สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 119
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 119 ทางที่ดีสุดคือเชื่อฟังคำสั่ง
เพราะอะไร? เสิ่นอีเวยไม่พูดพร่ำทำเพลงถามออกไปอย่างตรงๆ
เซิ่งเจ๋อเฉิงหัวเราะเบาๆ แต่ในน้ำเสียงกลับมีความนิ่งเล็กน้อย “ตำแหน่งผู้อำนวยการออกแบบเล็กๆไม่ได้ทำให้เธอได้แสดงความสามารถออกมาได้อย่างเต็มที่แล้ว ฉันคิดว่ามีเพียงตำแหน่งรองประธานบริษัทเท่านั้นถึงจะสามารถทำให้เธอแสดงความสามารถออกมาได้มากพอ ไม่ใช่หรอ?”
เสิ่นอีเวยขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ต้องคิดก็รู้เลยว่าคำพูดพวกนี้คือคำโกหก
“ คุณไม่ต้องมาพูด ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลนี้หรือไม่ ในใจของคุณกับฉันก็รู้ดี”
เซิ่งเจ๋อเฉิงลุกตัวขึ้นยืน เดินเข้าไปใกล้ตัวของเสิ่นอีเวยตัวเขามีความถือไพ่ที่เหนือกว่ามาก ทำให้เสิ่นอีเวยแอบมีความกังวลเล็กน้อย
ดวงตาเขาเข้ามาประชิดใกล้เธอ ราวกับว่าไม่ต้องการพลาดความรู้สึกใดๆที่จะแสดงออกมาบนสีหน้าของเธอแม้แต่น้อย แล้วคำพูดที่ติดตลกเล็กน้อยก็ค่อยๆดังออกมาที่ข้างหูของเสิ่นอีเวย “ยังไม่เห็นอีกหรอว่าตอนนี้ฉันกำลังจัดการกับเธออยู่”
ใจของเสิ่นอีเวยร้อนรนเล็กน้อย นึกถึงคืนวันนั้นที่ทั้งสองคนอยู่บ้าน ตนเองถูกเขายั่วให้โกรธ จึงพูดคำโกหกออกมาโดยไม่ต้องหยุดคิด จากนั้นอารมณ์ของเขาฉุนเฉียวและโกรธมาก ถ้าเป็นเพราะเหตุผลนี้ถึงทำให้เซิ่งเจ๋อเฉิงลงโทษโดยการกำจัดเธอ เสิ่นอีเวยคิดว่าเธอสามารถที่จะเข้าใจได้
แต่ว่า ถ้าเขาอยากลงโทษตนเองจริงๆถึงกระนั้นไม่ใช่ว่าจะต้องทำให้ชีวิตของตนเองดำเนินไปอย่างยากลำบากหรือ? เพราะอะไรถึงได้เลื่อนตำแหน่งให้เป็นถึงรองประธานบริษัทเซิ่งซื่อ
เธอชำเลืองมองไปที่เซิ่งเจ๋อเฉิง ถึงแม้ว่าจะไม่มีการแสดงออกใดๆ แต่ว่านัยน์ตาที่คล้ายดวงตาอันสวยงามของกวางยังแฝงไว้ด้วยความโศกเศร้าปานจะขาดใจ
“อ้อ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ แต่ว่าถึงกระนั้นประธานเซิ่งไม่คิดว่าตนเองทำผิดวิธีไปหรอ? คุณเลื่อนตำแหน่งให้ฉันเป็นรองประธานบริษัท ตำแหน่งฉันขึ้นสูงมาหน่อย ซึ่งมีอำนาจและอิทธิพลขนาดนี้ ฉันยังไม่ค่อยคุ้นชินเลย”
น้ำเสียงของเสิ่นอีเวยแฝงด้วยความเหน็บแนม
เซิ่งเจ๋อเฉิงยิ้มเบาๆ “เรื่องนี้เธอไม่ต้องกังวลหรอก ในเมื่อฉันตัดสินใจแล้วว่าจะจัดการกับเธอ จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะทำให้เธอได้อยู่อย่างสบาย วิธีการของฉัน ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ดี ใช่มั้ย?”
