สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 551 ถือหาง
บทที่ 551 ถือหาง
ขอบหน้าต่างค่อนข้างสูง แต่เสี่ยวจิ้งคงเป็นเด็กฉลาด เขาจึงยกกระถางต้นไม้มาเหยียบปีน สองมือยันขอบหน้าต่างไว้ ขาน้อยสั้นป้อมข้างหนึ่งยกปีนขอบหน้าต่าง แล้วไถลลงมา
หวงฝู่เสียนมองเจ้าเห็ดน้อยอย่างรังเกียจ
ไม่รู้เลยสักนิดว่าตัวเองถูกเจ้าเห็ดน้อยน่ารังเกียจที่กำลังหมุนเปลี่ยนทิศทางนี่ หันก้นน้อยๆ ของตัวเองใส่หวงฝู่เสียนแล้วไถลตัวลงมา
ตรงนี้สูงเกินไปแล้ว กระโดดลงไปมีหวังเจ็บแน่ คงต้องลงเช่นนี้แล้วล่ะ
หวงฝู่เสียนเห็นก้นน้อยๆ ที่เกือบจะชนใบหน้าตัวเอง เขาต้องเปลืองเรี่ยวแรงมหาศาลถึงข่มความพลุ่งพล่านที่อยากจะโยนเขาออกจากขอบหน้าต่าง
หลังจากถึงพื้นแล้วเสี่ยวจิ้งคงก็หมุนตัวมาหา แล้วเอ่ยทักทายหวงฝู่เสียนอย่างมีมารยาทอีกครั้ง “ท่านพี่!”
หวงฝู่เสียนแค่นเสียงใส่
คนปกติมาถึงตรงนี้ก็น่าจะรู้สึกว่าหวงฝู่เสียนรังเกียจตนทั้งยังเอาแต่ใจไร้เหตุผลยิ่งนัก แต่เสี่ยวจิ้งคงกลับไม่มีความรู้สึกนั้นเลยสักนิด
ตรงกันข้าม เสี่ยวจิ้งคงรู้สึกสนิทสนมมาก
อย่างไรเสีย กู้เหยี่ยนอยู่ที่บ้านก็ชอบชักสีหน้าเช่นนี้ใส่คนอื่นอยู่แล้ว
เพียงแต่กู้เหยี่ยนไม่ได้มีความเป็นปรปักษ์มากเท่าหวงฝู่เสียน กู้เหยี่ยนมีนิสัยขี้น้อยใจเอาแต่ใจเพราะถูกตามใจจนชิน แต่หวงฝู่เสียนกลับใช้ชีวิตอยู่ในความมืดมิดมาโดยตลอดจริงๆ ใจเขามืดมนอย่างหาใดจะเทียมได้ ตลอดทั้งบ่ายอยู่ดีๆ เขาก็โมโห เดี๋ยวก็นิ่งเป็นศพ
ไม่มีใครชอบเขา พูดให้ถูกก็คือ ไม่มีใครไม่กลัวเขาเลย
พวกเด็กน้อยเพียงแค่เห็นเขาแวบเดียวก็เป็นต้องร้องไห้จ้าละหวั่น ส่วนบิดาและมารดาเขานั้น เพียงแค่เขาเผยขาพิการออกมา ก็สามารถเห็นสีหน้ารับไม่ได้จากใบหน้าพวกเขาได้แล้ว
นั่นมันช่าง…ทำให้เขาสะใจจนอยากจะหัวเราะแบบร้ายๆ ออกมา
“ท่านพี่กำลังรอข้าอยู่หรือ” เสี่ยวจิ้งคงชี้ตำแหน่งที่เขานั่งอยู่ตอนนี้ ซึ่งใกล้กับข้างหน้าต่างมาก มองปราดเดียวก็เห็นความเคลื่อนไหวภายในลานตำหนักได้แล้ว
“เจ้ามีอะไรให้น่ารอกัน เจ้ากินเก่งหรือดื่มเก่งล่ะ” หวงฝู่เสียนถามอย่างไม่สบอารมณ์
“ข้ามีของกินนะ! เอาไปสิ!” เสี่ยวจิ้งคงล้วงถุงกระดาษมันแผลบออกมาจากกระเป๋าใบน้อย พอเปิดออกก็เผยให้เห็นผลไม้เชื่อมวาววับหลายเม็ด “นี่เป็นผลไม้เชื่อมที่ท่านปู่ข้าทำ อร่อยสุดยอดมากเลย!”
