สัญญาร้ายของประธานปีศาจ - ตอนที่ 278
ตอนที่ 278 เสียใจในภายหลัง
ไป๋เสว่เอ๋อร์อยู่ในห้องรับรองพิเศษวางใจไม่ลง คิดมาคิดไปก็ยังคงที่จะตามออกมา ไม่นึกเลยว่าเพิ่งจะเดินมาถึงบริเวณมุมเลี้ยว ก็เห็นเผยลี่เชินยกหมัดขึ้นกำลังเตรียมจะต่อยคน
เธอเดินเข้าไป นำทั้งสองคนแยกออกจากกันในทันที เธอผลักเผยลี่เชินออกไปเล็กน้อย “พวกคุณสองคนคิดจะทำอะไรกัน!จำเป็นจะต้องทำเรื่องให้วุ่นวายจนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขนาดนี้เลยหรอ?”
เผยลี่เชินกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดที่แขนนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ยังคงจ้องมองลู่เหยาด้วยความโกรธ
ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าเต็มปอด เข้ามาขวางไว้ที่ด้านหน้าของลู่เหยา มองไปยังเผยลี่เชิน เอ่ยปากโน้มน้าวเบาๆว่า “คุณใจเย็นหน่อย”
คนหนึ่งคือแฟนของเธอ อีกคนหนึ่งคือรุ่นพี่ที่เธอรู้จักมานานหลายปี เดิมทีเป็นความสัมพันธ์ที่ต่างฝ่ายต่างไม่ขัดแย้งกันและกัน ทำไมถึงได้ทะเลาะกันจนกลายเป็นสถานการณ์แบบนี้ล่ะ?
มีสมาชิกกลุ่มของหลินวู่สองสามคนก็วิ่งเข้ามาเช่นเดียวกัน มองเห็นลู่เหยา ก็ดึงเขาเอาไว้ในทันที “ประธานลู่ คุณกลับไปกับพวกเราก่อนเถอะครับ”
“นั่นน่ะสิครับ ทุกคนยังกำลังรอคุณอยู่นะ!”
ทั้งสองสามคนพูดโน้มน้าวสลับกันไป ถึงได้นับว่าดึงลู่เหยาเดินจากไปได้แล้ว
พอทุกคนเดินจากไป บริเวณมุมทางเลี้ยวก็เหลือเพียงแค่ไป๋เสว่เอ๋อร์กับเผยลี่เชินสองคน เธอถอนหายใจยาวออกมา เอ่ยปากโน้มน้าวขึ้นเบาๆว่า “เอาล่ะค่ะ พวกเรากลับไปกันเถอะ”
เผยลี่เชินแพร่กระจายความเยือกเย็นไปทั่วทั้งตัว จนกระทั่งลู่เหยาจากไป เซลล์ที่รัดกันแน่นขึ้นมาของเขาถึงได้ผ่อนคลายลง
ไป๋เสว่เอ๋อร์อยากจะโน้มน้าวขึ้นอีกสองสามประโยค อยู่ๆด้านหน้าก็มืดลง คนทั้งคนถูกเผยลี่เชินดึงไปกอดเอาไว้ในอ้อมแขน ท่อนแขนที่แข็งแรงทั้งสองข้างของเขาโอบร่างกายของเธอเอาไว้ กอดเธอเอาไว้อย่างแนบแน่น
หลังจากนิ่งเงียบไปชั่วขณะ เผยลี่เชินก็เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “ในฐานะที่เป็นแฟน ผมทำได้ไม่ดีเลยใช่ไหม?”
