CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 557 ตัดไฟเสียแต่ต้นลม!

  1. Home
  2. สามีข้าคือขุนนางใหญ่
  3. บทที่ 557 ตัดไฟเสียแต่ต้นลม!
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

บทที่ 557 ตัดไฟเสียแต่ต้นลม!

เจ้ากรมสิงเชื่อมั่นในเซียวลิ่วหลังมาก ประการแรก เพราะเขาคิดว่าเซียวลิ่วหลังเป็นเพียงแค่บัณฑิตตัวเล็กๆ คงไม่บังอาจพลั้งมือฆ่านักโทษใจอำมหิตได้อย่างแน่นอน ประการที่สอง เซียวลิ่วหลังเป็นคนที่มีภาพลักษณ์สะอาดและซื่อสัตย์มาแต่ไหนแต่ไร

ใครๆ ล้วนโกหกได้ แต่ไม่ใช่เซียวลิ่วหลังแน่นอน!

นอกจากจะไว้ใจเซียวลิ่วหลังเต็มที่แล้ว เขายังกังวลอีกว่าคนนุ่มนวลอย่างเซียวลิ่วหลังต้องมาเห็นภาพนักโทษฆ่าตัวตายต่อหน้าต่อตาจะตกใจผวาจนเกิดภาพหลอนหรือไม่

ดูเหมือนเจ้ากรมจะลืมสนิทว่าเซียวเหิงเคยชันสูตรพลิกศพมาก่อน นับประสาอะไรกับคนเป็นๆ

ประเด็นก็คือท่าทีของเซียวเหิงที่แสดงออกมานั้นราวกับคนที่กำลังสะเทือนขวัญ “…ถ้าตอนนั้นข้าให้ยาที่แรงกว่านี้ เขาคงไม่ฟื้นคืนพละกำลังอย่างรวดเร็วและคิดฆ่าตัวตาย ไม่เช่นนั้นเราคงได้เบาะแสเพิ่มเติมมาอีก”

นั่นสินะ เจ้านั่นเขียนไว้แค่ว่าเป็นองค์หญิง แต่ไม่ได้ชี้ชัดว่าเป็นองค์หญิงคนไหน

นี่คือความเฉียบแหลมของเซียวเหิง

บางครั้งการจัดฉากรวมกับแสดงอาการขวัญเสียเล็กน้อยรวมถึงช่องโหว่อะไรบางอย่างอาจทำให้อะไรๆ ดูมีเหตุผลและลื่นไหลมากขึ้น

เจ้ากรมตบไหล่เขาและพูดด้วยความโล่งใจ “เจ้าทำได้ดีมากแล้ว หากเป็นคนอื่นอาจทำได้ไม่เท่าเจ้าก็เป็นได้”

“ข้าแค่พยายามใช้อารมณ์และเหตุผลในการโน้มน้าว…” พอเอ่ยไปได้เพียงครึ่งประโยค เซียวเหิงก็หยุดพูดแล้วทำหน้าลังเล

เจ้ากรมเอ่ยกับเสมียนสองนาย “พวกเจ้า ไปเก็บกวาดด้วย ส่วนลิ่วหลัง ตามข้ามา”

“ขอรับ”

เซียวเหิงเดินตามเจ้ากรมไปที่ห้องทำงาน

“เจ้ามีอะไรจะพูดกับข้าใช่ไหม” เจ้ากรมเปิดถาม

“ไป่คุนไม่ได้ฆ่าตัวตายเพราะกลัวถูกลงโทษ เขากัดลิ้นฆ่าตัวตายเพราะเขาไม่กล้าเปิดเผยผู้บงการเบื้องหลังขอรับ” เซียวเหิงกล่าว

เจ้ากรมมองไปที่จดหมายที่เพิ่งวางบนโต๊ะด้วยสายตาประหลาดใจ “แล้วคำสารภาพนี้ …”