หวงฝู่เสียน “…”
‘เด็กคนนี้ฟังภาษาคนออกบ้างหรือไม่!’
หวงฝู่เสียนไม่ชอบกินพวกของหวานเลี่ยน และไม่ชอบเด็กที่หน้าตาน่ารักด้วย
แน่นอนว่าที่หน้าตาอัปลักษณ์เขายิ่งไม่ชอบ
สรุปก็คือเขาไม่ชอบอะไรสักอย่าง!
“ท่านพี่ เอาไปสิ” เสี่ยวจิ้งคงยัดห่อผลไม้เชื่อมใส่มือเขา
เด็กน้อยเพิ่งจะไปเล่นหิมะมา นิ้วจึงเย็นเจี๊ยบ แต่ฝ่ามือกลับมีเหงื่อออก นุ่มนิ่มเป็นก้อนเล็กๆ ให้สัมผัสที่ประหลาดไม่น้อย
หลังจากเสี่ยวจิ้งคงให้ผลไม้เชื่อมไปก็ดึงมือน้อยๆ ตัวเองกลับมา เขาฟุบลงบนที่พักแขนของรถเข็นมองหวงฝู่เสียน “ท่านพี่ แผลพี่หายหรือยัง”
“อืม” หวงฝู่เสียนขานรับน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“ข้าขอดูหน่อย” เสี่ยวจิ้งคงเป็นเด็กน้อยที่เคร่งครัดมาก จะต้องเห็นกับตาว่าจริงถึงจะพอ
“เหตุใดเจ้าจึงวุ่นวายเพียงนี้” หวงฝู่เสียนพึมพำอย่างรำคาญ
เขาไม่มีทางเป็นฝ่ายเปิดแผลตัวเองให้คนอื่นดูหรอก แต่เมื่อเสี่ยวจิ้งคงยื่นมือนุ่มนิ่มมาจับมือเขาอีกครั้ง เขาก็ไร้การต่อต้านใดๆ เลย
สัมผัสนุ่มนิ่มเหมือนอุ้งเท้าแมวนั้นมาอีกแล้ว
เสี่ยวจิ้งคงดูละเอียดมาก ครู่ใหญ่ จึงพยักหน้าอย่างจริงจัง “อื้ม ฟื้นตัวได้ไม่เลว สะเก็ดนี่อีกไม่กี่วันก็หลุดแล้ว ท่านพี่อย่าไปเกามันเด็ดขาดนะ”
หวงฝู่เสียนแค่นเสียงเย็น “ไม่ต้องให้เจ้ามาบอกหรอก”
“ท่านพี่ มือพี่สวยจัง” เสี่ยวจิ้งคงจับมือเรียวยาวสะอาดสะอ้านของเขา แววตาชื่นชมอย่างไม่ปิดบัง
ว่ากันตามตรง มือคู่นี้ของหวงฝู่เสียนสวยมากจริงๆ ข้อต่อชัดเจน นิ้วเรียวยาวขาวผ่อง ประณีตราวกับหยกสลัก
นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนชมเขาว่าสวย ต่อให้จะชมแค่มือเขาก็เถอะ
เขาเป็นคนพิการ ทุกคนเห็นขาพิการของเขาก็ต่างเผยสีหน้าเหมือนก้างติดคอ เขารู้ตั้งแต่เด็กๆ แล้วว่าสองขาตัวเองอัปลักษณ์นัก ก่อนจะค่อยๆ รู้สึกว่าตัวเองอัปลักษณ์ไปทั้งตัว
เขาเป็นเพียงคนอัปลักษณ์เหลือทนคนหนึ่ง
เป็นคนที่ไม่ควรและไม่มีสิทธิ์ออกมาทำตัวขายหน้าให้คนอื่นเห็น
