สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 269 เข้าวัง
บทที่ 269 เข้าวัง
ข่าวที่จวงไทเฮาไม่กินข้าวกินปลาก็ลอยมาถึงหูตระกูลจวงอย่างรวดเร็ว
ราชครูจวงเป็นห่วงว่าไทเฮาจะร่างกายทรุดโทรม จึงรีบให้หมอหลวงไปตรวจอาการ แต่สัญญาณชีพของไทเฮาไม่มีปัญหา หมอหลวงคาดว่าน่าจะเป็นไข้ใจ
“อาจเพราะ…ไทเฮาออกจากวังไปนาน จู่ๆ กลับมาจึงยังปรับตัวไม่ได้”
ราชครูจวงเอ่ยเสียงเย็น “นางอยู่ในวังหลังมาทั้งชีวิต ออกไปแล้วจึงปรับตัวไม่ได้กระมัง”
นางกลับบ้านมาแล้วนะ มีอะไรให้ต้องปรับตัวกัน
“หรือว่า…จะให้คนในครอบครัวอยู่เป็นเพื่อนนางก็ได้” หมอหลวงเสนอแนะ
ราชครูจวงครุ่นคิดดูแล้วแบบนี้ก็ได้ จึงส่งจวงเย่ว์ซีกับจวงเมิ่งเตี๋ยเข้าวังหลวงมา
ตอนที่จวงไทเฮาเห็นจวงเมิ่งเตี๋ยกลับไม่ได้รู้สึกสบายใจเท่าใดนัก แต่เมื่อนางเห็นจวงเย่ว์ซีที่อยู่ด้านหลังจวงเมิ่งเตี๋ยแล้ว สีหน้าก็พลันชะงักค้างไป
เสื้อผ้าของจวงเย่ว์ซียังคงเป็นชุดกระโปรงหรูหราของนางสมัยก่อน เพียงแต่ใบหน้าด้านขวาของนางมียาสีแดงแต้มเพิ่มมา
นี่เป็นการแต่งหน้าสุดนิยมในเมืองหลวง ตั้งแต่จอหงวนเดินขบวนกัน พวกแม่นางในเมืองหลวงก็ทยอยเริ่มแต้มชาดบนใบหน้าตัวเอง แรกเริ่มจวงเย่ว์ซีก็ไม่ได้ชอบการแต่งหน้าแสนเชยเช่นนี้หรอก แต่วันนั้นไทเฮาลูบหน้าด้านซ้ายของนางแล้วบอกว่าขาดอะไรไป
นางจึงเดาว่าขาดชาดไปกระมัง
ดังนั้นนางจึงวาดให้ตัวเอง
ดูท่าแล้วผลลัพธ์จะไม่เลว ไทเฮาชอบยิ่งนัก
จวงไทเฮากวักมือเรียกจวงเย่ว์ซี
จวงเย่ว์ซีไปนั่งอยู่ข้างกายไทเฮาอย่างว่าง่าย นางสัมผัสได้ว่ากลับมาครานี้ท่าทีของไทเฮาที่มีต่อนางนั้นแตกต่างจากเมื่อก่อน นางไม่ชอบออดอ้อนออเซาะมาตั้งแต่เด็ก แม้นางจะเก่งกาจทุกอย่าง แต่ดันเป็นน้องสาวไม่เอาไหนคนนั้นที่เป็นที่เอ็นดูมากที่สุดในบ้าน
แม้แต่ยามที่พี่ใหญ่พาน้องสาวไปเที่ยวเล่นเจียงหนานก็ยังเอาจวงเมิ่งเตี๋ยไม่เอาอ่าวไปด้วย
“มื้อค่ำกินอะไรมารึ” จวงไทเฮาจูงมือนางมาถาม
จวงเย่ว์ซีได้รับความโปรดปรานจนรู้สึกประหลาดใจ พลางเอ่ย “มื้อค่ำกินข้าวต้มอู่กู่มาเพคะ”
จวงไทเฮาเอ่ย “แบบนั้นไม่ได้นะ น้อยเกินไป เจ้าอยู่ในวัยกำลังโต ควรกินให้มากหน่อยสิ ใครก็ได้ ยกอาหารเข้ามา!”