เซียวเหิงพยักหน้า “คำสารภาพนี้เป็นความจริงขอรับ ข้า… ใช้ยากับเขา แต่เขาคายข้อมูลออกมาเพียงเท่านี้ เขาเก็บชื่อของบุคคลนั้นไว้เป็นความลับและปฏิเสธที่จะพูดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”

ดูเหมือนเรื่องราวจะเริ่มสมเหตุสมผล ด้วยความที่สงสัยมาตลอดว่าเหตุใดนักโทษคนนั้นถึงได้ฆ่าตัวตายง่ายๆ มีนักฆ่าที่ไหนกันที่ฆ่าตัวตายเพราะกลัวจะถูกทำโทษ

เจ้ากรมครุ่นคิดอย่างหนักพร้อมเอ่ย “ดูเหมือนว่าคนคนนั้นจะมีเล่ห์เหลี่ยมมากมายจนนักฆ่าไม่กล้าเอ่ยชื่อออกมา แต่จะเป็นใครกันล่ะ”

เอ่ยเรียกจักรพรรดิองค์ปัจจุบันพระเชษฐา ก็คือพระขนิษฐาน่ะสิ

จักรพรรดิองค์ก่อนให้กำเนิดทายาทหลายคน โดยในนั้นมีองค์หญิงเจ็ดคน แต่องค์หญิงที่พระชนมายุน้อยกว่าฝ่าบาทมีเพียงแค่สี่องค์ ได้แก่องค์หญิงหนิงอัน องค์หญิงซิ่นหยาง องค์หญิงเต๋อชิ่ง และองค์หญิงไหวชิ่ง

องค์หญิงเต๋อชิงสิ้นพระชนม์ด้วยพระอาการประชวรเมื่อสองปีก่อน

พระมารดาผู้ให้กำเนิดองค์หญิงไหวชิ่งเป็นพระราชภาดาของจักรพรรดิองค์ก่อน และถูกตั้งให้เป็นพระสนมเอกหลิง

พระสนมเอกหลิงเคยเป็นคนโปรดในตอนแรก แต่พอให้กำเนิดองค์หญิงไหวชิ่งและเห็นว่าสติไม่สมประกอบ จากนั้นทั้งสองแม่ลูกจึงไม่ได้เป็นคนโปรดอีกเลย

เช่นนั้น ผู้ที่อยู่เบื้องหลังหอเซียนเล่อจะเป็นองค์หญิงไหวชิ่งผู้ไม่สมประกอบ หรือจะเป็นองค์หญิงซิ่นหยาง…หรือไม่ก็ องค์หญิงหนิงอัน!

“ข้าจะไปที่วัง ส่วนเรื่องนักโทษไป่คุนให้ลงบันทึกไปว่าฆ่าตัวตายเพราะกลัวถูกทำโทษ”

“ขอรับ”

การเค้นให้นักโทษสารภาพผิดด้วยวิธีที่รุนแรงอาจทำให้คนเข้าใจผิดได้ ดังนั้นเจ้ากรมจึงตีไปว่านักโทษคนนั้นฆ่าตัวตายเพราะกลัวความผิด เพื่อไม่ให้เซียวลิ่วหลังต้องตกที่นั่งลำบาก

แต่เขาจะใช้เหตุผลนี้โน้มน้าวคนอื่นได้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับกึ๋นของเขาแล้ว

เจ้ากรมเอ่ยเตือน “ฝ่าบาทอาจเรียกเจ้าไปพบ เจ้าจำให้ขึ้นใจว่าเจ้าไม่ได้บังคับขู่เข็ญนักโทษ เจ้าโน้มน้าวเขาด้วยอารมณ์และเหตุผล และเจ้าสามารถทำให้เขาสารภาพด้วยหัวใจและจิตวิญญาณของเจ้า”

“ขอรับ”

“ใต้เท้า มีอีกเรื่องที่ข้ายังไม่ได้พูดขอรับ”

“เรื่องอันใด”

