สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 169
บทที่ 169 มาหาภรรยาของผมมีธุระอะไร
เดิมเสิ่นอีเวยกำลังเดินตรงไปด้านหน้าแต่ได้ยินเสียงเศร้าดังมาจากข้างๆรู้ว่าในประโยคนั้นมันยังมีคำพูดอื่นเก็บงำอยู่ได้แต่หยุดเท้าลง
หล่อนหันกลับมาแล้วถามเสิ่นเหยียนชิ่งด้วยน้ำเสียงเรียบๆ : “ประโยคนี้อาหมายความว่ายังไง”
ท่าทางของเสิ่นเหยียนชิ่งในตอนนี้ดูไม่รีบร้อนเหมือนเมื่อครู่ที่ผ่านมา ดูเหมือนกับว่าทำท่าทางไปงั้นไม่แยแส เขาจ้องมองเสิ่นอีเวยแต่ในดวงตาเขาก็มีรอยยิ้มที่ซ่อนความทุกข์ระทมไว้มันทำให้คนรู้สึกไม่ค่อยสบายเอามากๆ
“ฉันเป็นถึงพี่น้องของพ่อเธอ เมื่อก่อนเธอคงเคยได้ยินนิสัยของฉันที่เล่าปากต่อปากกันมา ตอนที่ฉันให้ความเคารพเธอ เธอก็ควรให้ความเคารพฉันเหมือนกัน ไม่งั้นเธอจะเสียใจภายหลัง”
คำพูดที่พูดออกมาจากเสิ่นเหยียนชิ่งดูเหมือนง่ายๆสบายๆแต่ในน้ำเสียงนั่นมันมีการข่มขู่และส่อแววอันตรายอยู่ มันทำให้เสิ่นอีเวยโกรธจริงๆ
สายตาที่สวยงามของหล่อนมันทอประกายความไร้เยื่อใย : “ทำไม? ขู่ฉันตรงๆกันงี้เลยหรอ?”
สายตาเสิ่นเหยียนชิ่งส่องประกายความอันตรายอยู่ในนั้น : “วันนี้หากเธอไม่ตกลง ฉันก็จะขึ้นไปชั้นยี่สิบสี่พร้อมเธอ เธอไม่ช่วยฉัน ก็ให้เซิ่งเจ๋อเฉิงมาช่วยฉัน หลานสาวที่แสนดีของฉัน ไม่รู้ว่าความคิดนี้เธอว่าเป็นไงบ้าง?”
ใจเสิ่นอีเวยบีบแน่นขึ้นมา เธอใช้สายตาที่โกรธมองเขา : “อากล้าหรอ!”
เสิ่นเหยียนชิ่งพูดเสร็จก็พิงเสาด้านข้างและจุดบุหรี่สูบ เหมือนกับนักเลงมีฝีมือคนหนึ่ง
“ยังไงบริษัทฉันมันก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันไม่กลัวที่จะแก้ผ้าเอาหน้ารอด ขอแค่บริษัทฉันรอดจะให้ฉันทำยังไงก็ยอม ทุกวันนี้เธอมีชีวิตสุขสบายเป็นถึงภรรยาผู้รากมากดีที่ใครๆก็ต่างอิจฉา ก็แค่ช่วยอาเรื่องเล็กๆน้อยๆแค่ดีดนิ้วแค่นี้ก็จบแล้ว? เธอไม่ยอมตกลง เธอเองที่จะเสียเวลาอยู่แบบนี้”
เสิ่นอีเวยโมโหปรี๊ด : “อา—-!”
เสิ่นเหยียนชิ่งยังพูดต่อ : “พอถึงเวลานั้นฉันก็ไปก่อกวนต่อหน้าเซิ่งเจ๋อเฉิงเลย ให้เขาเห็นเลยว่าหลานสาวอย่างเธอทำไมถึงได้ใจร้ายไม่ยอมช่วยอาแท้ๆได้!”
นาทีนั้นเอง เหมือนทัศนคติโลกของเสิ่นอีเวยเหมือนหมุนติ๊วๆอยู่ พ่อของหล่อนเป็นทนายที่ยอดเยี่ยมมาก จนได้รับความเคารพของคนในสังคมในรุ่นหลังมาจนถึงทุกวันนี้ หล่อนคิดไม่ออกจริงๆ ว่า พ่อจะมีน้องชายแท้ๆที่นิสัยทุเรศแบบนี้ได้ยังไง?
เรื่องที่เสิ่นเหยียนชิ่งมาก่อกวนเธอถึงสามครั้งติดนี่ ตัวเธอยังไม่ยอมพูดออกมา หล่อนไม่ยอมบอกเรื่องนี้ให้ใครทราบ เพราะงั้นเสิ่นเหยียนชิ่งถึงได้ใช้ชื่อเซิ่งเจ๋อเฉิงมาขู่หล่อน หล่อนไม่มีวิธี….
เสิ่นอีเวยมองเสิ่นเหยียนชิ่งอย่างไร้อารมณ์และสูดหายใจเข้าปอด และพยายามทำอารมณ์ของตัวเองให้สงบลง : “งั้นอาต้องการอะไร?”
เสิ่นเหยียนชิ่งเห็นเสิ่นอีเวยยอมเอ่ยปากถามสีหน้าผู้น้อยต่ำต้อยนั้นหายไปเป็นปลิดทิ้ง เขาถูมือไปมาแล้วเอ่ย : “เมื่อกี้ฉันพูดชัดเจนแล้วนะว่าให้เธอมาลงทุนที่บริษัทฉัน แค่ช่วยฉันครั้งนี้ก็พอ!”
