สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 116
ตอนที่ 116 ไม่ใช่ลูกของคุณอย่างแน่นอน
เสิ่นอีเวยยังพูดไม่จบ เซิ่งเจ๋อเฉิงรู้สึกว่าแขนของตัวเองหนักๆ ตาของเสิ่นอีเวยปิดลง เธอล้มไปข้างหลังทั้งตัว ใบหย่าที่อยู่ในมือของเธอฉบับนั้นได้ร่วงหล่น กระดาษสีขาวนวลกระจัดกระจายลงที่พื้น
เซิ่งเจ๋อเฉิงกระวนกระวายในใจ เอามือไปประคองที่หลังของเสิ่นอีเวยแล้วตะโกนออกมา หลินอวี้!
ในครั้งนี้ เสิ่นอีเวยไม่ได้ถูกส่งไปยังโรงพยาบาล เซิ่งเจ๋อเฉิงขับรถไปส่งเธอที่คฤหาสน์ตระกูลเซิ่ง ในระหว่างทางเขาได้โทรศัพท์หาคุณหมอประจำตระกูลเซิ่ง
ในห้องนอนชั้นบนที่ไม่ได้เปิดหน้าต่าง เสิ่นอีเวยนอนอยู่บนเตียง ผ้าห่มและผ้าปูที่นอนเป็นสีน้ำเงินเทาทั้งหมด ใบหน้าของเธอยิ่งซีดขาวมากขึ้น คุณหมอประจำตระกูลกำลังทำการตรวจร่างกายของเสิ่นอีเวย
“คุณนายเสิ่นพึ่งจะแท้งลูกไป ก่อนหน้านี้ร่างกายก็อ่อนแออยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือสภาพจิตใจของเธอ เธอไม่สามารถที่จะถูกสิ่งใดๆมากระทบจิตใจ ไม่เช่นนั้นก็เกิดเรื่องอย่างเช่นวันนี้อีก”
เซิ่งเจ๋อเฉิงฟังอย่างละเอียดโดยไม่ได้พูดอะไร บนใบหน้ามีสีหน้าที่เคร่งขรึม
จริงๆแล้วเรื่องในวันนี้ ไม่ใช่ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะเดาไม่ออกว่าสวี่อันฉิงตั้งใจจะยั่วยุต่อหน้าเธอ แต่ว่าเมื่อเห็นเสิ่นอีเวยเอาเอกสารใบหย่าออกมา การมีเหตุผลทั้งหมดของเขาก็หายไป ผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงกล้าท้าทายระดับความอดทนของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ว่าเขาคิดไม่ถึงว่าร่างกายของเธอจะอ่อนแอมาถึงเพียงนี้
หลังจากคุณหมอเจียงกลับไป เซิ่งเจ๋อเฉิงนั่งอยู่ที่ข้างเตียงของเสิ่นอีเวย มองไปที่สองมือที่ผอมจนเหลือแต่กระดูก ข้างบนมีเส้นเลือดสีน้ำเงินบางๆ เซิ้งเจ๋อเฉิงมองฝ่ามืออันนุ่มนวลของเธอ พบว่าตรงนั้นเหมือนมีอะไรที่ผิดแปลกไปจากปกติ
ในใจของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็เต้น ดึงเอามือขวาของเสิ่นอีเวยมาดูให้ละเอียด ตรงกลางฝ่ามือมีรอยแผลเป็นลึกๆอยู่ ซึ่งดูแล้วคล้ายกับจะเป็นรอยแผลที่น่าจะเกิดขึ้นมานานแล้ว นิ้วหัวแม่มือของเซิ่งเจ๋อเฉิงลูบเบาๆไปที่รอยแผลเป็นนั้น กำลังคิดเชื่อมโยงกัน อยากจะให้แน่ใจว่าตกลงแล้วความรู้สึกคุ้นเคยที่มีอยู่ในตอนนี้นั้นเกิดขึ้นมาจากไหน
ทันใดนั้นมือของเสิ่นอีเวยที่ถูกลูบก็ขยับ เซิ่งเจ๋อเฉิงเอามือตัวเองออกอย่างไม่ส่งเสียงใดๆ สามวินาทีต่อมา เธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้น สีหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงนิ่งสงบ เนื่องจากค่อยๆลืมตาขึ้น ใบหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่อยู่ในสายตาเธอก็ค่อยๆเห็นภาพใหญ่ขึ้น เมื่อเสิ่นอีเวยได้มองเห็นอย่างชัดเจนแล้วในใจก็เจ็บปวดขึ้นมา เธอจึงหันหน้าไปอีกทางอย่างเงียบๆ
