สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 144
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 144 การวางแผนทั้งสองอย่างล้มเหลวไม่เป็นท่า
เสิ่นอีเวยนั่งในห้องทำงานคอยดูเวลาอย่างลนลาน นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เซิ่งเจ๋อเฉิงพักอยู่ที่หวายหลีวิลล่ามาตลอดเกือบทั้งสัปดาห์
แต่วันนี้เป็นวันที่เขาจะกลับมาที่เซิ่งซื่อ
เสิ่นอีเวยลุกขึ้น เธอหยิบเอกสารการหย่าที่เตรียมไว้พร้อมตั้งแต่แรกแล้วออกมาจากตู้กระจก เธอเปิดดูบริเวณด้านบนมีลายเซ็นของเธอเอง ตัวหนังสือเกือบจะทะลุด้านหลังกระดาษ นั่นเป็นสิ่งที่เธอตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะเขียนชื่อของเธอเองกับมือ
บนโต๊ะทำงานสีดำมีแฟ้มเอกสารกองหนาวางอยู่เป็นกองๆ เป็นเอกสารสัญญาที่ส่งมาของหุ้นส่วนของบริษัท เธอเซ็นเอกสารในฐานะรองประธานบริษัทเรียบร้อยแล้ว และในตอนนี้ถึงเวลาที่เซิ่งเจ๋อเฉิงต้องลงนามในนั้นแล้ว
ก่อนหน้านี้ตอนยังไม่มีการแต่งตั้งรองประธานของบริษัทเซิ่งซื่อ เสิ่นอีเวยรับผิดชอบแค่เรื่องของฝ่ายการออกแบบชุดแต่งงาน แต่ว่าหลังจากที่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นถึงรองประธาน เธอก็ต้องรับผิดชอบเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย อุตสาหกรรมในเครือเซิ่งซื่อนั้นมีธุรกิจเยอะมาก
ถ้าพูดให้ดีหน่อยก็เป็นเรื่องของความรับผิดชอบ พูดให้ไม่ดีหน่อยเสิ่นอีเวยก็แค่ทำงานเบ็ดเตล็ดเท่านั้น เช่นการเอาหนังสือสัญญามาให้เซิ่งเจ๋อเฉิง เขาก็เป็นคนมอบหมายให้เธอเป็นคนทำ
เสิ่นอีเวยยื่นมือใส่เอกสารการหย่าทั้งสองฉบับสอดไว้กับกองเอกสารพวกนั้น จากนั้นก็ตรวจสอบอย่างระมัดระวัง เธอไม่มีความมั่นใจเต็มร้อยนักกับเรื่องที่เธอจะทำ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วทำได้อย่างเดียวคืออธิษฐานเท่านั้น
ได้แต่ภาวนาว่าขออย่าให้เซิ่งเจ๋อเฉิงพบว่าในกองเอกสารสัญญาพวกนี้มีอย่างอื่นปะปนอยู่
อาจเป็นเพราะตื่นเต้นมากเกินไป ความสนใจของเสิ่นอีเวยจึงจมปลักไปอยู่บนแฟ้มที่อยู่ในมือทั้งหมด ตอนที่หางตาเหลือบเห็นว่ามีคนๆหนึ่งเดินพรวดพราวเข้ามาอย่างเร็ว แฟ้มที่อยู่ในมือก็ถูกชนจนร่วงหล่น กระดาษสีขาวกระจายไปทั่วพื้น หัวใจของเธอเต้นถี่รัว เธอหันศีรษะไปมองเป็นสวี่อันฉิง
เสิ่นอีเวยรีบย่อตัวลงไปเก็บเอกสาร สวี่อันฉิงเองก็ย่อตัวลงมาเหมือนกัน
“อย่าแตะต้องของๆ ฉัน”
น้ำเสียงของเสิ่นอีเวยสงบนิ่งมาก แต่ไม่มีคนรู้เลยว่าในใจของเธอนั้นกระหน่ำดั่งพายุโหม
แต่สวี่อันฉิงยังเหลือบมองข้อความที่เขียนบนกระดาษ “เอกสารการหย่าร้าง” ห้าคำนั้นได้ทันก่อนที่มันจะถูกเก็บไป ดวงตาของเธอมีความพึงพอใจปรากฏขึ้นมาอยู่ภายใน
จากสภาพการณ์ที่เอกสารกระจัดกระจายแบบนี้แล้ว หล่อนก็พอจะเข้าใจเรื่องราวขึ้นมา น้ำเสียงแฝงแววเยาะหยัน: “คิดจะใช้วิธีนี้ให้เขาเซ็นชื่อในเอกสารการหย่าหรอ?”