พวกเขาสองคนตลอดทางเดินมาถึงที่มีตอนนี้ จากความสัมพันธ์ที่ต่างฝ่ายต่างเลือกในสิ่งที่ตนเองต้องการในตอนแรก พัฒนาจนมาถึงเป็นทั้งคุณครูเป็นทั้งเพื่อน รวมไปถึงความสัมพันธ์แบบแฟนในตอนนี้ สถานะเปลี่ยนแปลงไม่ขาด เพราะเหตุนี้ความสัมพันธ์จึงได้ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น…
ใจของไป๋เสว่เอ๋อร์อ่อนลงภายในชั่วพริบตา เธอยกมือตบไปบนแผ่นหลังของเผยลี่เชินเบาๆ เอ่ยปากปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “คุณทำได้ดีมากค่ะ”
แม้ว่าเมื่อเทียบกับแฟนปกติทั่วไปเหล่านั้นเขาจะเย็นชามากกว่า มีเหตุผลมากกว่า แต่กลับมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเช่นเดียวกัน
เผยลี่เชินคลายเธอออก เงาร่างที่สูงใหญ่ปกคลุมทั้งตัวของไป๋เสว่เอ๋อร์เอาไว้ให้อยู่ภายในเงา ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มออกมาเล็กน้อย ทำแบบนั้นเหมือนกับเวลาปกติที่เขาใช้ในการปลอบเธอ เขย่งปลายเท้าขึ้น จูบลงบนใบหน้าของเขาเบาๆ “ฉันชอบคุณที่เป็นแบบนี้ค่ะ”
ประโยคนี้ราวกับไปขยับสายเส้นนั้นที่อ่อนไหวที่สุดในใจของเผยลี่เชิน ใจของเขาสั่นเบาๆ โน้มศีรษะลงจูบไป๋เสว่เอ๋อร์เอาไว้อย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว
จูบนึงที่ยาวนานและนุ่มนวล แทบจะลักลอบเอาลมหายใจของไป๋เสว่เอ๋อร์ไป จนกระทั่งลมหายใจของเธอถี่และไม่เป็นจังหวะขึ้นมาเผยลี่เชินถึงได้คลายมือออก
แก้มทั้งสองข้างของไป๋เสว่เอ๋อร์เป็นสีแดงสว่าง เพราะอุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้น ทั่วทั้งร่างกายเผยกลิ่นที่หอมหวานอ่อนละมุนออกมา ทำให้เผยลี่เชินรู้สึกคอแห้ง สายตาล่องลอยขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ไป๋เสว่เอ๋อร์เอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “พวกเรา…กลับกันเถอะค่ะ?”
“กลับเดี๋ยวนี้แหละ” มุมริมฝีปากของเผยลี่เชินยกขึ้น ยื่นมือออกไปโอบเอวของเธอเอาไว้
วันนี้ เขาจะตีตราที่เป็นของเขาไปให้ทั่วทั้งร่างกายของหญิงสาว อย่างไรเสีย ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็สามารถเป็นของเขาได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ส่วนคนอื่น แม้แต่โอกาสเพียงสักนิดก็ไม่อาจจะมีได้!
เผยลี่เชินโอบไป๋เสว่เอ๋อร์เอาไว้ ก้าวขาเดินลงบันไดไป ชายหญิงที่กอดเข้าไว้ด้วยกันคู่หนึ่งประจวบเหมาะเดินขึ้นมาพอดี ผู้หญิงเอ่ยปากขึ้นอย่างหยาดเยิ้มออกมาว่า “คุณชายอี้ คืนนี้ ยังไปอยู่กับฉันอีกไหมคะ?”
