สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 504 จัดการเรียบร้อย (1)
บทที่ 504 จัดการเรียบร้อย (1)
“ไม่ได้!” กู้ฉังชิงปฏิเสธโดยแทบจะไม่ต้องคิด
เขารู้ดีว่ากาฬโรคนั้นน่ากลัวเพียงใด ใช่ว่าเขาไม่เคยประสบกับเหตุการณ์แบบนี้ ทุกครั้งที่เกิดสงคราม จะต้องมีการระบาดของโรค เพียงแต่ขึ้นอยู่กับความรุนแรงมากน้อยในแต่ละครั้ง
โรคภัยบางโรคหากพบเจอได้เร็วก็ป้องกันได้ทันท่วงที ทว่าการที่ผู้คนล้มตายก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงมิได้เช่นกัน
เขาไม่ยอมให้นางเอาตัวเข้าเสี่ยงโดยเด็ดขาด
“ข้าเป็นหมอนะ ไม่เป็นไรหรอกน่า” กู้เจียวเอ่ย พลางหยิบกล่องยาออกจากตะกร้า รวมถึงถุงมือ แว่นตา และชุดกาวน์ผ่าตัด
กู้ฉังชิงมองดูน้องสาวตัวเองที่กำลังหยิบวัตถุหน้าตาแปลกประหลาดออกมาจากตะกร้า ถึงกับอ้ำอึ้งพูดไม่ออก
“เจ้า…”
เขาอ้าปากค้าง
กู้เจียวดึงสายรัดสองเส้นสุดท้ายบนชุดผ่าตัดและพูดกับกู้ฉังชิง “แค่มีของพวกนี้อยู่ ข้าก็ไม่กลัวการติดเชื้อแล้ว!”
ตามหลักแล้วนางควรสวมชุดป้องกันโรคจึงจะปลอดภัยที่สุด แต่กล่องยาของนางมีเพียงแค่ชุดผ่าตัดแค่ชุดเดียว แถมยังเป็นขนาดพอดีตัวนางอีกด้วย
เรื่องที่กู้เจียวตัดสินใจแล้วไม่ว่าใครก็ไม่อาจเปลี่ยนใจนางได้ ต่อให้กู้ฉังชิงตัดสินใจแล้วว่าเขาจะเป็นคนทำเอง กู้เจียวก็จะตามเขาไปอยู่ดี เว้นเสียแต่กู้ฉังชิงจะกดจุดให้นางขยับตัวไม่ได้ แต่ถ้าจู่ๆ เกิดพวกทหารของราชวงศ์ก่อนโผล่มา กู้เจียวที่ขยับตัวไม่ได้และถูกทิ้งให้อยู่ลำพังก็อาจตกอยู่ในอันตรายได้
หลังจากครุ่นคิดอยู่หลายตลบ ในที่สุดกู้ฉังชิงก็ยอมให้นางลงมือ
คราวนี้กู้เจียวไม่ได้พกปืนออกมา มีอาวุธติดตัวแค่กริชหนึ่งเล่ม
กู้ฉังชิงจึงยื่นกริชของเขาเองให้นาง “ใช้นี่สิ”
กริชของเขามีความคมและเบากว่าของกู้เจียว
“ได้” กู้เจียวไม่ปฏิเสธ
“เปิดประตูไว้ด้วยล่ะ” กู้ฉังชิงกำชับ
“อื้อ” กู้เจียวน้อมรับ
เห็นไหม นางออกจะเชื่อฟัง
กู้เจียวมายังหน้าห้องของทหารหน่วยกล้าตายพร้อมกับกริช ยกมือขึ้นแล้วเคาะประตู
นายทหารนึกว่าเป็นทหารของราชวงศ์ก่อน จึงเปิดประตูให้
ทันทีที่ประตูเปิด เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขากระแทกประตูให้ปิด แต่มันก็สายเกินไป กู้เจียวเตะไปที่ประตูและแทงเอวของเขาด้วยกริชในมือของนาง!
หลังจากนั้น เขานึกเสียดายทันที ทำไมเขาต้องปิดประตูด้วยเล่า ก็ฆ่าศัตรูเสียเลยสิ!
แม้โอกาสจะน้อยนิด หากเขาเลือกโจมตีนางโดยตรง อาจทำให้นางหมดหนทางหนีก็เป็นได้
ทว่าแรงกริชของกู้เจียวนั้นทั้งเร็วแรงและแม่นยำ แทบไม่มีช่องว่างให้เขาได้หายใจหายคอด้วยซ้ำ
กู้เจียวดึงกริชออกจากร่างอีกฝ่ายจนเลือดพุ่งออกมา!
ร่างหมดลมของเขาร่วงหล่นลงพื้นโดยที่ตัวเขาเองยังไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นว่าชุดของกู้เจียวเต็มไปด้วยเลือด กู้ฉังชิงรีบลุกขึ้นจากพุ่มไม้และเดินมุ่งหน้ามาทางกู้เจียว
กู้เจียวยืนมือห้ามเขาไว้ “ข้าไม่เป็นอะไร เจ้าอย่าเข้ามา!”
