เจอตัวฉู่หยุนซีแล้ว
เย้นหว่านจิตใจตั้งมั่นแล้วหันไปมองโห้หลีเฉิน จากนั้นกล่าว “เขาก็คือฉู่หยุนซี ไป พวกเราเดินเข้าไปหาเขากัน”
เย้นหว่านพาโห้หลีเฉินเดินไปที่ริมชายหาด แล้วได้มายืนอยู่ที่ด้านหน้าของฉู่หยุนซี
เมื่อเห็นโห้หลีเฉิน ฉู่หยุนซีก็ไม่รู้สึกประหลาดใจ กลับยื่นมือออกมาอย่างสุภาพสง่างาม “สวัสดีครับ คุณโห้”
ทันทีที่ยื่นมือออกไป เขากก็รีบชักกลับทันที ราวกับคิดอะไรได้บางอย่าง จากนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ลืมไปเลยว่าคุณโห้ไม่ชอบการสัมผัสกับคน ขออภัยที่เสียมารยาท”
“ไม่เป็นไรครับ” โห้หลีเฉินพยักหน้าอย่างสุภาพ “ผมต้องขอบคุณคุณฉู่ต่างหาก ที่สามปีมานี้คอยดูแลภรรยาผม”
“คุณไม่ตำหนิที่ผมกักขังภรรยาของคุณไว้ไม่ปล่อย ผมก็ต้องขอบคุณฟ้าขอบคุณดินแล้ว”
มุมปากของฉู่หยุนซียกรอยยิ้มขึ้น น้ำเสียงผ่อนคลายซ่อนด้วยการหยอกล้อ
เห็นบรรยากาศผ่อนคลายและเข้ากันได้ดิบได้ดีของชายหนุ่มทั้งสองคน เหมือนกับเพื่อนที่ไม่เจอกันมาหลายปี ทำให้เย้นหว่านอึ้งตะลึงไปครู่หนึ่ง นี่พวกเขาเพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรกนะ
ราวกับมองออกถึงความสงสัยของเย้นหว่าน ฉู่หยุนซีจึงยิ้มแล้วกล่าวกับเย้นหว่าน
“ผมกับคุณโห้เจอกันครั้งแรกกันก็จริง แต่ว่าพวกเรานั้นสื่อสารกันทางจิตมานานแล้ว”
โห้หลีเฉินไม่ได้แสดงการเห็นด้วยหรือปฏิเสธกับประโยคนี้
ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเห็นหน้ากัน และก็ไม่เคยปะทะกองกำลังกัน แต่ว่าเครือข่ายข่าวกรองของทั้งสองนั้นเข้มแข็งที่สุดในโลก ในอาณาเขตเหมือนกัน เป็นธรรมดาที่จะต้องสื่อสารการทางจิตมานาน
โห้หลีเฉินสืบรู้มานานแล้วว่าฉู่หยุนซีกักขังเย้นหว่าน ฉู่หยุนซีก็รู้เรื่องราวทั้งหมดของโห้หลีเฉิน
เย้นหว่านค่อนข้างหงุดหงิด มองทั้งสองคนที่เหมือนเสียดายที่รู้จักกันช้าไปและยังกล่าวทักทายถามไถ่สารทุกข์กันอีกยาวอีก เธอจึงรอต่อไปไม่ไหว และรีบถามขึ้น :
“ฉู่หยุนซีคุณรู้ไหมว่าลูกของฉันอยู่ที่ไหน”
ฉู่หยุนซีพยักหน้า
เย้นหว่านดีใจ เป็นอย่างที่โห้หลีเฉินคิดไว้ไม่มีผิด
เธอดีใจและรีบถามขึ้นต่อ “รีบบอกฉันมาสิว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน”
เย้นหว่านแทบรอไม่ไหวที่จะไปตามหาลูก
“แรบบิทถูกแช่แข็งผนึกไว้แล้ว เว้นแต่น้ำแข็งละลาย ไม่อย่างนั้นทุกสิ่งทุกอย่างจากโลกภายนอกไม่สามารถทำร้ายเธอได้ คุณวางใจได้เลย ลูกสาวคุณปลอดภัยดี”
ก่อนหน้านี้ฉู่หยุนซีไม่เคยติดต่อกับโห้หลีเฉิน ตอนนี้เขาพูดเรื่องแช่แข็ง ก็เพียงพอที่จะยืนยันได้แล้วว่าโห้หลีเฉินไม่ได้โกหก และเขาก็รู้ว่าลูกๆ อยู่ที่ไหน อีกทั้งยังรู้สภาพการณ์เป็นอย่างดี
และเขาก็ได้กล่าวต่อ “แต่ จะให้บอกว่าลูกๆ ของพวกคุณอยู่ที่ไหนนั้น พวกคุณจะต้องช่วยผมทำเรื่องสักเรื่องก่อน ผมถึงจะบอก”
เป็นไปตามที่โห้หลีเฉินคาดการณ์ไว้
ฉู่หยุนซีน่าจะรู้แล้วว่าโห้หลีเฉินจะต้องมาหาเขา ดังนั้นถึงได้รออยู่ที่นี่ เตรียมการเพื่อดำเนินการแลกเปลี่ยนครั้งนี้
เย้นหว่านใจรุ่มร้อนต้องการที่จะเจอลูกๆ ให้โดยเร็วที่สุด จึงได้แย่งพูดขึ้น:”คุณพูดมา”
โห้หลีเฉินได้เตรียมพร้อมตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่ว่าเขาจะเป็นข้อเสนออะไรมา ก็จะรับปากและยินดีที่ไปทำ ไม่จำเป็นต้องปรึกษาเย้นหว่านหรือถามความคิดเห็นเธออีก
รอยยิ้มบนมุมปากของฉู่หยุนซีเย็นชาเล็กน้อย เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม:
“ผมต้องการให้พวกคุณจับท่านอาวุโสเจ็ดของตระกูลหยูมาให้ผม”
“ท่านอาวุโสเจ็ด?”