เขายกมือขวาขึ้นมาจับไปที่คอของเสิ่นอีเวยเบาๆ ถ้าหากทั้งสองคนไม่ใช่พึ่งจะประทะคารมกันอย่างดุเดือดแล้วหล่ะก็ ผู้อื่นมองเห็นเช่นนี้อาจจะคิดได้ว่าสามีภรรยาคู่นี้มีความรู้สึกที่มั่นคงต่อกันมาก
ใจของเสิ่นอีเวยก็เจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อย น้ำเสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงอ่อนนุ่ม แต่กลับแอบแฝงไปด้วยอาวุธที่แหลมคม เขาเอามืออันบางใหญ่ของเขาลูบคลำเบาๆที่ลำคออันขาวนวลของเสิ่นอีเวย เธอสั่นเทาไปทั้งตัว
เธอเข้าใจว่าตนเองกังวลและกลัวถึงได้เป็นเช่นนี้
เสิ่นอีเวยรังเกียจจนหลบออกมาจากมือของเซิ่งเจ๋อเฉิง แต่วินาทีต่อมา เขาขยับเข้ามาและบีบไปที่คางของเธอ เสิ่นอีเวยสูงประมาณเท่าลำคอของเซิ่งเจ๋อเฉิง เสิ่นอีเวยถูกบังคับให้มองหน้าเขา ใบหน้าของเขาค่อยๆใกล้เข้ามา ระยะห่างของทั้งสองคนใกล้เพียงนิดเดียว
เสิ่นอีเวยคิดอยากที่จะต่อสู้ แต่เซิงเจ๋อเฉิงกลับพูดขึ้นมาก่อนว่า
“ฟังฉันนะ ทางที่ดีเธอเชื่อฟังฉันซักหน่อย บางทีฉันอาจจะเกิดความสงสารและจัดการกับเธอเบาลงหน่อย”
น้ำเสียงแฝงไปด้วยความกดดัน ทำให้ใจของเสิ่นอีเวยยากที่จะควบคุมจึงระเบิดความโกรธออกมาอย่างรุนแรง และมากกว่าเมื่อก่อนที่โกรธในทุกๆครั้ง ความโกรธนั้นเหมือนไปจุดไฟที่เซลล์ในร่างกายทั้งหมดของเธอ
ในครั้งนี้เสิ่นอีเวยไม่มีความรู้สึกที่อยากจะร้องได้เลยตั้งแต่แรก แววตาอันใสวาวของเธอข้างในมีแต่ความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ แล้วพูดออกมาอย่างหนักแน่นทุกคำว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะพูดอีกเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ว่าคุณจะทำอย่างไรกับฉัน ฉันก็จะไม่เห็นด้วยกับการโยกย้ายตำแหน่ง แผนงานการแข่งขันออกแบบจัดงานแต่งงานฉันได้ทำจนเสร็จหมดแล้ว ตอนนี้ทุกอย่างได้ดำเนินการอย่างมีระเบียบเป็นขั้นเป็นตอน คุณจะให้ฉันเอาอำนาจความรับผิดชอบส่งต่อให้ไปอยู่ในมือสวี่อันฉิงอย่างงั้นหรือ? เซิ่งเจ๋อเฉิง ทั้งหมดนั้นคือแรงกายและกำลังสมองของฉัน คุณไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น”
เซิ่งเจ๋อเฉิงยิ้มอย่างไม่ปิดบังอารมณแม้แต่นิดเดียว “ฉันยกหูโทรศัพท์แค่นิดเดียวเธอก็ตกงานได้แล้ว และก็ยังสามารถทำให้เธอกลายเป็นผู้อำนวยการออกแบบจัดงานแต่งงานและรองประธานของบริษัทเซิ่งซื่อด้วยคำพูดไม่กี่ประโยคได้ และยิ่งไปกว่านั้นเพียงแค่ดีดที่ปลายนิ้วก็สามารถทำให้บริษัทออกแบบจัดงานแต่งงานหัวยู่นกลายเป็นธุรกิจที่อยู่ภายใต้การบริหารของฉัน ฉันมีอำนาจขนาดนี้เธอคิดว่ายังจำเป็นที่จะต้องมาเสียเวลามาปรึกษากับเธออีกมั้ย?”
ใบหน้าของเสิ่นอีเวยร้อนผ่าวออกมาเล็กน้อยเพราะรู้สึกอับอายขายขี้หน้า แต่ไม่ใช่เป็นเพราะว่าอายเซิ่งเจ๋อเฉิงแต่เธอกลับรู้สึกอายตนเองและแม่
อันที่จริงที่เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดก็ไม่ผิด เรื่องราวทุกอย่างเขาไม่ต้องเสียแรงแม้แต่นิดเดียวก็สามารถทำได้อย่างสบายๆ แต่ว่าตัวเธอนั้นทำไม่ได้ เพราะว่ามีอำนาจไม่พอ ดังนั้นเธอทำได้แค่เพียงยอมรับ และทำได้แค่เพียงปล่อยให้เขาจัดการตามอำเภอใจ
เพียงแค่พริบตาเดียวเสิ่นอีเวยก็หมดความสนใจและความมั่นใจทั้งหมดที่จะโต้เถียงกับเขา ใช่แล้ว เธอไม่มีแต้มความเป็นต่อใดๆ เธอจะเอาอะไรไปโต้แย้งกับเขา?