“ฮวาซีเหยา คนที่ข้านำตัวมาขังก็เป็นพวกเดียวกันกับนักโทษคนนั้น นางเป็นบุคคลสำคัญของคดีนี้ และข้าคิดว่านางต้องรู้ข้อมูลอะไรมาอย่างแน่นอนขอรับ”

…

เรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนจะกลับมาที่กรมยุติธรรม เซียวเหิงได้บันทึกไว้ในสำนวนเรียบร้อย

ในสำนวน เขาระบุอย่างตรงไปตรงมาว่าม่อเชียนเสวี่ยยังมีชีวิตอยู่และเข้าหากู้เจียวในฐานะคนเจ็บ แต่เขามองข้ามข้อเท็จจริงที่ว่าทั้งสองรู้จักกัน และบอกเพียงว่ากู้เจียวไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือนางโลมของหอเซียนเล่อ

ด้วยจรรยาบรรณของหมอ กู้เจียวจึงพาม่อเชียนเสวี่ยกลับมารักษาที่โรงหมอ

ในช่วงเวลาที่พักรักษา ม่อเชียนเสวี่ยถูกคนของหอเซียนเล่อไล่ล่า อันที่จริงเขาต้องการทำให้เหตุการณ์วุ่นวายและให้ม่อเชียนเสวี่ยใช้โอกาสนั้นในการสังหารกู้เจียว

กู้เจียวผู้ซึ่งไม่รู้เรื่องราวอะไรกลับช่วยปกป้องม่อเชียนเสวี่ยจนตัวเองได้รับบาดเจ็บ

ม่อเชียนเสวี่ยรู้สึกซาบซึ้งกับเหตุการณ์นั้น และล้มเลิกแผนที่จะปลิดชีวิตหมอกู้

สามวันก่อนเกิดเหตุ ฮวาซีเหยาได้มาหาม่อเชียนเสวี่ยที่โรงหมอและโน้มน้าวให้ม่อเชียนเสวี่ยพาตัวกู้เจียวเดินทางออกนอกเมืองหลวง

ม่อเชียนเสวี่ยรู้ดีว่าหากทำเช่นนั้นกู้เจียวจะต้องไม่รอดแน่ๆ

จึงตัดสินใจวางยาฮวาซีเหยาและกู้เจียว จากนั้นสลับตัวทั้งสอง โดยให้ฮวาซีเหยาสวมชุดของกู้เจียว แล้วม่อเชียนเสวี่ยก็ทำหน้าที่พากู้เจียวตัวปลอมเดินทางออกนอกเมืองหลวง

กู้เจียวและเซียวเหิงติดตามพวกเขาไปจนเกิดเหตุการณ์เช่นวันนี้เข้า

เจ้ากรมรู้จักกู้เจียวมาก่อนอยู่แล้วว่านางคือหมอเทวดา ภรรยาของเซียวเหิง

ดูเหมือนว่าผู้ร้ายตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังมีความบาดหมางกับนาง หรือไม่ก็มีผลประโยชน์ทับซ้อนกันกับนางอย่างแน่นอน

เขาตัดตัวเลือกองค์หญิงไหวชิ่งออกไปเป็นอย่างแรก หากไม่นับเรื่องปัญหาส่วนตัวของนาง ก็เพราะองค์หญิงไหวชิ่งไม่ได้พำนักอยู่ที่เมืองหลวงแต่แรก ซ้ำพระองค์ไม่เคยพบเจอกู้เจียว เรื่องผลประโยชน์อะไรยิ่งไม่ต้องพูดถึง

เช่นนั้น ก็จะเหลือเพียงแค่องค์หญิงซิ่นหยาง และองค์หญิงหนิงอัน

“ใต้เท้า ไม่แน่ใจว่าข้าควรบอกเรื่องนี้หรือไม่”

“เจ้าว่ามาเลยลิ่วหลัง”

“หวงฝู่เจิง…ถูกสองพี่น้องตระกูลกู้สังหารขอรับ”