เย้นหว่านตกใจ ผู้ชายสมถะที่ไม่สนเรื่องโลกภายนอกคนนั้น หลังจากที่ตระกูลหยูถูกทำลายล้างทั้งตระกูล หลายปีมานี้ก็ไม่เคยได้ยินหรือได้เห็นเขาอีก
และถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในตระกูลหยูที่มีอำนาจล้นฟ้า แต่ว่าเขาก็อ่อนน้อมถ่อมตนมาโดยตลอด ไม่ไปมีเรื่องบาดหมางกับใคร ทำไมถึงไปมีความแค้นกับฉู่หยุนซีได้
เห็นความเกลียดเคียดแค้นในแววตาของฉู่หยุนซีแล้ว ยังดูเหมือนเป็นความแค้นที่ฝังลึกเสียด้วย
เย้นหว่านจึงถามเขา “ท่านอาวุโสเจ็ดไปทำอะไรให้คุณ”
แววตาของฉู่หยุนซีเย็นชายะเยือก มือกำเป็นหมัดแน่น เผยให้เห็นถึงแรงอาฆาตที่น่ากลัว
สักพัก เขาถึงข่มอารมณ์ลงไปแล้วกล่าวขึ้นอย่างราบเรียบ:
“อันนี้ผมบอกกับพวกคุณไม่ได้ แต่ผมสามารถบอกกับคุณได้ว่า ที่ผมขังคุณแล้วก็ปล่อยคุณออกไป ชักนำคุณให้สังหารเจมส์กับฝู้ยวนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เป้าหมายก็เพื่อต้องการให้พวกคุณช่วยหาตัวท่านอาวุโสเจ็ด”
ที่แท้นี่เป็นเป้าหมายของฉู่หยุนซี
ถึงว่าเย้นหว่านไม่เคยรู้สึกถึงความเป็นปฏิปักษ์จากฉู่หยุนซีเลย และก็ไม่เคยทำร้ายเธอ เพราะว่าเป้าหมายของพวกเขาไม่เหมือนกัน แต่ดันเป็นเพื่อนกับอีกฝ่าย
ท่านอาวุโสเจ็ดกับฝู้ยวนมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมาก หากว่าจับตัวฝู้ยวนได้ บางทีก็อาจจะตามหาเบาะแสของท่านอาวุโสเจ็ดเจอ
เพียงแต่ เย้นหว่านมีความสงสัยอย่างหนึ่ง
“เครือข่ายข่าวกรองของคุณแข็งแกร่งขนาดนั้น ทำไมถึงหาท่านอาวุโสเจ็ดไม่เจอ”
แม้แต่เรื่องตอนที่เธอต้องการตายจะไปกับหยูฉู่สองในขุมทรัพย์นั้น ฉู่หยุนซียังสืบรู้มาจนได้ อีกทั้งยังลงมือช่วยเธอไว้อีก เธอจึงไม่เข้าใจว่าท่านอาวุโสเจ็ดจะเล็ดลอดไปจากสายตาของเขาได้อย่างไร
ฉู่หยุนซียิ้มเศร้า “รอคุณจับเขามาได้แล้ว ความสงสัยนี้ของคุณก็จะได้รับความกระจ่างเอง”
ความหมายก็คือ จะยังไม่บอกตอนนี้
เย้นหว่านเองก็ไม่อยากจะเสียเวลาเสียแรงไปกับคำถามแบบนี้ จึงหันหน้าไปทางโห้หลีเฉิน “คุณโห้ คุณสามารถจับท่านอาวุโสเจ็ดได้ไหม”
โห้หลีเฉินพยักหน้า “ได้”
เมื่อได้รับคำยืนยันจากเขา เย้นหว่านก็เบาใจ จากนั้นก็ยิ้มตาหยีมองฉู่หยุนซี
ทำตาแบ๊วมองเขาปริบๆ “พี่ฉู่จ๊ะ……”
ฉู่หยุนซี:”……” สั่นไปทั้งตัว มองโห้หลีเฉินด้วยความตกใจกลัว