เสิ่นอีเวยแทบไม่ได้สนใจหล่อนเลย เธอหยิบของขึ้นมาแล้วหันตัวเดินออกไป เลยไม่ได้เห็นรอยยิ้มบนหน้าของสวี่อันฉิงที่ยิ้มอย่างพออกพอใจ
เสิ่นอีเวยยืนนิ่งเงียบอยู่ที่หน้าประตูห้องทำงานของเซิ่งเจ๋อเฉิงอยู่นาน ก่อนสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่งแล้วเคาะประตู
“เข้ามา”
เป็นคำพูดธรรมดาไม่ดังและไม่เบาคำหนึ่ง
เสิ่นอีเวยผลักประตูเข้าไป เห็นภาพตรงหน้าก็ชะงักไปครู่หนึ่ง
เซิ่งเจ๋อเฉิงกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าหน้าต่าง ร่างสูงสีดำถูกหน้าต่างโปร่งใสทำให้เห็นเป็นเพียงเงาทอดสลัว วันนี้อากาศดีมาก แสงอาทิตย์ด้านนอกสาดส่องเข้ามา กระทบบนร่างของเซิ่งเจ๋อเฉิง
เสิ่นอีเวยแปลกใจมาก แสงอาทิตย์เช่นนี้ให้ความรู้สึกอบอุ่น ทว่ากลับไม่สามารถทำให้คนอย่างเซิ่งเจ๋อเฉิงดูอบอุ่นขึ้นได้แม้แต่นิดเดียว
อากาศภายในห้องมีกลิ่นควันบุหรี่อบอวลอย่างรุนแรง เสิ่นอีเวยย่นคิ้วอย่างอดไม่ได้ เซิ่งเจ๋อเฉิงแทบจะไม่เคยสูบบุหรี่ในห้องทำงานเลย ทำไมวันนี้จึงผิดจากปกติไปจากเดิม? การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของเขาแบบนี้ทำให้เสิ่นอีเวยรู้สึกประหม่ามากขึ้น
เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้ฟังเลยว่ามีคนพูดอยู่ เขาหันหลังกลับมา มองเห็นเสิ่นอีเวย สายตาคู่นั้นส่องประกายสายตาเย็นชานั่น
เขาเปิดปากถามเบาๆ: “มีเรื่องอะไร?”
เสิ่นอีเวยถือแฟ้มมีอาการมือสั่นเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่ได้ เธอได้แต่หวังว่า เซิ่งเจ๋อเฉิงจะไม่สังเกตอาการประหม่าของเธอเข้า
แฟ้มหนาถูกวางลงบนโต๊ะอย่างเบามือ เสิ่นอีเวยลดสายตาลงแล้วพูดว่า: “นี่คือสัญญาการร่วมมือของบริษัทเซิ่งซื่อ ฉันเอามาให้คุณเซ็นลงนาม”
เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่พูดอะไรอยู่นาน เสิ่นอีเวยกำลังประหม่าอยู่จึงลดสายตาให้ต่ำลง ระยะสายตาของเธอจึงมองไม่เห็นใบหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิง อุณหภูมิโดยรอบเหมือนจะลดลงไปเป็นศูนย์เพราะความเงียบ เซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นคนฉลาด เสิ่นอีเวยกลัวจริงๆว่าจะถูกเขาจับพิรุธได้ หัวใจจึงเต้นกระหน่ำขึ้นมาเรื่อยๆ
ความตึงเครียดที่อยู่ในใจยิ่งบีบรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ ในตอนที่เสิ่นอีเวยคิดว่ามันกำลังจะหยุดทุกอย่างลงแล้วนั้น เซิ่งเจ๋อเฉิงก็เดินออกมา
เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน มองเสิ่นอีเวยครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มเซ็นลงนาม
อันที่จริงสัญญาพวกนี้ ก็เป็นเซิ่งเจ๋อเฉิงไปเจรจาด้วยตนเอง กระบวนการต่างๆ เขาล้วนรู้ดีอยู่แก่ใจ
บริษัทคู่ค้าซึ่งมีบริษัทเซิ่งซื่อเป็นผู้นำ ก็คงไม่กล้าเล่นตุกติกอะไรในช่วงสุดท้ายของการลงนามร่วมกัน ดังนั้นเซิ่งเจ๋อเฉิงจึงไม่ได้อ่านอะไรมากก็ตวัดลายเซ็นลงไป
เสิ่นอีเวยจ้องมองความเร็วของการลงนามเซ็นชื่อของเซิ่งเจ๋อเฉิง ในใจก็แล่นฉิวดูเหมือนว่าเอกสารในการหย่าสองฉบับนั้นเขาคงจะไม่เจอแน่ๆ เทคนิคการย้อมแมวขายเป็นวิธีที่ไม่เลวเลยจริงๆ
เสิ่นอีเวยเกิดอาการกระวนกระวายใจจึงแสร้งมองไปรอบๆ
ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็รับแฟ้มเอกสารกลับคืนมาจากเซิ่งเจ๋อเฉิง ตอนที่เงยหน้าขึ้นมองเขาก็พบดวงตาที่ลึกล้ำของเขา ใจของเธอจึงสั่นขึ้นมาอีกครั้ง
เธอไม่กล้าสบตาเขาอีก ไม่รู้ว่าทำไมเสิ่นอีเวยมักจะรู้สึกว่าสายตาที่เซิ่งเจ๋อเฉิงมองเธอมีความหมายบางอย่างอย่างบอกไม่ถูก ก็เห็นอยู่ว่าเขาไม่พบเอกสารการหย่าของเธอที่ซ่อนอยู่ในกองเอกสารนั่น แต่ว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกว่าเขาอ่านเกมเธอออกทะลุปรุโปร่งหมดแล้วล่ะ?
ความรู้สึกแบบนี้ยิ่งอยู่นานยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เสิ่นอีเวยไม่อยากอยู่ในห้องนี้อีกต่อไป
“ถ้าหากไม่มีธุระเรื่องอื่นอีก ฉันขอตัวก่อน”
หลังจากพูดจบ เสิ่นอีเวยหยิบเอกสารเดินไปทางประตู เธอเกิดกลัวว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะเรียกให้เธอหยุดขึ้นมา ตลอดทางจึงรีบสาวเท้าก้าวเดินอย่างรวดเร็ว
เมื่อกลับถึงห้องทำงานของตนเอง เสิ่นอีเวยที่หัวใจเต้นอย่างบ้าระห่ำจึงค่อยเบาลง
เมื่อไม่มีเรื่องอื่นให้ต้องจัดการแล้ว เธอจึงรีบนั่งลงแล้วหาเอกสารการหย่าสองฉบับนั้นจากในแฟ้มเพื่อตรวจดูว่า เซิ่งเจ๋อเฉิงได้เซ็นชื่อแล้วจริงๆ หรือยัง
ตอนที่มองช่องที่เอาไว้เซ็นชื่อ เสิ่นอีเวยเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ในนั้นมีตัวหนังสือเขียนอยู่ ทว่าไม่ใช่ลายเซ็นของเซิ่งเจ๋อเฉิง แต่เป็นประโยคที่ทำให้เสิ่นอีเวยโกรธสุดๆ
อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่ ฉันแนะนำให้คุณรีบหยุดความคิดนี้ เธอโง่ แต่ฉันไม่ได้โง่
นั่นเป็นลายมือของเซิ่งเจ๋อเฉิง และก็เป็นเขาที่พูดประโยคพวกนี้ เสิ่นอีเวยโมโหสุดๆ จนนึกอยากจะเอากระดาษพวกนี้ปาใส่หน้าผู้ชายที่น่ารังเกียจคนนั้นซะ!