เจ้ากรมถึงกับนั่งเหม่ออยู่นานหลังจากได้ฟัง…

ในเมื่อราชวงศ์อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เขาต้องรายงานต่อฝ่าบาทก่อนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

เซียวเหิงรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเจ้ากรมจะต้องนำเรื่องนี้ไปรายงานฝ่าบาท

หลังจากได้บทเรียนจากคดีของจิ้งไท่เฟย คราวนี้เซียวเหิงรู้แล้วว่าไม่ควรปล่อยให้อำนาจการตัดสินใจอยู่ในมือของฝ่าบาทเพียงผู้เดียว

เรื่องนี้จะต้องถึงราษฎร์ทุกคน!

เป็นเรื่องดีหากฝ่าบาทต้องการจัดการเรื่องนี้อย่างลับๆ แต่ถ้าทรงไม่จัดการ…ทรงต้องเจอกับแรงกดดันจากภายนอกอยู่ดี!

ขณะที่รถม้าของเจ้ากรมกรมยุติธรรมขับไปได้ครึ่งทาง ก็เจอกับรถม้าของราชเลขาหยวนเข้าพอดิบพอดี

ตำแหน่งของเจ้ากรมต่ำกว่าราชเลขาหยวน ดังนั้นเขาจึงต้องลงจากรถม้าเพื่อคารวะ และในตอนนั้นเองที่เขาเห็นว่าจี้จิ่วอาวุโสก็อยู่ในรถม้าของราชเลขาหยวนด้วย

ในแง่ของตำแหน่ง แม้เจ้ากรมจะมีตำแหน่งที่สูงกว่าจี้จิ่วแห่งกั๋วจื่อเจียนราวหนึ่งขั้นครึ่ง แต่ใครๆ ก็รู้ว่าจี้จิ่วเป็นอำมาตย์อาวุโส ซ้ำเป็นคนสนิทของฝ่าบาท ดังนั้นตำแหน่งของจี้จิ่วเรียกได้ว่าสามารถเทียบเคียงกับราชเลขาหยวน

ทั้งสองฝ่ายทักทายกันอย่างสุภาพ

ราชเลขาหยวนเหลือบมองเขาหนึ่งพร้อมถามว่า “ท่านดูรีบร้อนเชียว เกิดอะไรขึ้นรึ”

“เอ่อ คือ…” เจ้ากรมสิงไม่กล้าเปิดเผยข้อมูลทั้งหมด จึงทำได้แค่เอ่ยอ้อมๆ “คดีของหอเซียนเล่อขอรับ มีความคืบหน้าเล็กน้อย เลยกำลังจะนำไปทูลฝ่าบาทขอรับ”

ทันใดนั้น จี้จิ่วอาวุโสออกอาการงุนงงพร้อมเอ่ยถาม “มีความคืบหน้าอันใดหรือถึงต้องรบกวนฝ่าบาท หรือว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับฝ่าบาทอย่างนั้นรึ”

“คือว่า…กระหม่อมไม่สะดวกเล่ายาวขอรับ โปรดใต้เท้าทั้งสองเข้าใจกระหม่อมด้วย”

“ไม่เป็นไร” ราชเลขาหยวนพยักหน้า และยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายกลับไปที่รถม้า

“เช่นนั้น กระหม่อมขอตัวก่อน”

ทันทีที่เจ้ากรมหันกลับไปทางรถ จู่ๆ จี้จิ่วก็ส่งเสียงคร่ำครวญแล้วเซตกลงมาจากรถม้า

เขาล้มลงในท่าที่ดูประดิษฐ์เสียจนหลบเลี่ยงพลขับที่จะเข้ามาช่วยเขาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ เจ้ากรมเมื่อเห็นดังนั้นก็ยิ่งหน้าเสียและพยายามคว้ามือเข้าไปช่วยจี้จิ่วอย่างรวดเร็ว

