สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 649 ใจใหญ่ (1)
บทที่ 649 ใจใหญ่ (1)
ขณะเดียวกัน ใต้เท้ารองจิ่งก็เดินทางมาถึงสำนักบัณฑิตหลิงโปเป็นที่เรียบร้อย
ถึงแม้เขาจะไม่ได้เดินทางออกมาช้า แต่ก็คาดไม่ถึงว่าคนจะมาดูการแข่งขันเยอะถึงเพียงนี้จนถนนหน้าสำนักบัณฑิตรถติดยาวเหยียด
กว่าเขาจะมาถึง การแข่งสองรอบแรกก็เป็นอันเสร็จสิ้นไปแล้ว
“คนเยอะอะไรปานนี้” ใต้เท้าได้แต่เหงื่อตกและอุทาน
และแล้วเขาก็เดินมาที่บริเวณด้านหลังที่นั่งที่เขาได้จองไว้ แค่ขึ้นบันไดไปอีกสิบก้าวก็ถึง
ใต้เท้ารองจิ่งเป็นคนฝึกวิทยายุทธ์ จึงมีร่างกายที่แข็งแรง เขาสามารถแบกร่างของพี่ใหญ่และรถเข็นขึ้นบันไดไปได้พร้อมๆ กัน
โดยมีบ่าวที่ฮูหยินรองจัดแจงให้คอยเดินตาม
ใต้เท้ารองจิ่งเป็นบุรุษที่ชอบเสพความอภิรมย์ เขาไม่มีทางนั่งตากแดดร้อนๆ เพื่อดูการแข่งขันอย่างแน่นอน
เขาให้บ่าวเตรียมน้ำแข็ง ผลไม้แช่เย็น รวมถึงของว่างคลายร้อนต่างๆ ไว้แล้ว
เขาเลือกที่นั่งที่สามารถมองเห็นทั่วทั้งสนาม มีหลังคาด้านบนไว้บังแดดและให้ลมผ่านได้ทั้งสี่ทิศเหมือนกับศาลาเล็กๆ
ไม่สิ ต้องบอกว่าสามทิศจึงจะถูก
ทางฝั่งซ้ายของเขาเป็นที่นั่งของใครบางคนที่ถูกล้อมรอบไปด้วยม่านไข่มุกหยกราคาแพง
เขาไม่ได้ให้ใครตระเตรียมม่านให้ คงจะเป็นคนข้างๆ กันทำเอาไว้
“ที่นั่งข้างๆ นั่นใครรึ แถมยังใช้ของราคาแพงตกแต่งเสียด้วย”
คนทั่วไปอาจดูไม่ออกว่าม่านไข่มุกหยกนี้เป็นของมีราคา
นี่ไม่ใช่หยกธรรมดา แต่เป็นหยกทั้งชิ้นที่ถูกขัดเป็นรูปทรงต่างๆ และประดับด้วยไข่มุกบูรพาคุณภาพสูง นี่มันของหายากชัดๆ
ใต้เท้าจิ่งพยายามมองลอดม่านเข้าไปว่าเจ้าของที่นั่งนี้คือผู้ใดกัน ก็พบบัณฑิตหญิงจำนวนสี่คนกำลังนั่งชมการแข่งขัน
แต่ที่ทำให้เขารู้สึกสะดุดตาคือหนึ่งในบัณฑิตหญิงที่กำลังนั่งหลังตรง มาดนิ่ง และเปล่งรัศมีที่สง่าราวกับดอกไม้บนภูเขาสูง
“แม่นางผู้นี้ ช่าง…”
เขาเองก็สรรหาคำพูดมาบรรยายไม่ถูกเหมือนกัน
ขณะที่ใต้เท้ากำลังให้ความสนใจนาง ทันใดนั้น นางก็หันมาทางเขาราวกับรู้ว่ามีใครบางคนกำลังมองมาทางนี้
พวกเขาสบตากัน
วินาทีนั้นใต้เท้ารองจิ่งรู้สึกราวกับกำลังอยู่บนหน้าผาภูเขาหิมะที่สูงชันที่ให้ความรู้สึกขนหัวลุกอย่างบอกไม่ถูก
คนอะไร เย็นชาชะมัด!
แม่นางผู้นี้ ไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย!
ทว่ายังมีสาวงามอีกสามคนอยู่ข้างๆ และรูปร่างของพวกนางก็สง่างามอย่างยิ่งเช่นกัน
โดยเฉพาะเวลาพวกนางคุยกันและหัวเราะ ม่านบังสายตาได้ แต่ก็ไม่สามารถบดบังเสียงได้ เสียงหัวเราะของเด็กสาวช่างน่ารื่นรมย์ยิ่งนัก
นี่สิค่อยดูเป็นมนุษย์หน่อย!
