สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 124
บทที่ 124 ยาที่คุณกินลงไปคือยาอะไร
เสิ่นอีเวยยืนอยู่ข้าง ๆ เตียงนอน ยืนมองคนที่อยู่บนเตียงอย่างเยือกเย็น และถอนหายใจแบบไม่มีเสียงสักนิดเดียว แต่ในใจของเธอกลับมีความรู้สึกที่ไม่เหมือนปกติ ความจริงแล้วมันคืออะไรกันแน่แม้กระทั่งตัวเธอเองก็ยังไม่สามารถเข้าใจอย่างชัดเจนได้เลย
ในห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าอย่างรุนแรง มองเห็นสภาพที่ตนเองถูกทับอยู่บนเตียงแล้วตัวดีกว่าตัวเองนั้นไม่สามารถที่จะนอนที่นี่ได้แล้ว แต่ว่าเขาก็ไม่อยากจะไปห้องนอนของเซิ่งเจ๋อเฉิง เลยเดินลงบันไดมาเพื่อเตรียมตัวจะไปนอนบนโซฟาเพื่อแก้ไขปัญหาที่นอนในคืนนี้
เสิ่นอีเวยเอนตัวลงไปบนโซฟาในห้องรับแขกที่เต็มไปด้วยความมืดมิด ทันใดนั้นก็นึกถึงเรื่องที่เซียวหันถิงได้ให้เธอดูรูปภาพพวกนั้น ที่แห่งนั้นก็คือที่ สี่ปีที่แล้วพ่อและแม่เคยมาเข้าร่วมงานเลี้ยง ณ ที่นี่ ร่างกายของเธอนั้นเพลียเป็นอย่างมากแต่ว่ากลับนอนไม่หลับในหัวสมองปรากฏภาพของพ่อและแม่อยู่เนือง ๆ
ในใจของเธอไม่มีความกลัวแม้แต่นิดเดียว แต่กลับรู้สึกถึงการไม่มีที่พึ่ง
งานเลี้ยงในค่ำคืนนั้นของตระกูลเซิ่ง แท้ที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?
สมองของเสิ่นอีเวยจะแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่ในที่สุดก็หลับไปเสียแล้ว
ในคืนที่ไม่มีความฝันเลย
วันที่สองเป็นวันหยุด เสิ่นอีเวยไม่จำเป็นจะต้องไปทำงาน ดังนั้นตอนที่เธอตื่นขึ้นมาขณะนั้นเวลาก็เก้าโมงกว่าแล้ว
แต่ว่าห้องรับแขกก็ยังคงไม่มีคนอยู่เลย
พอตื่นจนได้สติเสิ่นอีเวยก็เลยคิดถึงเรื่องที่เกิดเมื่อคืน เธอได้ใส่รองเท้าแตะและค่อย ๆ เดินขึ้นไปด้านบนตึก พอเปิดห้องนอนเข้าไปพบว่ากลิ่นเหล้านั้นยังไม่ได้หมดไปจากห้องเลย เลยทำให้คิ้วขมวด เธอเลยได้ทำการเปิดหน้าต่างออกทั้งหมด
พอหันกลับไปมอง เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ได้ไปนอนบนเตียงของเธอเสิ่นอีเวยรู้สึกขยะแขยงขมวดคิ้ว ทันใดนั้นในความทรงจำของเธอเซิ่งเจ๋อเฉิงในเมื่อคืนนั้นเวลาไหนที่เขาโหดร้ายขนาดนี้
เมื่อก่อนเซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นผู้ชายที่ยโสอวดตนคนหนึ่ง พูดได้ว่าไม่เคยมีใครเห็นเขาในสภาพที่อ่อนแอเช่นนี้ เพราะว่าตลอดมาเขาสามารถที่จะบังคับอารมณ์ของตนได้เสมอ จึงขอใช้คำว่าเก็บซ่อนความอดทนมาอธิบายสำหรับชายคนนี้คงเหมาะสมที่สุดแล้ว
แต่ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงในเมื่อคืนในความคิดของเสิ่นอีเวยคือว่าเขาคือสัตว์ประหลาดที่ดุร้าย เขาโมโหใส่เธอ บังคับเธอ แม้กระทั่งบีบรัดแขนของเธออยากให้เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวด แต่ว่าทั้งหมดนี้ก็คือแสดงถึงเขาที่กำลังจะระบายความในใจ
แต่ว่าเสิ่นอีเวยไม่มีวิธีอะไรเลย ตอนตัวเธอเด็ก ๆ นั้นไม่ใช่เพราะเซิ่งเจ๋อเฉิงก็คงไม่ได้มีชีวิตที่เป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ และพอคิดถึงตอนนั้นที่เขาทำกับเธอ ความเจ็บปวดของเธอนั้นเติมเต็มขึ้นมาเรื่อย ๆ ดังนั้นเสิ่นอีเวยได้เพียงแต่นำความไม่ดีเหล่านี้มารู้สึกต่อตัวเขา เพียงเท่านี้จึงทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาอีกสักหน่อย