พวกนางกำนัลดีใจกันใหญ่ ราชครูจวงช่างมีวิธีที่ดีนัก ส่งคุณหนูสองคนนี้เข้าวังมา ไทเฮาก็อยากอาหารขึ้นมาทันที
อาหารถูกยกมาเต็มทั้งโต๊ะ
จวงไทเฮาไม่ให้นางกำนัลรับใช้ ตักข้าวให้จวงเย่ว์ซีจนพูนถ้วยใหญ่ด้วยตัวเอง “เจ้ากินเยอะๆ นะ เจ้าผอมเกินไปแล้ว เดี๋ยวจะมีหลานตัวน้อยให้ข้าไม่ได้”
จวงเย่ว์ซีหน้าแดง “ไทเฮา…”
นางยังไม่ออกเรือนเลย
จวงเมิ่งเตี๋ยถามอย่างตกใจ “ไทเฮา ท่านจะหาคู่ให้พี่สาวใช่หรือไม่”
จวงไทเฮาขมวดคิ้ว มองไปยังจวงเย่ว์ซี “หาคู่รึ เจ้าแต่งงานแล้วมิใช่หรือ”
“หา” จวงเย่ว์ซีชะงัก “ไทเฮา ข้ายังไม่ได้แต่งงานนะเพคะ”
จวงไทเฮาสีหน้างุนงง
แล้วใครแต่งงานแล้วล่ะ
หลานชายน้อยของนางล่ะ
“ไทเฮา ท่านไม่เป็นไรใช่ไหมเพคะ” จวงเย่ว์ซีจับมือจวงไทเฮาอย่างห่วงใย
จวงไทเฮานึกไม่ออก นางส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ข้าคงจำผิด จะว่าไปแล้วปีนี้เจ้าก็สิบหกแล้ว อีกครึ่งปีก็เต็มสิบเจ็ดแล้ว ควรหาคู่ให้เจ้าได้แล้ว”
จวงเย่ว์ซีเอ่ยเสียงเบา “เย่ว์ซีไม่อยากออกเรือน เย่ว์ซีอยากอยู่ดูแลท่านพ่อท่านแม่ และอยากมาอยู่เป็นเพื่อนไทเฮาบ่อยๆ เพคะ”
จวงไทเฮาเอ่ย “เจ้าออกเรือนแล้วก็กลับบ้านเดิมได้นี่นา ไม่มีใครกล้าข่มเหงลูกสาวตระกูลจวงหรอก”
จวงเย่ว์ซีหยิบตะเกียบขึ้นมาอีกครั้ง แล้วไม่เอ่ยอะไรอีก
อาหารมื้อนี้จวงไทเฮายังคงกินได้ไม่เยอะเท่าใดนัก ราวกับว่าความปรีดาของไทเฮาในตอนที่จวงเย่ว์ซีเข้าวังมาหายไปพร้อมกับตอนที่จวงเย่ว์ซีบอกว่าตัวเองยังไม่ออกเรือน
จวงเย่ว์ซีไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จวงไทเฮาเองก็ไม่เข้าใจ
วันรุ่งขึ้น จวงไทเฮาเข้าประชุมราชสำนักยามเช้า นั่งฟังการประชุมอยู่หลังม่าน
ฮ่องเต้ประกาศแต่งตั้งจี้จิ่วอาวุโสให้เป็นจี้จิ่วแห่งกั๋วจื่อเจียน
“เสด็จแม่มีความเห็นใดหรือไม่” ฮ่องเต้ผินกายไปมองจวงไทเฮาที่อยู่หลังม่านมุก
โอษฐ์บางของจวงไทเฮาหยักยกจางๆ “สหายเก่าของข้า ไม่ได้พบเสียหลายปี คิดถึงยิ่งนัก ฮ่องเต้แต่งตั้งได้เหมาะสมยิ่ง มอบกั๋วจื่อเจียนให้ใต้เท้าฮั่วก็แล้วกัน”
จี้จิ่วอาวุโสถือแผ่นไม้ฮู่ป่าน คุกเข่าอยู่ในตำหนักจินหลวน แต่บันไดสิบกว่าขั้นกลับห่างไกลเหมือนพันธาราหมื่นขุนเขาขวางกั้น “ฮ่องเต้ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี! ไทเฮาทรงพระเจริญพันปี พันพันปี!”