นี่เป็นเลือดที่ติดเชื้อ
กู้ฉังชิงหยุดฝีก้าวบนสะพานไม้ และมองกู้เจียวอยู่ห่างๆ ด้วยความกังวล
จากนั้นกู้เจียวจัดแจงลากศพมายังกระโจมหลังหนึ่ง เดิมทีนางต้องการจะเผาทั้งหลัง แต่จู่ๆ ก็เกิดลังเลและเลือกที่จะเปลี่ยนแผน
กู้เจียวพยายามมองหาพลั่ว แต่กลับไม่พบ จึงตัดสินใจเคาะประตูกระโจมอื่น
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ไม่มีใครเปิดประตูออกมาสักคน
กู้เจียวพยายามเคาะประตูหลายๆ หลัง ก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีใครออกมา
“เป็นเพราะข้าไม่พูดหรือเปล่า พวกเขาเลยไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร หรือพวกเขาคิดว่าข้าเป็นใครกันนะ” ขณะที่กู้เจียวลังเลว่าจะพูดหรือไม่ จู่ๆ ประตูของกระโจมหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ทิศตะวันออกก็เปิดออก
คนที่เดินออกมาคือชายหนุ่มที่พยายามหลบหนีแต่ถูกทหารหน่วยกล้าตายทำร้ายนั่นเอง
เขาชำเลืองการแต่งตัวของกู้เจียวด้วยสายตาฉงนอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหันไปทางร่างไร้วิญญาณที่จมกองเลือดของทหารคนนั้น
ชายหนุ่มถึงกับนิ่งไป
“เจ้ามีพลั่วไหม” กู้เจียวเดินเข้าไปหาเขา แล้วเอ่ยถาม
สิ่งแรกที่ชายหนุ่มตกใจคือ นางเป็นแค่เด็กผู้หญิง!
น่ะ นี่ นี่มันเด็กผู้หญิงนี่!
“มีพลั่วไหม” กู้เจียวถามอีกรอบ
“อะ เอ่อ มี มี มีสิ จะ เจ้า…แม่นาง…เอ่อ…” ชายหนุ่มไม่รู้จะเรียกนางว่าอย่างไร พลางเอ่ยถามด้วยเสียงติดอ่าง “จะ เจ้า จะเอาพลั่วไหม”
“เอาสิ” กู้เจียวตอบ
ชายหนุ่มหันกลับไปทางกระโจม บางทีอาจเป็นเพราะเขาประหม่าและลนเกินไป ตัวของเขาจึงกระแทกเข้ากับแผงประตูจนตาลาย
หลังจากที่เขาเข้าไปข้างใน กู้เจียวได้ยินเสียงสนทนาเล็ดลอดออกมา
“ผู้ใดหรือ”
“ข้าไม่เคยหน้ามาก่อน แต่ไม่น่าจะใช่คนของยี่อ๋องหรอก”
ยี่อ๋อง นายพลใหญ่ของอดีตราชวงศ์ และได้ข่าวว่าเป็นลุงแท้ๆ ของพลทหารม้าอีกด้วย
“เจ้าบ้าไปแล้วรึ! พวกเขาไม่ให้พวกเราต้อนรับพูดคุยกับคนนอก ไม่อย่างนั้นพวกมันต้องมาเก็บพวกเราแน่ๆ !”
“พวกเราอยู่ที่นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับรอวันตายหรอก อีกทั้งนางยังฆ่าเจ้านั่นแล้วด้วย นางมาที่นี่เพื่อช่วยพวกเรา!”
“เจ้าจะไปรู้อะไร!”
“ข้าไม่สน อย่างไรเสียข้าต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้!”