ใต้เท้ารองจิ่งนั่งลงกลางศาลา โดยมีรถเข็นของกั๋วกงอยู่ข้างๆ
เซียวเหิงไม่สนใจที่นั่งข้างๆ และหันกลับมาสนใจที่สนามแข่งอีกครั้ง
หลังจากเปิดตัวผู้เล่นจากสำนักบัณฑิตเทียนฉง เซียวเหิงก็ได้เห็นกู้เจียวที่ยืนเป็นคนที่สี่
อีกทั้งเห็นว่ากู้เจียวกำลังกระซิบกระซาบชายหนุ่มที่ยืนข้างๆ
ต้องขอบคุณเด็กสาวสามคนข้างๆ ทำให้เขารู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นมีนามว่ามู่ชวน บุตรชายคนที่ห้าของตระกูลมู่
ส่วนท่านชายมู่ชิงเฉินผู้ที่เรียกเสียงฮือฮาจากเด็กสาวทั้งสนามเมื่อครู่นี้ก็เป็นบุตรชายป้าของมู่ชวน และเซียวเหิงก็ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าเหตุใดมู่ชิงเฉินถึงใช้นามสกุลของฝั่งแม่แทนที่จะใช้ฝั่งพ่อ
ต่อมาเป็นช่วงเวลาที่ให้ผู้แข่งได้ทักทายกัน
ผู้เล่นฝั่งชิงเย่ว์แสดงท่าทีเย่อหยิ่ง โดยเฉพาะคนที่ชื่อสวี่ผิงและหนานกงหลิน
ไม่รู้ว่าผู้เล่นที่ชื่อหนานกงหลินกำลังเอ่ยอะไรกับกู้เจียว เซียวเหิงเห็นดังนั้นก็เริ่มขมวดคิ้วแน่น
เหตุใดคนของตระกูลหนานกงถึงเข้าหากู้เจียวล่ะ
หรือว่า… ตัวตนของเซียวลิ่วหลังถูกเปิดเผยแล้วอย่างนั้นรึ
สิ้นเสียงระฆัง การแข่งขันก็ได้เริ่มขึ้น
มู่ชิงเฉินและสวี่ผิงรับหน้าที่จับฉลาก ปรากฏว่าสวี่ผิงได้เป็นผู้เปิดก่อน และรีบใช้ไม้ตีลูกออกไปอย่างไม่รีรอ
การแข่งขันแบ่งออกเป็นแปดรอบ แต่ละรอบจะกำหนดเวลาไว้ครึ่งเค่อ หากมีผู้ใดถูกปรับแพ้ หรือเกิดบาดเจ็บ การแข่งขันจะถูกระงับชั่วคราว และจะดำเนินต่อหลังจากแก้ไขปัญหาได้ แต่ละฝ่ายมีโอกาสสามครั้งในการเปลี่ยนผู้เล่น
ฝีมือการเล่นของสวี่ผิงเรียกได้ว่าสมคำร่ำลือ การยิงของเขาไปได้ไกลมากจนสามารถเลยเส้นกึ่งกลางได้ แล้วทุกคนที่เหลือก็รีบขี่ม้าพุ่งไปที่บริเวณประตูของฝั่งสำนักบัณฑิตเทียนฉง
ซูเฮ่ารับลูกแล้วส่งต่อให้ถงเผิงซึ่งอยู่ไม่ไกล
ดูเผินๆ อาจคิดว่าเขาคงรับลูกไม่ได้ ทว่าถงเผิงไม่เพียงแต่รับลูกได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ยังส่งลูกต่อให้หนานกงหลินได้อย่างรวดเร็ว
หนานกงหลินอยู่ในตำแหน่งรองรุก เขาเลือกที่จะส่งลูกให้สวี่ผิงต่อได้ หรือเลือกที่จะทำประตูเองได้
พอดูจากสถานการณ์แล้ว ความเป็นไปได้ที่เขาจะยิงเองนั้นมีมากกว่า
แต่ในตอนนั้นเอง มู่ชิงเฉินตามประกบเขามาติดๆ
หนานกงหลินพอเห็นว่าสถานการณ์เริ่มเปลี่ยน ก็รีบส่งลูกให้สวี่ผิง
สวี่ผิงไม่ได้ใช้วิธีเลี้ยงลูก แต่กลับเลือกที่จะใช้ท่าหลังมือเหวี่ยงไม้ออก ลูกคลีถูกแรงส่งพุ่งออกไปจนเกิดโค้งที่สวยงามกลางอากาศ ก่อนจะเข้าประตูไปได้อย่างราบรื่น!
“สวยมาก!”
ใต้เท้ารองจิ่งปรบมือยกใหญ่!
สมกับเป็นผู้เล่นของราชสำนัก
ลูกเมื่อครู่นี้ตีได้สวยมาก!