จวงไทเฮายิ้มจาง “ข้าก็มีราชโองการจะประกาศเช่นกัน”
มาแล้ว
ฮ่องเต้กำมือแน่น
จวงไทเฮาเอ่ยอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ตำแหน่งจอมพลใหญ่แห่งแผ่นดินยังว่างอยู่ ข้าหารือกับขุนนางทุกท่านแล้วคิดว่ามีอยู่คนหนึ่งที่ค่อนข้างเหมาะสม แม่ทัพใหญ่ผู้กล้าหาญและเก่งกาจในการสู้รบ ห้าวหาญชาญชัย สวมชุดเกราะทหาร มีกลยุทธ์ไม่ธรรมดา และมีกลยุทธ์ที่จะช่วยในการปกครองประเทศ จงรักภักดีต่อฝ่าบาท ควรค่าแก่การเป็นจอมพลทหารของแคว้นเจาของข้า ฝ่าบาทคิดเห็นเช่นไร”
จอมพลทหารตำแหน่งนี้จะเหยียบย่ำเซวียนผิงโหวขึ้นไปมิใช่หรือไร
จวงไทเฮาไม่ได้คัดค้านที่พระองค์แต่งตั้งจี้จิ่วแห่งกั๋วจื่อเจียน และไว้หน้าพระองค์เป็นอย่างมาก ยามนี้พระองค์คัดค้านคืนไป ไทเฮาก็จะมีวิธีขัดขวางไม่ให้จี้จิ่วอาวุโสขึ้นรับตำแหน่งได้เช่นกัน
ระหว่างพวกเขาเดิมทีก็มีความเสมอภาคอยู่บ้าง แต่ยามนี้ไทเฮาละโมบโลภมากเกินไปแล้ว!
จอมพลทหารอย่างนั้นรึ เหตุใดนางไม่กำจัดพระองค์ทิ้งไปเลย แล้วตัวเองขึ้นเป็นฮ่องเต้แทนเสียเลยล่ะ!
จวงไทเฮา “หากฝ่าบาทมีความเห็นใด วันหลังค่อยหารือกันก็ได้”
เล็บของฮ่องเต้จิกลงฝ่ามือ “เราไม่มีความเห็นใด เจตนาของไทเฮาก็คือเจตนาของเรา”
หลังจากเลิกประชุมเช้าแล้ว ฮ่องเต้ก็กลับตำหนักมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง
จวงไทเฮาก็กลับตำหนักเหรินโซ่ว
ทุกคนต่างคิดว่าจวงไทเฮาชนะแล้ว ทว่ามีเพียงจวงไทเฮาเองที่รู้ว่านางไม่พอใจ
ชั่วขณะที่เข้าตำหนักเหรินโซ่วมา ความหยิ่งทระนงและเอาแต่ใจบนสีหน้านางพลันหายไปสิ้น นางกลับมาเงียบงันอีกแล้ว
เมื่อก่อนจวงเมิ่งเตี๋ยสนิทกับไทเฮาที่สุด อันที่จริงนางพบความผิดปกติของไทเฮาแล้ว เพิ่งมาได้สองวัน แต่ไทเฮาผอมลงไปมาก
นางยังจำคืนวันฝนกระหน่ำได้ดี ไทเฮามาที่บ้านตระกูลจวงพร้อมกับอาการบาดเจ็บ ตอนนั้นสีหน้าไทเฮาแดงเรื่อ แต่หลายวันมานี้ขอแค่รอบกายไม่มีผู้ใด แววตานางก็จะเหม่อลอยไร้ประกาย
ไทเฮาเป็นเช่นนี้ทำเอานางปวดใจไม่น้อย
ทว่าทางฮ่องเต้ที่หลังจากกลับไปถึงตำหนักหวาชิงอย่างโมโหโกรธา ก็ขังตัวเองอยู่ในห้องบรรทมอย่างหงุดหงิด
คนที่ได้ยินเรื่องประชุมเมื่อเช้านี้ไม่ว่าใครล้วนไม่กล้าแตะต้องฮ่องเต้ให้ระเบิดอารมณ์ออกมา แต่ดันมีอยู่คนหนึ่งที่ไม่ได้ข่าวเรื่องประชุมเมื่อเช้า
ฉินฉู่อวี้
หลายวันมานี้ฉินฉู่อวี้คิดหาวิธีจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับสหายร่วมห้องอยู่ตลอด แต่พี่ไท่จื่อกับพี่สะใภ้ไท่จื่อเฟยไม่มีเวลามาสนใจเขาเลย เขาอับจนหนทาง จำต้องมาขอต่อหน้าเสด็จพ่อเท่านั้น
“เสด็จพ่อ เสด็จพ่อ เสี่ยวชีคิดถึง!”