แม้จะพยุงไว้ได้ทันก็จริง กระนั้นแขนเสื้อของเขากลับถูกฉีกออก ทำให้สำนวนทั้งสองตกลงพื้นโดยปริยาย

“ข้าช่วยเก็บเอง มา มา ข้าเอง!” จี้จิ่วอาวุโสไม่รอช้า เขาก้มลงหยิบจดหมายสารภาพและแฟ้มคดีที่เซียวเหิงเขียนไว้ “ไอ้หยา”

จี้จิ่วดูสำนานในมืออย่างตั้งใจ “โอ้ว ไม่…เป็นไปได้อย่างไร…”

เจ้ากรมรีบนำเอกสารมาพับและยัดกลับเข้าไปในแขนเสื้ออีกด้าน แล้วเอ่ยด้วยความตื่นตระหนก “กระหม่อมต้องขอตัวก่อนขอรับ!”

จากนั้นจี้จิ่วอาวุโสก็กลับขึ้นไปบนรถม้าของราชเลขาหยวน

ราชเลขาหยวนมองเขาด้วยสายตาเคร่งขรึม

“เหล่าหยวนเอ๋ย ท่านเดาซิว่าข้าเห็นอะไรมาเมื่อครู่นี้”

ราชเลขาหยวนขมวดคิ้วแน่น พลางนึก นี่เราสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงเรียกเขาว่าเหล่าหยวน

แม้ว่าทั้งสองจะรับใช้ราชสำนักมาหลายปี แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันนัก

มีอยู่เรื่องเดียวที่เป็นจุดเชื่อมโยงของพวกเขานั่นก็คือผู้เฒ่าเฟิงเหล่า

เพียงแต่ผู้เฒ่าเฟิงสนิทสนมกับจี้จิ่วอาวุโสมากกว่า

เหตุผลที่วันนี้จี้จิ่วได้ขึ้นรถม้าของราชเลขาหยวน ก็เพราะรถม้าของจี้จิ่วเกิดเสียกลางทาง ราชเลขาหยวนที่พบกับเขาระหว่างทางก็ดันถูกมัดมือชกให้เขาติดรถม้ากลับไปด้วย

ราชเลขาหยวนไร้ซึ่งหนทางปฏิเสธ

จึงจำใจยอมให้จี้จิ่วติดรถมาด้วย

แล้วก็เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

จากนั้นจี้จิ่วก็เล่าด้วยความตื่นตระหนก “ข้าเห็นจดหมายสารภาพจากกรมยุติธรรม เขียนไว้ว่าหัวหน้าของหอเซียนเล่อคือองค์หญิงแห่งแคว้นเจา อีกทั้งเป็นพระขนิษฐาของฝ่าบาทด้วย”

“แต่ที่เจ้าหยิบขึ้นมาเมื่อครู่นี้ไม่ใช่จดหมายสารภาพนี่นา”

จี้จิ่วอาวุโส “…”

“คิดหรือว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าแกล้งล้มลงไป ซ้ำยังไปทำแขนเสื้อเขาขาดอีก”

จี้จิ่วอาวุโส “…”

ในที่สุดเจ้าพ่อร้านน้ำชาก็เจอกับมวยถูกคู่เข้าแล้ว

“อย่างไรเสีย ข้าก็เห็นหมดแล้ว แล้วก็เอามาเล่าให้ท่านฟังแล้วด้วย หากข่าวหลุดออกไป ข้าจะบอกว่าได้ยินมาจากตระกูลหยวนก็แล้วกัน”

ไม้สุดท้ายของเจ้าพ่อร้านน้ำชานั่นก็คือ หากปิดไม่อยู่ ก็เปิดมันเสียเลย

ราชเลขาหยวนกระตุกมุมปาก “ยางอายน่ะมีบ้างไหม”

จี้จิ่วครุ่นคิดอย่างหนักอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบ “ไม่มี”

ราชเลขาหยวน “…”

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 557 ตัดไฟเสียแต่ต้นลม!"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์