คนหนึ่งนั่ง อีกคนหนึ่งนอน ทั้งสองอยู่กันแบบเงียบๆเช่นนี้อยู่นาน
สุดท้ายก็เป็นเซิ่งเจ๋อเฉิงที่พูดก่อน
“รอยแผลตรงกลางมือของเธอนั้นเกิดอะไรขึ้น”
ในใจของเสิ่นอีเวยเต้นรัว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ตอบคำถามของเขา เวลาผ่านไปนานเธอถึงพูดออกมาว่า “ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ ฉันขอร้อง คุณออกไปจากตรงนี้เถอะ”
ถ้าเทียบกับการอยู่ร่วมกันของคนสองคนตามปกติ ประโยคนี้อาจจะถูกเข้าใจได้ว่ากำลังโกรธเด็กน้อยอยู่ แต่ว่าตอนนี้ทั้งร่างกายจิตใจของเสิ่นอีเวยได้รับความเสียหายอย่างหนัก ตั้งแต่ที่เธอตัดสินใจที่จะเอาลูกน้อยในท้องไว้เป็นต้นมา เธอไม่คาดคิดเลยว่าจะมีวันที่เธอต้องเสียเขาไป และเป็นเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆไม่ถึงหนึ่งเดือน
เซิ่งเจ๋อเฉิงนั่งอยู่เงียบๆไม่พูดไม่จาซักพัก มองไปยังข้างใบหน้าที่สูบผอมของคนที่อยู่บนเตียงแล้วพูดขึ้น “ความอดทนของฉันมีจำกัด”
เสิ่นอีเวยใจสั่น เหมือนกับถูกคนเอามือดึงเข้ามาจับไว้แน่น ความเจ็บปวดของมือเท้าทั้งสี่ลุกลามไปยังปลายนิ้วของเธอ
เสียงของเธอแตกและสั่นเครือ “ดังนั้นตอนนี้คุณกำลังตำหนิฉันอยู่ใช่ไหม? ฉันจะบอกอะไรคุณให้นะเซิ่งเจ๋อเฉิง เรื่องทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะคุณ ถ้าวันนั้นคุณไม่ไปที่เขาหวินมู่ คนพวกนั้นก็จะไม่ลักลอบมาโจมตีคุณ และฉันก็ไม่ต้องเป็นห่วงคุณจนได้รับความกระทบกระเทือนรุนแรง สุดท้ายฉันก็คงจะไม่แท้งลูกแบบนี้!”
“ฉันมีคำถามจะถามเธอ เด็กใช่ลูกของฉันมั้ย?” เสียงของผู้ชายพูดออกมาในห้องที่เงียบสงัด เสิ่นอีเวยรู้สึกเหมือนตนเองเป็นนักโทษที่กำลังรอคำตัดสิน
เสิ่นอีเวยตกตะลึงงันจนตาค้างทั้งสองข้าง ลมหายใจก็หยุดลงในชั่วพริบตา ปวดเจ็บจมูกและลำคอ “นี่เป็นคำถามที่คุณอยากจะถามมาตลอดหลายวันนี้หรอ?”
ในตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงว่างเปล่า “ภรรยาของฉันท้อง และก็แท้งแล้ว ฉันต้องให้แน่ใจว่าเด็กเป็นลูกของใคร”
สุดท้ายเสิ่นอีเวยสะอึกสะอื้นจนพูดไม่ออก ความรู้สึกนี้ทรมานเหมือนกับจมน้ำ เธอคิดมาตลอดว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงเพียงแค่ไม่อยากที่จะให้เธอท้องลูกของเขาเท่านั้น แต่สิ่งที่เธอคิดไม่ถึงก็คือตอนนี้เขากำลังสงสัยลูกที่เธอได้สูญเสียไปแล้วอยู่ เพียงชั่วพริบตาเดียวหัวใจของเธอก็รู้สึกเหน็บหนาวเหมือนกับความเย็นในฤดูหนาว
“ดังนั้น….คุณก็เลยสงสัยอยู่ว่าเด็กคนนั้นคงจะไม่ใช่ลูกของคุณ?”