หนึ่งในวิธีการบ๊องแบ๊วของเสี่ยวจิ้งคง ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ปากหวานไว้ก่อน!
ฮ่องเต้สีหน้าคลายลงจริงๆ มองลูกชายตัวน้อยจ้ำม่ำ ก่อนเอ่ยถาม “เจ้ามาได้อย่างไร วันนี้ไม่ไปเรียนรึ”
‘วันนี้กั๋วจื่อเจียนหยุด!” ฉินฉู่อวี้นั่งลงข้างกายเสด็จพ่อของตัวเอง
เขายังเด็กอยู่ ฮ่องเต้จึงไม่ได้พิธีรีตองยึดธรรมเนียมอะไรกับเขามากนัก แต่เมื่อก่อนเขาไม่ใช่คนแบบนี้ เห็นเสี่ยวจิ้งคงพูดคุยกับคนในครอบครัวแล้ว เขาจึงได้วิธีออดอ้อนบ้าง
นอกจากองค์ชายใหญ่แล้ว ก็ไม่มีโอรสคนไหนสนิสนมกับฮ่องเต้มาก่อน ราวกับพ่อลูกสามัญชนคนธรรมดา
ฉินฉู่อวี้กอดมือเสด็จพ่อตัวเองไว้ “เสด็จพ่อ ข้าอยากขอร้องท่านเรื่องหนึ่งได้หรือไม่”
ฮ่องเต้ “ว่ามาสิ”
ฉินฉู่อวี้ “ข้าพาเพื่อนร่วมชั้นมาเล่นที่วังได้หรือไม่”
เรื่องเล็กๆ แค่นี้ ปกติแล้วฮ่องเต้ไม่มีทางไม่อนุญาต แต่วันนี้โมโหไทเฮามากจริงๆ จึงตรัส “ย่าเจ้ากลับวังแล้ว เจ้าก็รู้ว่านางไม่ชอบเสียงดังๆ ไม่ชอบเสียงเจี๊ยวจ๊าวในวัง เกิดเด็กๆ อย่างพวกเจ้าก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นมา พ่อรับผิดชอบแทนพวกเจ้าไม่ไหวหรอกนะ”
ฉินฉู่อวี้เสียงอ่อย “ไอ้หยา เสด็จพ่อ แม้แต่บ้านเมืองท่านยังรับผิดชอบไหวเลย พวกเราก่อเรื่องขึ้นมาท่านจะรับผิดชอบไม่ไหวได้อย่างไร”
ดูประจบเข้า!
ฮ่องเต้ยิ้มอย่างอารมณ์ดี “เจ้ารู้ตัวด้วยหรือว่าพวกเจ้าก่อเรื่องไปเสียทุกครั้ง!”
ฉินฉู่อวี้กอดแขนพ่อพลางออดอ้อน “นะ นะ เสด็จพ่อ เสี่ยวชีรักรักท่านม๊ากมาก!”
ฮ่องเต้ขนลุกเกรียว!
เจ้าแปดขวบเข้าไปแล้ว คิดว่าตัวเองสี่ขวบหรือไร!