ชายหนุ่มพูดจบ ก็คว้าพลั่วแล้วเดินออกไป
เขายื่นพลั่วนั้นให้กู้เจียว “อ่ะนี่”
ขณะที่กู้เจียวกำลังยื่นมือรับ จู่ๆ เขานึกอะไรขึ้นได้แล้วชักมือกลับพลางเดินถอยหลังหนึ่งก้าว “พวกเราที่นี่ติดเชื้อกันหมด ระวังจะโดนด้วยล่ะ”
“ข้ารู้” กู้เจียวก้าวเท้าไปข้างหน้าแล้วคว้าพลั่วที่อยู่ในมือเขา “ขอบใจเจ้านะ”
“เอ่อ” ชายหนุ่มกำลังจะพูดต่อ แต่กู้เจียวกลับหันหลังแล้วเดินออกไป
กู้เจียวเดินมาที่หลังหมู่บ้านและลงมือใช้พลั่วขุดหลุม พอขุดไปได้ครึ่งหนึ่ง ชายหนุ่มคนนั้นก็ได้เดินเข้ามาหา “เจ้ากำลังขุดหลุ่มอยู่รึ เดี๋ยวข้าช่วยเอง”
“ไม่ต้องหรอก” กู้เจียวเอ่ย
แม้จะถูกปฏิเสธ แต่ชายหนุ่มก็ยังยืนกรานที่จะช่วย และใช้พลั่วอีกอันลงมือขุดหลุม
กู้เจียวมองเขาอยู่พักหนึ่งโดยไม่พูดอะไร
สองคนย่อมดีกว่าคนเดียว พอขุดเสร็จ กู้เจียวก็กระโดดขึ้นจากหลุ่ม ก่อนจะเอื้อมมือดึงร่างของชายหนุ่มขึ้นมาด้วย
ตอนแรกชายหนุ่มลังเลที่จะแตะต้องตัวนาง แต่พอเห็นว่านางใส่ถุงมือ ก็เลยยื่นมือให้แต่โดยดี
กู้เจียวลากศพของทหารลงหลุมพร้อมกับกองฟืนที่ใช้เป็นเชื้อเพลิง และทำการจุดไฟ
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่ พลางเอ่ยถามด้วยท่าทีหวาดกลัวแต่ก็สงสัยในคราเดียวกัน “นี่เจ้าเป็นคนฆ่าเขาจริงๆ ใช่ไหม”
ตอนแรกที่เขาพูดกับเพื่อนร่วมห้องเช่นนั้นว่านางเป็นคนฆ่านายทหารก็เพื่อปลอบใจเท่านั้น แต่ตัวเขาเองไม่ได้เชื่อเช่นนั้น
นี่มันเซียนชัดๆ !
“อืม” กู้เจียวเอ่ยอืม
ชายหนุ่มยังคงทำหน้าสงสัย “เจ้าเป็นใครมาจากไหน เหตุใดต้องฆ่าเจ้าหมอนี่ หรือว่าครอบครัวของเจ้าถูกพามาที่นี่เหมือนกันอย่างนั้นรึ”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ เขาก็รีบส่ายหัวแล้วเอ่ยต่อ “เอ่อ ข้าถามเจ้ามากไปหรือไม่ เจ้าจะไม่ตอบข้าย่อมได้นะ! ในเมื่อเจ้าเป็นคนจัดการหมอนี่ แปลว่าเจ้าเป็นคนดี!”
“คนที่อยู่ที่นี่ส่วนใหญ่เป็นใครมาจากไหนรึ” กู้เจียวเอ่ยถาม
“มีหมดแหละ ตั้งแต่ระดับพ่อค้าไปจนถึงใต้เท้า”
กู้เจียวสงสัย “พวกเขาไม่ใช่คนของหมู่บ้านนี้หรอกรึ”
ชายหนุ่มเริ่มคร่ำครวญ “ชาวบ้านที่นี่ถูกพวกมันฆ่าตายเมื่อนานมาแล้ว พวกเราถูกจับให้มาอยู่ที่นี่ในภายหลัง และสมาชิกในครอบครัวของพวกเราก็ถูกพวกมันพาไปด้วย ถ้าพกเราไม่เชื่อฟัง พวกมันก็จะทรมานสมาชิกในครอบครัวของเรา หรือไม่ก็ส่งมารอความตายที่นี่”
กู้เจียวถามต่อ “แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่เชื่อฟังพวกมันล่ะ”
“ข้าไม่มีครอบครัว” ชายหนุ่มทำหน้าเศร้าหมอง เพราะครอบครัวของเขาตายหมดแล้ว ถูกคนของพวกมันฆ่าตายจนไม่เหลือ
ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง
กู้เจียวนิ่งอยู่พักหนึ่ง ก่อนเอ่ยต่อ “ทหารพวกนั้นคอยส่งข้าวให้พวกเจ้าทุกวันอย่างเดียวหรือ ยังมีอย่างอื่นอีกไหม เช่นตรวจร่างกายพวกเจ้า”
ชายหนุ่มส่ายหัว “ไม่มีนะ พวกนั้นไม่กล้าเข้าใกล้พวกเราด้วยซ้ำ เจ้าคือคนแรกที่กล้าเข้าใกล้พวกเรา ข้าถามจริงๆ นะ เจ้าไม่กลัวติดเชื้อบ้างเลยรึ หรือว่า…เจ้าติดเชื้อไปแล้ว”
“ข้ายังไม่ติดเชื้อน่ะ” กู้เจียวเอ่ย
ชายหนุ่มรีบแย้ง “เช่นนั้น เจ้าต้องรีบออกไปจากที่นี่เสีย! อีกหนึ่งชั่วยาม พวกมันก็จะเข้ามาส่งอาหารเย็น หากรู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ แถมพบว่าเจ้าฆ่าคนของพวกมันไปแล้ว เจ้าต้องถูกล่าแน่ๆ !”
“เจ้ามีนามว่าอันใด”
ชายหนุ่มเอ่ยตอบ “ข้ามีนามว่าเสิ่นเซวียน พ่อแม่ข้าเรียกข้าว่าเสี่ยวสือโถว”
กู้เจียวจ้องมองเขาด้วยสายตาหนักแน่น “เสี่ยวสือโถว ข้าไว้ใจเจ้าได้หรือไม่”