“ทั้งอาทิตย์ต่อไปไปอยู่กับเธอทั้งหมดเลย!” ในขณะที่เผยอี้กำลังพูด พอแหงนหน้าขึ้นมา มองเห็นเผยลี่เชินกับไป๋เสว่เอ๋อร์ที่กำลังเดินลงไปพอดี ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปชั่วขณะ
ทั้งสี่คนสบตากัน ต่างก็หยุดฝีก้าวกันเอาไว้
เผยอี้มีการตอบสนองก่อนขึ้นมาเป็นคนแรก เอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มที่เย็นชามาหาเผยลี่เชิน “พี่ใหญ่ บังเอิญจัง…”
ยังไม่ทันจะพูดจบ เผยลี่เชินก็โอบไป๋เสว่เอ๋อร์เดินลงบันไดต่อไป ราวกับไม่ได้มองเห็นพวกเขาเลยยังไงอย่างงั้น
อยู่ๆบรรยากาศก็ค่อนข้างที่จะน่าอึดอัดขึ้น เผยอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองดูพวกเขาสองคนเดินลงบันไดไปอย่างไม่หันหลังกลับมา ในใจก็เกิดความโมโหขึ้นมาในทันที
จนกระทั่งเงาร่างของทั้งสองคนหายไป ผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างของเผนอี้ก็เอนตัวเข้ามา เอ่ยปากถามขึ้นเบาๆว่า “เมื่อครู่นี้คนๆนั้นก็คือพี่ใหญ่ของคุณหรอคะ!เย็นชาจังเลยเนอะ!”
เผยอี้หมดความสนใจไปในชั่วพริบตา ผลักผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนออกไปยังด้านข้าง สีหน้าอึมครึมลง
“คุณชายอี้ คุณทำฉันเจ็บแล้วนะคะ!” ผู้หญิงคนนั้นร้องออกมาอย่างโอเวอร์ เดิมคิดจะเอนตัวลงบนร่างกายของเผยอี้อีก แต่ใครจะรู้ว่าเพิ่งจะแนบไปถึงร่างกายของเผยอี้ ก็ถูกเขาผลักออกไปอีกครั้ง
“ไสหัวไป!”
เผยอี้อยู่ๆก็เปลี่ยนสีหน้า ผู้หญิงคนนั้นตกใจจนยกใหญ่ รีบตัวสั่นงันงก ก้าวขาแล้ววิ่งจากไปในทันที
เผยอี้ยืนอยู่ตรงนั้น ในใจอัดอั้นอารมณ์โกรธเอาไว้ ตั้งแต่ต้นจนจบก็ระบายออกมาไม่หมด
มีสิทธิ์อะไรที่เผยลี่เชินกับไป๋เสว่เอ๋อร์สามารถมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและจริงใจต่อกัน ทำให้คนที่อยู่รอบข้างพากันอิจฉา แต่เขากลับมีชีวิตแต่งงานช่วงหนึ่งที่ล้มเหลว ความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ยังต้องแก้ปัญหาอยู่ในสถานที่กินเหล้าเคล้านารี!
เขายิ่งคิดยิ่งโมโห เตะถังขยะที่อยู่ด้านข้างล้มลงไปกองกับพื้น
ในเวลานี้เอง อยู่ๆเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น พอเขาถือขึ้นมาดู เห็นเป็นชื่อของจินจิงจิง ก็ยิ่งโมโหจนควันออกหู ตัดสายโทรศัพท์ทิ้งไปในทันที
ตอนนี้การงาน ความรักของเผยลี่เชินต่างก็ราบรื่นไปหมดทุกอย่าง แต่เขากลับไม่มีอะไรราบรื่นเลยสักอย่างเดียว!