ฮ่องเต้ไม่มีทางเห็นด้วย ช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้จะให้ไทเฮาจับจุดอ่อนไม่ได้
ฉินฉู่อวี้ไม่เข้าใจเรื่องปากหวานก้นเปรี้ยวเช่นนี้ เขารู้แค่ว่าเขารับปากเพื่อนตัวน้อยไปแล้ว เขาก็ต้องทำให้ได้
เขาตอแยตามติดฮ่องเต้เหมือนเป็นหางน้อยๆ ที่งอกจากด้านหลังฮ่องเต้ ฮ่องเต้ไปห้องหนังสือ เขาก็ตามไปด้วย ฮ่องเต้ไปสวนดอกไม้ เขาก็ตามไปด้วย สุดท้ายฮ่องเต้เข้าห้องน้ำ
ฉินฉู่อวี้วิ่งลิ่วๆ ตามเข้ามา
ฮ่องเต้ “…”
เรื่องที่ฮ่องเต้ตัดสินใจไปแล้วโดยปกติแล้วจะไม่มีทางเปลี่ยน ฉินฉู่อวี้จึงทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แล้วแต่ก็ไม่อาจทำให้เสด็จพ่อเปลี่ยนใจได้
“กลับไปเถิด พรุ่งนี้ต้องตื่นไปเรียนแต่เช้า”
ฉินฉู่อวี้เดินไปข้างหน้าอย่างหงอยเหงาเศร้าซึม ยามนี้อยู่ริมสระไท่เย่พอดี เขาไม่ทันระวัง เท้าจึงลื่นตกลงไปในสระ
ฮ่องเต้ตาไว้มือเร็วคว้าเขาไว้ สุดท้ายฉินฉู่อวี้กุมหัวนั่งลง ฮ่องเต้กลับหัวทิ่มล้มลงไปในน้ำเพราะโผคว้าเอาอากาศ
ฉินฉู่อวี้ “…”
ฮ่องเต้ “…”
ไอ้ลูกชายทำร้ายพ่อ!
เว่ยกงกงตกใจหน้าถอดสี “ฝ่าบาท…”
แม้ว่าฮ่องเต้ถูกช่วยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่สำลักน้ำไปไม่น้อยทั้งยังเสียขวัญ ตกค่ำมาจึงเริ่มไม่สบาย ไข้ขึ้นสูง เหงื่อออกตอนกลางคืน ไอไม่หยุด จากนั้นก็หน้ามืดตาลาย คลื่นไส้อาเจียนอากาศ
เว่ยกงกงไปตามหมอหลวงเหลียงมา แต่หมอหลวงเหลียงกลับออกจากเมืองไปแล้ว
“หมะ…หมอหลวงจาง!” ฮ่องเต้ตรัสอย่างยากลำบาก
เว่ยกงกงส่งคนไปบ้านตระกูลจาง นึกไม่ถึงว่าหมอหลวงจางจะไม่อยู่บ้าน
ทั้งหมดนี้ราวกับว่าเป็นเหตุบังเอิญ!
เว่ยกงกงเอ่ย “ฝ่าบาท ให้ไปตามหมอหลวงหลี่หรือไม่”
ฮ่องเต้ตรัสด้วยสีหน้าซีดขาว “หมอหลวงหลี่เป็นคนของไทเฮา เจ้าคิดว่าเราจะวางใจส่งตัวเองไปอยู่ในมือเขารึ”
เว่ยกงกงกังวลใจยิ่ง “ชะ…เช่นนั้นจะทำเช่นไรดี หมอหลวงเฉินเล่าพ่ะย่ะค่ะ…”
“ไม่ต้องตามหมอหลวงแล้ว” ฮ่องเต้แววตาเย็นเยียบ “เจ้าไปเมี่ยวโส่วถัง ตามหมอเทวดาน้อยมา จำไว้ว่าอย่ากระโตกกระตากเกินไป เจ้าไปเอง”
“…พ่ะย่ะค่ะ!”