“สวยจริงๆ นะนี่”
มือป้อมๆ สองข้างของเสี่ยวจิ้งคงพลิกมือหวงฝู่เสียนดูไปมา
ว่ากันว่าเด็กน้อยโกหกไม่เป็น ความจริงแล้วไม่ใช่เลย หากเสี่ยวจิ้งคงได้โกหกขึ้นมาแม้แต่ตัวเองก็ยังเชื่อ
แต่ไม่มีเด็กคนไหนจำเป็นต้องโกหกคนพิการคนหนึ่งอย่างเขา
ซ้ำยังหลอกแล้วไม่ได้ของกินของดื่มอีก
เสี่ยวจิ้งคงเล่นมือเขา ส่วนเขามองเสี่ยวจิ้งคงที่เล่นมือเขา
ในขณะนั้นเองเหลียนเอ๋อร์ก็กลับมา
เหลียนเอ๋อร์เห็นเจ้าเด็กน้อยเพิ่มขึ้นมาในห้อง จึงตกใจร้องไอ้หยาขึ้น!
หวงฝู่เสียนคิดจะห้ามนางก็ไม่ทันแล้ว องค์หญิงหนิงอันอยู่ใกล้ๆ นางจึงเดินมาตามเสียงร้องตกใจของเหลียนเอ๋อร์
“เกิดอะไรขึ้นรึ” องค์หญิงหนิงอันยืนถามอยู่หน้าประตู
เหลียนเอ๋อร์ที่อยู่ในห้องชี้ “ดะ…เด็กคนหนึ่งน่ะเพคะ!”
องค์หญิงหนิงอันสาวเท้าเข้าไปข้างใน ปรับตาสายตามองก็จำเสี่ยวจิ้งคงได้
หวงฝู่เสียนชักมือที่ถูกเสี่ยวจิ้งคงเล่นกลับมาตามสัญชาตญาณทันที สีหน้ากลับมาเย็นชาดังเดิมอีกครั้ง
ทว่ามารดาย่อมรู้จักลูกชายตัวเองดี ชั่วขณะที่องค์หญิงหนิงอันเข้ามาในห้องก็เห็นความผิดแปลกของหวงฝู่เสียนแล้ว
องค์หญิงหนิงอันแย้มยิ้มเดินไปหา “จิ้งคงใช่หรือไม่ เจ้าจำข้าได้หรือไม่”
“อื้ม…ท่านคือ…” เสี่ยวจิ้งคงเคยไปตำหนักเหรินโซ่ว ย่อมเคยเจอองค์หญิงหนิงอัน และรู้ว่านางเป็นมารดาของหวงฝู่เสียน ดวงตาเขากลอกกลิ้งไปมา ก่อนทักทายอย่างมีมารยาท “องค์หญิงหนิงอัน”
องค์หญิงหนิงอันยิ้มอ่อนโยน ยกมือไปลูบแก้มเขา
หวงฝู่เสียนเอ่ย “ท่านแม่”
มือขององค์หญิงหนิงอันที่จะแตะตัวเสี่ยวจิ้งคงพลันชะงัก นางหันมามองเขา ยิ้มจางๆ เอ่ย “มีอะไรรึ”
หวงฝู่เสียนเอ่ยเสียงเย็น “ข้าเหนื่อยแล้ว อยากพัก”
องค์หญิงหนิงอันแย้มยิ้มอย่างจนใจ ก่อนเอ่ยกับเขาอย่างรักใคร่ “เจ้ากำลังทำไม่ถูกนะ เจ้ามีเพื่อนใหม่เหตุใดไม่บอกแม่สักคำ เพื่อนเจ้าเพิ่งจะมาถึงกระมัง เจ้าก็เล่นเป็นเพื่อนเพื่อนใหม่เจ้าหน่อยสิ อย่ารีบร้อนไปพัก”