ในมุมมองของเขา นี่คือสิ่งที่เซิ่งเจ๋อเฉิงควรจะได้รับ
ดังนั้นในค่ำคืนที่แล้วเธอเลยไม่ได้ไว้หน้าเขาแม้แต่นิดเดียวเพื่อที่จะเปิดความเจ็บปวดภายในใจให้เขาได้รับรู้ ทำให้เขารู้สึกถึงวิญญาณของแม่เขาที่จากไป
เสิ่นอีเวยก็ได้แต่มองหน้าตาคนที่นอนบนเตียงนอนอย่างเงียบ ๆ พอผ่านไปหนึ่งคืนสีหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็เริ่มไม่เหมือนคนเมา เรือนร่างของเขาก็เริ่มมีการขยับ พอนำเสื้อสูทตะวันตกถอดออกไป เขาคนนี้ก็เสมือนผู้ชายที่ไม่ได้มีการป้องกันอะไรเลย
เสิ่นอีเวยก็ได้ออกจากห้องนอนแล้วลงไป โทรศัพท์ที่วางอยู่บนชุดน้ำชาก็ได้ดังขึ้น พอเอาขึ้นมาดู ก็หลินอวี้ที่โทรมา
“ฮัลโหล ผู้ช่วยหลิน” น้ำเสียงของเสิ่นอีเวยมีความเพลีย
“สวัสดีค่ะ คุณหญิงเสิ่น ตอนนี้คุณหญิงอยู่ที่บ้านตระกูลเซิ่งใช่ไหมคะ”
“ฉันอยู่ค่ะ ทำไมหรือ ?”
น้ำเสียงของหลินอวี้เรียบง่ายและมีมารยาท “เป็นแบบนี้ค่ะ วันนี้ประธานเซิ่งมีกิจกรรมการเดินทาง โดยความจริงแล้วกำหนดเวลาไว้ที่ 9 โมงเช้า แต่ว่าเมื่อสักครู่นี้ได้ทำการติดต่อไปหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่มีการรับสายใด ดังนั้น…….ดิฉันก็เลยโทรหาคุณหญิงเพื่อสอบถามสถานการณ์ค่ะ”
เสิ่นอีเวยคิดอยู่สักครู่ และตอบไปว่า “เซิ่งเจ๋อเฉิงเมื่อคืนดื่มหนักจนเมา ตอนนี้ยังไม่ตื่นเลย การเดินทางของเขาคงจะต้องยกเลิกไปก่อน ตอนนี้เธอน่าจะควรเตรียมตัวอย่างอื่นก่อนนะ”
ในสายโทรศัพท์หลินอวี้ก็เงียบไปสักพักแล้วบอกว่า “รับทราบค่ะ ขอบพระคุณคุณหญิงเสิ่น”
การสนทนาของสองคนก็ได้จบเพียงเท่านี้
หากพูดถึงคนอย่างเซิ่งเจ๋อเฉิงคนนี้ ในวันธรรมดาเช่นนี้ย่อมไม่มีวันหยุดติดต่อกันถึงสองวัน ดังนั้นวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ไม่มีความหมายอะไรของเขา แต่ว่าเมื่อคืนกลับดื่มไปมากมาย เมาไปทั้งคืน
แต่ว่าเสิ่นอีเวยรู้สึกแปลกใจ ตลอดมาชายคนนี้เป็นคนเงียบ ลุ่มลึก สุขุม เห็นงานใหญ่เป็นสำคัญ เหมือนกันกับเช่นนี้เพื่องานส่วนตัวของตัวเองเลยทำให้มีผลกระทบไปถึงการทำงานในวันที่สอง ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอเห็นเป็นครั้งแรก
พอถึงตอนเย็นเสิ่นอีเวยก็เตรียมตัวทำกับข้าวยามเย็น เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ค่อย ๆ ลงมาจากห้องนอน ดูเหมือนว่าเขาน่าจะอาบน้ำเสร็จแล้ว เผ้าผมมีความชุ่มชื้น แต่ก็เหมือนมีผมบางเส้นชี้ฟู
เสิ่นอีเวยไมได้มองเขามากนัก เลยกลับไปยุ่งเรื่องของตัวเธอเอง แต่ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงกับเสียงเดินเท้าของเขายิ่งอยู่ยิ่งใกล้ ในใจของเธอก็รู้สึกมีความหงุดหงิด ในความคิดของเธอความสัมพันธ์ของสองคนยิ่งอยู่ยิ่งเร่าร้อนมากยิ่งขึ้น แต่ทางที่ดีที่สุดคือทั้งสองฝ่ายต่างเห็นอีกฝ่ายเป็นอากาศดีที่สุด ใครก็ไม่สร้างปัญหาให้ใคร
แต่ว่า เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ยังไม่ยินยอมที่จะเลิกลา
“หลินอวี้โทรมาหาแล้วพูดว่า เป็นคุณบอกว่ากผมดื่มเมา และให้เขาจัดการการทำงานในวันนี้หรือ ?” เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ยังคงสำเนียงที่เยือกเย็น
เสิ่นอีเวยไม่ได้สนใจอะไรเขา แม้แต่หัวก็ยังไม่หันไปหา
แต่ว่ากลับมาเสียงที่แหลมคมทะลุไปยังหูของเธอ “คุณมีสิทธิ์อะไรมาทำหน้าที่แทนผม ?”