ค่ำมืดเพียงนี้แล้วไม่รู้เหมือนกันว่าหมอเทวดาน้อยอยู่ที่โรงหมอหรือไม่
เว่ยกงกงควบม้าออกจากวังตรงไปยังเมี่ยวโส่วถัง
เมี่ยวโส่วถังปิดไปแล้ว แต่ยังมีหมอที่เป็นเวรต้องตรวจคนไข้ยามวิกาล สามารถสั่นกระดิ่งนอกร้านเรียกได้
เว่ยกงกงสั่นกระดิ่ง
หมอซ่งเป็นคนเปิดประตูให้ เขาหาวหวอดๆ เอ่ยถาม “เจ้าไม่สบายตรงไหนรึ”
เว่ยกงกงรีบตอบ “ไม่ใช่ข้า เป็น…นายท่านของข้า! แม่นางกู้อยู่หรือไม่”
หมอซ่งเคยเจอเว่ยกงกง รู้ว่าเขาเป็นคนรับใช้ของใต้เท้าขุนนาง อีกทั้งพวกเขานายบ่าวก็เหมือนจะรู้จักกู้เจียวด้วย
หมอซ่งจึงเอ่ย “แม่นางกู้พักผ่อนแล้ว ข้าจะตามเจ้าไปตรวจเอง”
“ไม่ได้ ต้องแม่นางกู้เท่านั้น!” เว่ยกงกงหนักแน่น
หมอซ่งอธิบาย “แม่นางกู้ได้รับบาดเจ็บ ดึกดื่นเพียงนี้นางออกมารักษาไม่ได้…”
“เกิดอะไรขึ้นรึ”
เสียงเซียวลิ่วหลังดังขึ้น
หมอซ่งมองไปยังเซียวลิ่วหลังพลางเอ่ย “นายท่านของเขาป่วย อยากจะเชิญแม่นางกู้ไปรักษา”
เว่ยกงกงเห็นเซียวลิ่วหลัง สีหน้าจึงชะงักไป “จะ…จอหงวนเซียว เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
หมอซ่งตกใจที่อีกฝ่ายรู้จักเซียวลิ่วหลัง และรู้จักกู้เจียว แต่ไม่รู้ว่าเขาสองคนเป็นสามีภรรยากัน เขาเอ่ย “เขาเป็นสามีของแม่นางกู้!”
เว่ยกงกงปากอ้าตาค้าง
นึกไม่ถึงว่าจอหงวนเซียวจะเป็นสามีของแม่นางกู้ สามีแม่นางกู้คือเซียวลิ่วหลังจอหงวนคนใหม่อย่างนั้นรึ
เซียวลิ่วหลังมองเว่ยกงกงแวบหนึ่ง แล้วเอ่ย “ข้าทราบแล้ว ข้าจะไปบอกนางให้”
เว่ยกงกงได้สติกลับมา ไม่มีเวลามานึกถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ก็ค้อมกายขอบคุณทันที “ขอบคุณยิ่ง! ขอบคุณจอหงวนเซียว!”
เสียงความเคลื่อนไหวด้านนอกทำกู้เจียวตื่นนานแล้ว พอเซียวลิ่วหลังเข้าห้องมานางก็ลืมตาขึ้นแล้ว
“ต้องออกไปตรวจหรือ” นางถาม
เซียวลิ่วหลังชะงัก ก่อนจะเอ่ยต่อ “ฮ่องเต้ประชวร”
ฮ่องเต้ประชวรก็ควรไปตามหมอหลวงสิ นี่เป็นหลักเหตุผลที่ไม่ว่าใครก็ต่างรู้ดี ในเมื่อไม่ไปตามหมอหลวง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมาถึงมือกู้เจียวแล้ว
“ได้ ข้าจะไป” กู้เจียวพยักหน้า
การไปคราวนี้เกี่ยวข้องความเป็นความตาย
ฮ่องเต้หาหมอหลวงที่ไว้ใจไม่ได้ เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้เดียวคือไทเฮาอยากใช้โอกาสตอนพระองค์ประชวรทำให้พระองค์ตาย
เซียวลิ่วหลังครุ่นคิด แต่ไม่ได้ห้ามการตัดสินใจของนาง ถามเพียง “เจ้าบาดเจ็บ…”
“แค่แผลภายนอกเท่านั้น หายนานแล้ว” ไม่เป็นไรจริงๆ อย่างน้อยๆ นางก็ดูเป็นเช่นนั้น
เซียวลิ่วหลังหยิบชุดคลุมตัวนอกของนางให้ “ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
กู้เจียวครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้า “เอาสิ”