“ฉันกับเธอป้องกันทุกครั้ง ฉันไม่รู้ว่าเธอจะมีโอกาสท้องได้ยังไง” เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดด้วยเสียงนิ่งไม่มีการแสดงอารมณ์ออกมาแม้แต่น้อย แต่เสิ่นอีเวยที่ฟังอยู่นั้นเหมือนกับถูกมีดแหลมทิ่มแทงไปที่หัวใจอย่างแรง
ดังนั้นความอดทนเงียบที่มีมานานของทั้งสองก็ใกล้จะหมดลง ตั้งแต่เกิดเรื่องนั้นที่ในสุสานเป็นต้นมา ในใจเขาก็อึดอัดและเต็มไปด้วยคำถามที่อยากจะถามเธอ แต่หลังจากที่เกิดเรื่องเธอก็หมดสติไปเกือบ48ชั่วโมง ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงรอให้เธอตื่นอย่างใจร้อนเหมือนถูกเผา
แต่ว่าสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ เมื่อเสินอีเวยตื่นขึ้นมาแล้วเธอไม่อยากที่จะพูดคุยใดๆกับเขาเลย แม้แต่มองก็ยังไม่อยากมองเขา เธอกล่าวโทษทุกอย่างมาที่เขา แต่ว่าสำหรับข้อเท็จทั้งหมดของเรื่องเธอกลับไม่ปริปากพูดสักคำ
รวมทั้งเรื่องที่เธอเริ่มตั้งท้องตั้งแต่เมื่อไหร่ และสำหรับเขาในฐานะที่เป็นสามีทำไมถึงกลับไม่รู้เรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว
เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่รู้จะทำยังไง ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่อดทน แต่ว่าเขาในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ไม่ชอบวิธีการพูดคุยในลักษณะนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ดังนั้นสุดท้ายตอนนี้เขาจึงไม่อดทนอีกแล้ว
ถึงแม้ว่าเขาก็รู้อยู่แล้วว่าคำถามนี้ถ้าถามออกไปจะทำร้ายจิตใจคนแค่ไหน แต่ว่าเขาไม่มีทางเลือก เสิ่นอีเวยไม่ยอมพูดคุยกับเขา เขาทำได้แค่เพียงใช้วิธีอันสุดขีดเช่นนี้
พูดได้ว่าหลายปีที่ผ่านมาเซิ่งเจ๋อเฉิงทำให้ร่างกายของเสิ่นอีเวยเจ็บปวดเพียงพอที่จะตายไปเป็นร้อยครั้งพันครั้ง
ถ้าอย่างนั้นความเจ็บปวดทั้งหมดที่ผ่านมารวมกันก็คงเทียบไม่ได้กับในคืนนี้ สุดท้ายในตอนนี้เสิ่นอีเวยก็เข้าใจเหตุผลที่แท้จริงของคำพูดที่ว่า ความโศกเศร้าที่มากที่สุดคือใจที่ตายไปแล้ว
ทั้งสองคนจ้องมองกันอย่างเงียบๆอยู่แบบนั้น แววตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงเต็มไปด้วยการค้นหา แต่แววตาของเสิ่นอีเวยเต็มไปด้วยความผิดหวังและความเจ็บปวดใจ
มือที่อยู่ในผ้าห่มของเสิ่นอีเวยได้สั่นเครือเล็กน้อย เธอกำหมัดแน่นไม่อยากให้เซิ่งเจ๋อเฉิงดูออกแม้แต่นิดเดียว
เธอแสร้งยิ้มอย่างสบายอกสบายใจแล้วพูดขึ้นว่า “ในเมื่อคุณออกมาแบบนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันก็คงจะต้องบอกความจริงแล้ว”
เซิ่งเจ๋อเฉิงเอ่ยถามด้วยแววตาที่เริ่มสะเทือน “เธอหมายความว่ายังไง?”
สีหน้าของคนที่อยู่บนเตียงนั้นนิ่ง “ความหมายก็คือ…จริงๆแล้วเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของคุณ”
มุมปากของเสิ่นอีเวยฉีกยิ้มเล็กน้อย เธอจ้องมองไปยังผู้ชายที่อยู่ข้างเตียง เฝ้ารอปฏิกิริยาของฝ่ายตรงข้ามอย่างเงียบๆ
เซิ่งเจ๋อเฉิงเงียบไม่พูดไม่จา สองลูกตาจับจ้องไปที่เสิ่นอีเวย เลือดลมในใจสูบฉีด ทันใดนั้นเขาก็ปัดแก้วน้ำที่บนโต๊ะหัวเตียงตกลงที่พื้น
น้ำเย็นสาดกระเด็นขึ้นสูง บางหยดตกลงมาที่บนใบหน้าของเสิ่นอีเวย ขนตาที่ตาของเธอกระพริบ เมื่อรอให้เห็นชัดขึ้น เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ได้เข้ามาใกล้ที่ตัวเธอแล้ว คางของเสิ่นอีเวยได้ถูกเขาบีบไว้แน่น
“คำพูดเมื่อกี้ เธอพูดอีกครั้ง”