“ข้าง่วง” หวงฝู่เสียนเอ่ยจบ แพขนตาก็สั่นระริก รีบเอ่ยเสริมขึ้น “เขาไม่ใช่เพื่อนข้า! นกของเขาบินมาในลานบ้านเรา เขาก็แค่เข้ามาหานกเขาเท่านั้น”
เสี่ยวจิ่วที่กำลังรื้อข้าวของบนหมอนของหวงฝู่เสียน “…”
องค์หญิงหนิงอันยิ้มบาง “ไหนๆ ก็มาแล้ว คบหากันเป็นเพื่อนก็ไม่เห็นเป็นไร จิ้งคงเป็นน้องชายของหมอกู้ ไทเฮารักเอ็นดูเขามาก คิดดูแล้วพวกเจ้าเป็นเพื่อนกันก็ไม่เลว”
นางเอ่ยพลางค้อมตัวลงเล็กน้อย มองไปยังเสี่ยวจิ้งคงอย่างอ่อนโยน “จิ้งคง เจ้ายินดีเป็นเพื่อนกับพี่เสียนเอ๋อร์หรือไม่”
เสี่ยวจิ้งคงพยักหน้า
องค์หญิงหนิงอันลูบศีรษะน้อยๆ ของเขา
เสี่ยวจิ้งคงหลบไปด้านหลัง สองมือน้อยๆ จับหัวตัวเองไว้ ฝ่ามือลูบเบาๆ พลางเอ่ย “ผู้หญิงคนอื่นจะมาจับหัวข้าไม่ได้นะ เจียวเจียวจับได้คนเดียว”
องค์หญิงหนิงอันหลุดหัวเราะ “ได้สิ ข้าไม่จับ” นางหันไปมองนอกประตู “เหลียนเอ๋อร์ ไปเอาขนมเกาลัดในห้องข้ามาที”
“เพคะ!”
เหลียนเอ๋อร์หันหลังเดินออกไป
เพียงไม่นานนางก็ยกขนมเกาลัดหน้าตาสวยงามมาจานหนึ่ง
องค์หญิงหนิงอันรับมา แล้วหยิบหนึ่งชิ้นส่งให้เสี่ยวจิ้คงด้วยตัวเอง “นี่เป็นขนมเกาลัดที่ข้าทำเอง รสชาติไม่เหมือนกับของวังหลวง จิ้งคงลองชิมดูสิ”
เสี่ยวจิ้งคงเอ่ยอย่างลังเล “ตะ…แต่เจียวเจียวบอกว่าข้าจะกินของคนอื่นมั่วซั่วไม่ได้”
องค์หญิงหนิงอันยิ้ม “ข้าไม่ใช่คนอื่นไกลนะ ข้าเป็นลูกสาวของท่านย่าเจ้า พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน”
เสี่ยวจิ้งคงตั้งอกตั้งใจคิด “อืม…เช่นนั้นข้าก็เป็นคนครอบครัวเดียวกันกับท่านพี่หรือ”
องค์หญิงหนิงอันพยักหน้า “แน่นอนสิ พวกเจ้าเป็นครอบครัวเดียวกัน”
ของของคนในครอบครัวก็น่าจะกินได้กระมัง
เสี่ยวจิ้งคงสูดน้ำลาย รับขนมที่องค์หญิงหนิงอันส่งมาให้
ไหนเลยจะรู้ยังไม่ทันเอาเข้าปากก็ถูกหวงฝู่เสียนใช้หลังมือปัดไปเสียได้
หลังมือน้อยๆ ของเขาเจ็บ มือจึงคลายลง ขนมจึงร่วง
หวงฝู่เสียนเอ่ยเสียงเย็น “ใครอนุญาตให้เจ้ากินของของพวกข้า ไม่ให้เจ้ากิน!”