ชั่วขณะ คิดไม่ถึงเลยว่าเผยอี้จะมีความรู้สึกเสียใจในภายหลังที่ในตอนแรกไม่ได้คืนดีกับไป๋เสว่เอ๋อร์ขึ้นมา
แต่คนบางคน พอพลาดไปครั้งหนึ่ง ชีวิตนี้ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้อีก
ขึ้นไปบนรถพร้อมกับเผยลี่เชิน ไป๋เสว่เอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะถามออกมาคำหนึ่งว่า “เผยอี้มาหาผู้หญิงอยู่ข้างนอกแบบนี้…คุณควรจะเตือนเขาสักหน่อยหรือเปล่าคะ? ยังไงเขาก็เป็นคนของบ้านตระกูลเผย”
“เตือนเขาเขาจะฟังหรอ?” เผยลี่เชินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ปล่อยเขา ไม่ช้าก็เร็วสักวัน ทางของเขาก็ต้องถูกทำให้ตันด้วยตัวของเขาเอง”
ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เปลี่ยนหัวข้อเรื่องให้เหมาะสมกับเวลา “ใช่แล้วค่ะ วันหลังพวกเราต้องไปพบกับคนของโครงการงานก่อสร้างสักหน่อยใช่หรือเปล่าคะ ได้ยินว่าอยากจะได้รับโครงการนี้ ก็ต้องเชื่อมความสัมพันธ์ทั้งบนและล่างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
เผยลี่เชินพยักหน้าเล็กน้อย เอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบว่า “อืม ที่ควรจะพบยังไงก็ต้องไปพบสักหน่อย แต่ว่าคุณก็ไม่ต้องไปกับผมแล้ว สถานการณ์แบบนี้ ยังไงก็ให้ฉีเฟิงตามผมไปจะดีกว่า”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เข้าใจ เอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “งั้นพรุ่งนี้ฉันถึงบริษัทแล้วจะจัดตารางงานให้คุณนะคะ”
เผยลี่เชินพยักหน้า น้ำเสียงจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย เอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “ใช่แล้ว เมื่อรืนนี้วันเสาร์ ผมอาจจะต้องออกไปข้างนอกกับเหอหย่าหาน”
หัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์บีบรัดเข้าหากันในทันที อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามว่า “พวกคุณ…จะไปทำอะไรกันคะ?”
เดิมทีหลังจากวันนั้นที่เผยลี่เชินกับเหอหย่าหานได้พบหน้ากัน เธอก็รู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่ผิดปกติไปของเขา คิดไม่ถึงเลยว่า สุดสัปดาห์นี้พวกเขายังวางแผนที่จะออกไปด้วยกัน หญิงชายที่ยังไม่ได้แต่งงาน ออกไปข้างนอกตามลำพังสองต่อสอง เธออดที่จะคิดมากไม่ได้…
“วันครบรอบวันเสียชีวิตคุณแม่ของเธอ ไปที่ชานเมืองด้านทิศตะวันออก เซ่นไหว้เป็นเพื่อนเธอสักหน่อย สามชั่วโมงก็กลับมาถึง”
ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ตอบรับกลับไปคำหนึ่ง แต่ในใจยังคงเหมือนมีสิ่งของอะไรอัดอั้นอยู่ตรงนั้นก็ไม่ปาน ค่อนข้างที่จะไม่ค่อยสบายใจเท่าไร
มองดูสายตาของหญิงสาวที่อยู่ๆก็มืดหม่นลงไป เผยลี่เชินก็ยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย เอ่ยปากอธิบายขึ้นเบาๆว่า “คุณพ่อของผมกับคุณลุงเหอเป็นเพื่อนเก่ากัน ก่อนหน้านี้คุณอาเหอก็ดีกับผมมาก คำขอร้องแบบนี้ผมลำบากใจที่จะปฏิเสธ หากคุณไม่วางใจ ก็ไปด้วยกันกับผม?”
“ใครไม่วางใจกันคะ!” ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบเอ่ยปากปฏิเสธขึ้นมาในทันที “ฉันไม่ได้ใส่ใจเลยสักหน่อย”
“งั้นหรอ?”
มองดูท่าทางปากแข็งของหญิงสาว เผยลี่เชินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขายื่นมือออกไป โอบเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขน ประชิดเข้าไปที่ข้างใบหูของเธอแล้วเอ่ยถามว่า “ใช่แล้ว คุณยังไม่ได้บอกผม วันเกิดของคุณคือวันที่เท่าไร?”
นี่เป็นวันเกิดแรกที่กำลังจะฉลองเป็นเพื่อนกับเธอ เขาก็ต้องอยากจะให้ความทรงจำอันแสนพิเศษที่ยากจะลืมเลือนกับเธอเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณอยากจะรู้หรอคะ?”
เผยลี่เชินจูบลงบนหน้าผากของเธออย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “แน่นอน ผมอยากจะเป็นแฟนที่ผ่านเกณฑ์คนหนึ่ง”