หัวใจของเธอสิ้นหวัง เพราะนี่เป็นวิธีเดียวที่เธอคิดได้ว่าจะสามารถทำให้เซิ่งเจ๋อเฉิงเซ็นชื่อในเอกสารการหย่านั้นอย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้ถูกเขามองออกแล้ว แล้วทีนี้จะทำยังไงต่อไปดี?
เสิ่นอีเวยเดิมทีนึกว่ามันจะสำเร็จไม่มีอะไรผิด ลืมนึกไปว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นคนที่ระมัดระวังตัวคนหนึ่ง และช่วงนี้เธอแสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนว่าต้องการหย่าขาดจากเขา เขาก็ต้องป้องกันตัวเองจากเธอทุกทิศทุกทาง
แต่เสิ่นอีเวยไม่เข้าใจ ว่าทำไมเซิ่งเจ๋อเฉิงถึงไม่ยินยอมหย่ากับตน?
ยืดเวลาเพิ่มไปอีกวัน เธอเริ่มรู้สึกว่าเขาอาจรู้สึกบางอย่างกับเธออยู่ก็เป็นได้ จึงไม่ต้องการที่จะหย่าขาดกับเธอ แต่จิตใต้สำนึกของเสิ่นอีเวยรู้ดีว่าไม่มีทาง เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่มีทางที่จะรักเธอได้
มาถึงขั้นนี้แล้ว…ตกลงว่าเพราะอะไรกันแน่?
ช่างเหมือนกับสิ่งที่เขาพูดกับหล่อนในวันแต่งงาน ที่ต้องการให้เธออยู่ข้างกายเพื่อทรมานเธอไปตลอดชีวิตเช่นนั้นหรอ?
หัวใจของเสิ่นอีเวยยิ่งเจ็บขึ้นเรื่อยๆ ความหุนหันพลันแล่นในใจกระตุ้นให้ตอนนี้เธอต้องไปหาเซิ่งเจ๋อเฉิงและถามให้รู้เรื่อง!
เธอหยิบเอกสารการหย่าสองฉบับที่เซิ่งเจ๋อเฉิงเพิ่งเขียนคำเตือนลงไปขึ้นมา แล้วผลักประตูห้องทำงานของเซิ่งเจ๋อเฉิงให้เปิดออก
“ปัง!”
เสิ่นอีเวยใช้แรงทั้งหมดเอาเอกสารสองฉบับนั้นโยนลงบนโต๊ะทำงานของเซิ่งเจ๋อเฉิงอย่างแรง ผู้ชายตรงข้ามทำเหมือนกับว่ารู้อยู่แล้วว่าเธอจะมาหาตนเองอย่างไงอย่างงั้น เจ้าตัวไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา น้ำเสียงเฉยเมยตามปกติและถามหล่อน : “มีเรื่องอะไรอีกล่ะ?”
เสิ่นอีเวยไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไปแล้ว: “ขอเหตุผลให้ฉันสักข้อ!”
เซิ่งเจ๋อเฉิงชำเลืองมองเอกสารการหย่าสองฉบับนั้นครู่หนึ่งและมองเสิ่นอีเวยอย่างเฉยชา ราวกับว่าใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก
“ฉันให้อภัยกับพฤติกรรมโง่เง่าแบบนี้ของเธอ หวังว่าจะไม่มีครั้งที่สองนะ”
เสิ่นอีเวยระเบิดอารมณ์ดั่งสายฟ้าฟาด: “เซิ่งเจ๋อเฉิง คุณรู้ดีอยู่แก่ใจ ฉันไม่ได้มาเพื่อฟังคุณพูดเรื่องพวกนี้หรอกนะ! อาศัยอะไร !ใช้สิทธิ์อะไรถึงได้ไม่เคารพความคิดของฉัน? ฉันเกลียดคุณ ฉันจะหย่ากับคุณได้ยินมั้ย!”
ประโยคนี้ของเสิ่นอีเวยทำให้ความอดทนของเซิ่งเจ๋อเฉิงสิ้นสุดลง
“ปึง!”
แฟ้มในมือเขาถูกโยนลงบนโต๊ะทำงานอย่างรุนแรงจนกระทบกับแก้วน้ำที่อยู่บนโต๊ะจนเกิดเสียงดังขึ้นมา