กู้เจียวเอียงคอมองดูท่วงท่าของสวี่ผิง พลางนึก อ๋อ เล่นแบบนี้ก็ได้ด้วยหรือ
ชิงเย่ว์ได้ธงแรกไป
เวลาของรอบแรกยังไม่หมด การแข่งขันยังคงดำเนินต่อ คราวนี้เทียนฉงเป็นฝ่ายเปิด
“หยวนเซียว เจ้าเปิดเลย” มู่ชิงเฉินกล่าว
“ขะ ข้า ข้าตื่นเต้น” หยวนเซียวรู้สึกกดดันจากฝีมือของอีกฝ่าย
“ไม่เป็นไรน่า ตีออกไปก็พอแล้ว”
หยวนเซียวกลืนน้ำลายอึกใหญ่ พยายามไม่ให้มือสั่น แล้วเหวี่ยงไม้ออกไป
มู่ชวนรีบควบม้าเข้าไปทันที
มู่ชิงเฉินเหลือบมองไปที่กู้เจียวหนึ่งที แม้เขาจะไม่ได้เอ่ยอะไร แต่สายตาของเขากลับเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวกู้เจียว
จากนั้นเขาก็รีบวิ่งไปที่ประตูของอีกฝ่ายโดยไม่ได้ดูว่าสมาชิกที่เหลือของเขารับลูกได้หรือไม่
ใต้เท้าจิ่งเบิกตาโพลง “เดี๋ยวนะ กล้าวิ่งออกไปไกลขนาดนั้นได้อย่างไร เกิดพวกตัวเองถูกสกัดขึ้นมาจะช่วยทันได้อย่างไร ”
หนานกงหลินกับซูเฮ่าส่งสัญญาณให้กัน ก่อนจะควบม้าพุ่งตรงไปที่มู่ชวน
พวกเขาต้องการสกัดมู่ชวนและไม่ให้มู่ชวนรับลูกได้
“อ๊ากกก! พวกเด็กเมื่อวานซืน! ไยถึงมารุมข้า!” มู่ชวนตกใจจนร้องเสียงหลง
หนานกงหลินยิ้มมุมปากหนึ่งที ก่อนจะบุกเข้าไปแย่งลูกของมู่ชวน
ถึงแม้เขาจะเร็ว
แต่ก็มีคนที่ไวกว่าเขา
จู่ๆ มีคนเข้ามารับลูกของมู่ชวนไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่หนานกงหลินเองก็มองไม่ทันว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาได้แต่ทำหน้าอึ้ง
พอหันไป ก็เจอกับกู้เจียวที่มาพร้อมสีหน้าที่นิ่งเฉย
กู้เจียวหันไปขยิบตาให้เขา ก่อนจะเหวี่ยงไม้ตีลูกออกไปด้วยท่าหลังมือ
ทุกคนที่เห็นต่างพากันตกตะลึง
เดี๋ยวนะ นั่นมันท่าของสวี่ผิงมิใช่รึ
แม้แต่การเคลื่อนไหว วิธีจับไม้ก็ยังเหมือนกับของสวี่ผิงทุกประการอีกด้วย!
การแข่งครั้งนี้ กลายเป็นว่าสวี่ผิงถูกปล้นวิชาไปแล้วอย่างนั้นรึ
แม้แต่เจ้าตัวอย่างสวี่ผิงเองพอเห็นก็ตกใจไม่น้อย เขาใช้เวลาลงแรงฝึกท่านี้เป็นปีๆ จนกลายเป็นท่าไม้ตายที่ดูสง่างามที่สุดของเขา และไม่เคยมีใครทำได้แบบเขามาก่อน
แต่จู่ๆ เจ้านี่กลับเรียนรู้มันได้ในเวลาอันสั้นจนน่าตกใจ
แถมยังทำได้…สมบูรณ์แบบเสียด้วย
เซียวเหิงมองกู้เจียวไม่ละสายตา
ภรรยาของเขาเปล่งประกายท่ามกลางแสงแดดที่ส่องลงมา จนเลือดของเขาเดือดพล่านไปทั่วร่างกาย
กู้เจียวตีลูกออกไปได้ไกลพอสมควรแทบจะเทียบเท่ากับระยะของสวี่ผิง มู่ชิงเฉินรับลูกมาได้สำเร็จก่อนจะตีลูกเข้าประตูไป
สำนักบัณฑิตเทียนฉงจึงได้ธงแรกมาครอบครอง
หมดรอบแรก ทั้งคู่เสมอกันอยู่ที่หนึ่งต่อหนึ่ง
ผลการแข่งขันครั้งนี้เรียกได้ว่าเหนือความคาดหมายของคนดู แม้ว่ามู่ชิงเฉินจะมีชื่อเสียงอย่างมากในเมืองเซิ่งตู แต่คนส่วนใหญ่ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเขามีความสามารถในด้านเล่นกีฬาตีคลีและไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะทำได้ดีถึงเพียงนี้
แต่ผู้เล่นที่ทำให้คนดูประทับใจมากที่สุดคงหนีไม่พ้นชายหนุ่มที่มีปานแดงผู้นั้น
คนอะไร กล้าขโมยวิชาคนอื่นมาซึ่งๆ หน้าเลย
และในตอนที่ทุกคนมองว่ากู้เจียวเป็นคนที่หน้าไม่อายสุดๆ แล้ว หารู้ไม่ว่า นางจะสามารถทำเรื่องที่หน้าไม่อายได้ยิ่งกว่านี้เสียอีก