องค์หญิงหนิงอัน “เสียนเอ๋อร์”
หวงฝู่เสียนคล้ายโกรธมาก ปัดจานในมือองค์หญิงหนิงอันทิ้งอย่างโมโห ขนมทั้งหมดจึงหกกับพื้น
องค์หญิงหนิงอันสีหน้าอึมครึม “เสียนเอ๋อร์!”
หวงฝู่เสียนเอ่ยเสียงเกรี้ยวกราดใส่องค์หญิงหนิงอัน “ของของข้าไม่อนุญาตให้คนอื่นกิน! ข้าไม่ชอบให้ท่านทำดีกับคนอื่น!”
เสี่ยวจิ้งคงมองหวงฝู่เสียนด้วยความเสียใจ เอ่ยเสียงอู้อี้ “…ข้าไม่มีทางแย่งแม่ท่านพี่แน่นอน ข้ามีเจียวเจียวแล้ว”
หวงฝู่เสียนกลับคล้ายไม่ได้ยินคำอธิบายเขา เอ่ยด้วยสีหน้ารังเกียจ “เจ้าไปได้แล้ว! ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า! ต่อไปนี้ถ้านกเจ้ามันกล้าบินมาในลานบ้านข้าอีก! ข้าจะฆ่ามันมาตุ๋นน้ำแกงนก!”
เสี่ยวจิ่วที่กำลังรื้อบ้านพลันรู้สึกไม่พอใจในทันใด!
เสี่ยวจิ้งคงหูลู่หางตก หิ้วปีกข้างหนึ่งของเสี่ยวจิ่วเดินจากไปอย่างน้อยอกน้อยใจ
เสี่ยวจิ่วที่กำลังนั่งบนพื้นถูกลากไปตลอดทางเหมือนไม้ถูพื้น “…”
องค์หญิงหนิงอันมองหวงฝู่เสียนนิ่งๆ บรรยากาศภายในห้องพลันแปลกไป
เหลียนเอ๋อร์สัมผัสได้ถึงบรรยากาศของพายุฝนที่กำลังตั้งเค้า
ทว่าสุดท้ายองค์หญิงหนิงอันก็สูดหายใจลึก ก่อนค่อยๆ พรูออกมาช้าๆ แล้วหันหลังเดินจากไป
“เจ้าก็ออกไปด้วย”
หวงฝู่เสียนบอก
เหลียนเอ๋อร์ที่ขาข้างหนึ่งเพิ่งจะข้ามธรณีประตูมาพลันชักกลับอย่างไม่พอใจ
ห้องกว้างขวางกลับมาเหลือแค่หวงฝู่เสียนคนเดียวอีกครั้ง
เขามองลานเรือนอันเงียบงัน ราวกับว่าตรงนั้นไม่เคยมีใครมาเหยียบมาก่อน ราวกับฟ้าดินกว้างใหญ่มีแต่เขาผู้เดียวตั้งแต่ต้นจนจบ
แบบนี้ก็ดี
แบบนี้ดีที่สุด
เขาไม่ต้องการเพื่อน
ไม่ต้องการความสงสาร
ไม่ต้องการความสุข
นำความสงสารและเห็นใจมาใกล้ชิดเขา สุดท้ายก็ทอดทิ้งเขาไปด้วยความหวาดกลัวและรังเกียจ
เขาเบื่อมันเต็มทนแล้ว
“ท่านพี่!”
นึกไม่ถึงว่าเห็ดน้อยดอกนั้นจะงอกขึ้นจากขอบหน้าต่างอีกครั้ง!
หวงฝู่เสียนตกใจจนเซกลิ้งขลุกๆ ลงมาจากรถเข็นตัวเอง…