โห้หลีเฉิน:”……” เย็นวาบไปทั้งตัว ดวงตาเย็นยะเยือกทิ่มไปทางฉู่หยุนซี
บรรยากาศของชายหนุ่มทั้งคู่ได้กลายเป็นความน่ากลัวขึ้นทันที แต่เย้นหว่านราวกับไม่รู้สึก ยังคงมองฉู่หยุนซีด้วยใบหน้าที่ยิ้มอย่างมีความสุข
“พี่ฉู่จ๊ะ คุณดูสิโห้หลีเฉินรับปากแล้วว่าจะจับตัวท่านอาวุโสเจ็ดมาให้คุณ พวกเราสองคนก็สนิทกันขนาดนั้น คุณเห็นแก่ความคิดถึงที่ฉันมีต่อลูกสาว บอกที่อยู่ของแรบบิทให้กับฉันก่อนได้ไหม ฉันคิดถึงเธอจริงๆ ฉันอยากจะไปดูเธอ”
รู้ว่าแล้วว่าผู้หญิงคนนี้จู่ๆ ออดอ้อนออเซาะทำหน้าแบ๊ว จะต้องไม่มีเรื่องดีอย่างแน่นอน
ฉู่หยุนซีควบคุมรถเข็นแล้วถอยหลังออกไปสองสามเมตร ด้วยใบหน้าที่เย็นชา จริงจังและไร้ความปรานี
“อย่ามาทำตัวสนิทกับผมมากเกินไป ผมไม่มีความเป็นพี่เป็นน้องกับคุณ ผมสามารถกักขังคุณอย่างเย็นชาไร้ความปรานีมาสามปี ก็จะสามารถใจร้ายไม่บอกที่อยู่ของแรบบิทให้กับคุณได้ตลอดชีวิต คุณไปเอาเวลาไปตามหาท่านอาวุโสเจ็ดเถอะ มาใช้วิธีนี้กับผมไม่ได้ผลหรอก”
ใจร้าย เลือดเย็น ไร้ความปรานี ก็คงจะมีแต่ฉู่หยุนซีคนเดียวเท่านั้น
เย้นหว่านหรี่ตา “พี่ฉู่จ๊ะ คุณกลัวว่าโห้หลีเฉินจะหึง แล้วฆ่าคุณโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเหรอ คุณอย่ากลัวไปเลยนะ คุณโห้ไม่ได้เป็นคนใจแคบขนาดนั้น อีกอย่าง สามปีมานี้พวกเราก็ไม่ได้ทำอะไรกัน ฉันก็แค่รับใช้ดูแลอาหารวันละสามมื้อ อาบน้ำใส่เสื้อผ้าให้……”
“ฉู่หยุนซี!”
คำพูดของเย้นหว่านยังไม่ทันจบคำ โห้หลีเฉินก็ตวาดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมที่เล็ดลอดมาจากไรฟัน
ใบหน้าของเขาดำทะมึน ทางสามก้าวแต่ย่างเดินเพียงสองก้าวเท่านั้น กระโจนมาที่ด้านหน้าของฉู่หยุนซี มือที่กว้างใหญ่ได้กระชากคอเสื้อของเขาไว้ แทบจะยกเขาขึ้นมาจากรถเข็น
“นี่คุณกล้าให้เย้นหว่านเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำให้คุณเหรอ คุณไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วใช่ไหม!”
ฉู่หยุนซีขมขื่นในใจ แล้วจ้องถลึงตาใส่เย้นหว่าน
เขากล่าวอธิบาย “คุณอย่าไปฟังเธอพูดจาไร้สาระ ผมจะให้เธอทำเรื่องแบบนั้นทำไม ผมไม่ได้โรคจิตที่ชอบโชว์เรือนร่างให้ผู้หญิงดู”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ เย้นหว่านก็เริ่มแสร้งทำเป็นปาดน้ำตา “ใช่ ฉันจำผิดเอง คุณไม่ได้ทำ คุณไม่ได้……”