ในใจของเธอเจ็บปวดเล็กน้อย เธอกัดฟันมองไปที่เซิ่งเจ๋อเฉิง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความสิ้นหวัง “ฉันคงดูถูกประธานเสิ่นไปแล้วจริงๆ ฉันกลับลืมไปแล้วว่า คนอย่างคุณคงจะรู้วิธีการทำร้ายจิตใจคนมาแต่ไหนแต่ไร ถ้าไม่ได้เหยียบย่ำความเจ็บของคนอื่นคุณก็จะไม่วางมืออย่างแน่นอน”
เซิ่งเจ๋อเฉิงยิ้มเบาๆ เขาไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้ยอมรับคำพูดของเสิ่นอีเวย
เขามองไปที่เธอ ค่อยๆคลายมือที่บีบคางของเธอไว้ และหันตัวเดินไปที่โต๊ะทำงาน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอย่างเป็นทางการว่า “ฉันจะทำงานต่อแล้ว”
เสิ่นอีเวยเดินออกมาจากห้องทำงานของเขาโดยไม่ได้พูดอะไร
ในเวลาทั้งอาทิตย์ เสิ่นอีเวยร้อนใจไม่เป็นสุขอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เซียวหันถิงให้ตนเองดูรูปพวกนั้น ในคืนนั้นเซิ่งเจ๋อเฉิงรับสายโทรศัพท์นั้นในห้องนอน และวันที่เซิ่งเจ๋อเฉิงไปเซ่นไหว้พ่อแม่ของตนเองที่เขาหวินมู่ และจากนั้นก็มีผู้ร้ายเข้าโจมตีพวกเขา…
เสิ่นอีเวยยังไม่เข้าใจปัญหาทั้งหมดอย่างชัดแจ้ง แต่ความสัมพันธ์ของเธอกับเซิ่งเจ๋อเฉิงกลับลดลงจนมาถึงจุดเยือกแข็ง เสิ่นอีเวยคิดว่าการดำรงชีวิตของเธอเหมือนกับแอ่งน้ำขัง ไม่แห้งขอด แต่กลับไม่มีน้ำไหลผ่าน เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนแม้กระทั่งว่าชีวิตของเธอที่อยู่บนโลกนี้ค่อยๆสลายหายไป
ตอนนี้บริษัทหัวยู่นได้เข้าไปอยู่ในมือของเซิ่งเจ๋อเฉิงแล้วอย่างสิ้นเชิง เสิ่นอีเวยเข้าใจแล้วว่า หากตนเองไม่ยอมรับการจัดการทั้งหมดของเซิ่งเจ๋อเฉิง เขาจะเอาเรื่องเล็กๆต่างๆมากดดันเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือก
เนื่องจากความกดดันของเซิ่งเจ๋อเฉิงและคำวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆนาๆในบริษัททำให้เสิ่นอีเวยต้องส่งต่องานให้กับสวี่อันฉิง
สวี่อันฉิงกำลังยืนหอบเอกสารกองโต บนใบหน้าปิดซ่อนความดีอกดีใจไว้ไม่อยู่ “เสิ่นอีเวย พูดตามตรงนะ ฉันเห็นใจเธอจริงๆ พึ่งจะแท้งลูกในท้องแล้วตอนนี้ก็ยังมาถูกยึดตำแหน่งงานอีก ถึงแม้จะถูกเลื่อนตำแหน่งให้เป็นรองประธาน แต่ว่าเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงโง่ เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่มีทางให้อำนาจที่แท้จริงมาอยู่ที่เธอหรอก ฮ่าฮ่าฮ่า”
ใจของเสิ่นอีเวยเอาแต่เต้นตลอด สายตาอันโกรธแค้นมองไปที่สวี่อันฉิง ถึงแม้ว่าเธอจะรู้อยู่แล้วว่าจริงๆแล้วเป้าหมายของเซิ่งเจ๋อเฉิงคือต้องการให้อำนาจในบริษัทของเธอหลุดลอยไป แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากที่จะปล่อยเธอออกไป เพื่อที่จะลงโทษและแก้แค้นเธอ แต่ว่าเธอคิดไม่ถึงว่าสวี่อันฉิงที่เป็นคนนอกกลับเอาความจริงพูดออกมา
เสิ่นอีเวยเอามือตบไปที่เอกสารอันหนักอึ้งที่อยู่ตรงหน้าของสวี่อันฉิงอย่างแรง “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอแม้แต่นิดเดียว คนที่ทุกข์ใจน่าจะเป็นเธอหรือป่าว? เธอตั้งใจที่จะแข่งกับฉัน ในตอนนี้เธอก็ได้ตำแหน่งผู้อำนวยการออกแบบจัดงานแต่งงานแล้วจริงๆ แต่ไม่ใช่เป็นเพราะว่าฉันเลื่อนตำแหน่งหรอกหรือ เซิ่งเจ๋อเฉิงถึงจะให้เธอทำในตำแหน่งนี้? สวี่อันฉิงเธอจำคำพูดฉันไว้นะ ของที่เธอมีทั้งหมดในตอนนี้คือสิ่งที่ฉันไม่อยากได้มันแล้ว”
เสิ่นอีเวยพูดด้วยน้ำเสียงกลางๆ ไม่แสดงตัวต่ำต้อยและไม่แสดงตัวโอหัง สีหน้าของสวี่อันฉิงเปลี่ยนไปอย่างน่าอับอาย ในใจเธอโกรธอย่างหนัก “ไม่เป็นไร ระหว่างเธอกับฉันยังมีเรื่องโต้เถียงกันอีกมาก เธอคอยดูเถอะ”