ทันใดนั้นเสิ่นอีเวยถูกคำพูดนี้เลยโมโหขึ้นมา แต่ว่าใบหน้าก็ยังรักษาสภาพความสุขุม แล้วเธอก็หันกลับมา สายที่แหลมคมก็มองแต่เซิ่งเจ๋อเฉิง “คุณก็รู้สึกว่าจะดูว่าตนเองนั้นสูงส่งเหลือเกิน ชั้นก็ไม่ได้อยากจะทำอะไรแทนคุณหลอก เพียงแต่ว่าชั้นรู้สึกสงสารผู้ช่วยหลินแค่นั้นเอง คนอื่นก็มารอคุณผู้บริหารตั้งแต่เช้า ก็ยังทำโทรศัพท์หาคุณตั้งหลายสาย แต่ผลปรากฏว่าคุณก็นอนจนไม่รู้เรื่องเสมือนคนตาย ชั้นรู้ว่าตลอดดมาผู้ช่วยหลินเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาตลอด ดังนั้นเลยเพียงแต่ให้ผู้ช่วยหลินจัดการเตรียมการให้เรียบร้อยแค่นั้นเอง ดังนั้นยังไม่รู้อีกหรือ ? และสิ่งนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอเลย”
สำเนียงของเสิ่นอีเวย แม้ไม่ได้มีอารมณ์อย่างใด แต่ว่าสามารถเห็นจากการพูดได้ ทันใดนั้นใบหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็เริ่มเปลี่ยนไปน่าเกลียดกว่าเดิม แต่ว่าเสิ่นอีเวยก็ไม่ได้กลัวแม้แต่นิดเดียว แต่ยังคงมองหน้าเข้าด้วยความไม่กลัว
เซิ่งเจ๋อเฉิงขยับคิ้วของตน สายตาที่เต็มไปด้วยความอันตราย “เมื่อสักครู่นี้คุณพูดว่า…..คุณชอบหลินอวี้ ?”
เสิ่นอีเวยก็ไม่มีคำจะพูด เพราะรู้ว่าเขาเข้าใจผิดอีกแล้ว เลยไม่ได้คุยอะไรกับเขา
“หลินอวี้ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับคุณ คุณทำไมต้องชอบเขาล่ะ ? คุณมีผู้ชายมากมายยังไม่พออีกหรือ ?”
เสิ่นอีเวยเกิดอารมณ์แล้วพูดว่า “เซิ่งเจ๋อเฉิงดูแล้วคุณนี่ยังคงไม่สร่างเมาสินะ คุณคิดว่าทุกคนจะเป็นเหมือนคุณหรือ ? หลินอวี้เป็นผู้ช่วยคนมาก็นานมากแล้ว คุณมีสิทธิ์อะไรในการที่จะย่ำยีเขา ? ”
เธอรู้สึกว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่สามารถที่จะพูดอะไรด้วยเหตุได้
เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ได้ยิ้มแสยะแล้วพูดว่า “ผมก็เป็นเพียงแต่ถูกคนหักหลัง ยังมีอีก หลินอวี้อยู่กับผมมาตั้งนาน คนอย่างเขาฉันต้องเชื่ออยู่แล้ว แต่ฉันไม่ค่อยอยากจะเชื่อมั่นในตัวผู้หญิงอยากคุณ”
ผู้หญิงอย่างคุณ
เสิ่นอีเวยเดิมทีจะไม่แคร์ความรู้สึกและความคิดที่เซิ่งเจ๋อเฉิงมีแต่เธอ แต่ในใจของเธอก็ไม่สามารถเอาห้าคำที่ติดอยู่ในใจนี้ออกมาได้
เธอจึงสูดหายในลึก ๆ และกดทับความรู้สึกของตนเอง “เซิ่งเจ๋อเฉิง ชั้นไม่อยากจะมีปัญหาต่อปากต่อคำกับคุณทุกวัน ต่อไปนี้พวกเราไม่ยุ่งต่อกัน ดีไหม ? ”
พอพูดคำนี้ไปอารมณ์ที่เสิ่นอีเวยจะทำอาหารก็ไม่มีเสียแล้ว ปล่อยของจากมือตนเองแล้วกำลังคิดจะเดินขึ้นไปบนห้องนอน
พอเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ได้ปรากฏอยู่บนหลังของเธอ
“เมื่อคืนเธอกินยาอะไรลงไป ? ”
ก้าวเดินของเสิ่นอีเวยเลยหยุดลง