เสิ่นอีเวยโมโหจนยิ้มตอบ : “อาก็ไม่ใช่คนที่ไม่เข้าใจเรื่องการลงทุนในบริษัท มันไม่ใช่เรื่องปากแค่พูดที่จะบอกว่าให้ลงทุนก็ลงทุนได้นะ?”
“คนธรรมดาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เธอมีเงินนี่ แถมยังมีคนช่วยอยู่ข้างหลัง แค่จะหยิบจับเงินนิดหน่อยช่วยอาเรื่องก็จบแล้วไม่ใช่หรอ?”
เรื่องที่เสิ่นเหยียนชิ่งพูด เสิ่นอีเวยรู้สึกลนลานเลยตอบเขาทันที : “อย่ามาคิดเองเออเองที่นี่ ฉันไม่มีคนช่วยอยู่ข้างหลังและไม่เคยใช้เงินของเซิ่งเจ๋อเฉิงสักแดงเดียว ถ้าอาคิดว่าเขาเก่งจริง อาก็ไปขอให้เขาช่วยอาเลย!”
ที่เสิ่นอีเวยพูดไปมันเป็นเพราะความโกรธที่ถูกยั่วทั้งหมด สมองเลยไม่ทันได้คิดพูดไปแบบนั้น
เมื่อพูดออกไปแล้วเลยรู้ว่ามันแปลกๆอยู่
ตอนที่เธอจะพูดต่อ ก็มีเสียงเย็นชาของผู้ชายดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“หือ? เธอไม่เคยใช้เงินฉันเลยสักแดงเดียวหรอ? ฉันไม่ใช่คนที่อุ้มชูเธออยู่หรอ?”
เสียงที่คุ้นเคย เสิ่นอีเวยเหมือนกำลังหยุดหายใจ ขนาดอากาศในห้องโถงยังหยุดนิ่ง จนเสียงนกยังหยุดร้อง ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมา
เสิ่นอีเวยหันศีรษะกลับไปก็เห็นเซิ่งเจ๋อเฉิงมายืนอยู่ข้างหล่อนสี หน้าเขาเอาแต่จ้องมองเธออย่างเย็นชา ข้างกายมีหลินอวี้มาด้วยนอกจากนั้นไม่มีใครอีก หล่อนถอนหายใจเบาๆ แต่นาทีนั้นหล่อนเกลียดเหลือเกินที่เขาชอบโผล่เข้ามาในเวลาช่างเหมาะเจาะซะเหลือเกิน
ทำไม…..ทำไมเขาต้องโผล่มาในตอนสำคัญแบบนี้ด้วย?
เสิ่นเหยียนชิ่งมองเซิ่งเจ๋อเฉิงแวบหนึ่งในใจดีใจสุดๆ รู้ว่าตัวเองไม่ต้องมาเสียเวลากับเสิ่นอีเวยอีกแล้ว
เขาเดินตรงแน่วไปหาเซิ่งเจ๋อเฉิงพร้อมยื่นมือขวาของตัวเองให้เซิ่งเจ๋อเฉิง : “บังเอิญจริงๆท่านประธานเซิ่ง เราได้เจอกันแล้ว”
เซิ่งเจ๋อเฉิงสูงกว่าเขามาก เขาได้แค่เหล่ตามองเสิ่นเหยียนชิ่งอย่างไร้อารมณ์ แต่ไม่ได้จับมือเขาตอบ เสิ่นเหยียนชิ่งที่หน้าด้านไร้ยางอายก็หดมือกลับอย่างไม้รู้สึกเก้อเขินตอนอยู่ในสถานการณ์นั้น
เสิ่นอีเวยดูสถานการณ์ที่วุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้นซึ่งที่นี่ไม่ควรมีเรื่องวุ่นวาน หล่อนรีบเข้ามาขวางระหว่างเซิ่งเจ๋อเฉิงและเสิ่นเหยียนชิ่ง หล่อนหันศีรษะไปทางเสิ่นเหยียนชิ่งพลางเอ่ยขึ้น : “เรื่องที่อาพูดเมื่อครู่ฉันขอกลับไปคิดดูก่อน ตอนนี้ฉันยุ่งมาก ท่านประธานเซิ่งก็มีเรื่องอื่นที่ต้องทำ อากลับไปก่อน”
หล่อนพยายามควบคุมอารมณ์ของตนเองเอาไว้ ไม่อยากให้เขาได้ยินเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ แต่เซิ่งเจ๋อเฉิงกลับไม่เป็นดังนั้น
สายตาของชายหนุ่มกำลังวิเคราะห์ใบหน้าเสิ่นอีเวยอยู่แวบหนึ่งจึงเอ่ยปากเบาๆ น้ำเสียงเขาเหมือนกำลังดูละครที่ซ่อนความตลกขบขันถากถางเอาไว้ : “ไม่ ฉันไม่มีเรื่องอะไรต่อ”
เสิ่นอีเวยโดนเล่นงานเข้าอย่างจัง หล่อนโกรธจนอยากจะถอดรองเท้าส้นสูงปาใส่หัวผู้ชายทุเรศคนนี้จัง!
เซิ่งเจ๋อเฉิงรับรู้ความโกรธจากสายตาของเสิ่นอีเวยได้แต่เขาไม่ได้สนใจหล่อน แต่พูดกับเสิ่นเหยียนชิ่งแทน : “คุณเสิ่นมาถึงที่บริษัทเซิ่งซื่อได้ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรหรือเปล่า?”
ประโยคนี้มันช่างมีมารยาทมากแต่กลับซ่อนความจืดชืดเย็นชาไว้ในนั้น ร่างกายเสิ่นเหยียนชิ่งถึงกับสั่นจนเหงื่อออก เขาพยายามชั่งใจอยู่ คราวที่แล้วเสิ่นอีเวยก็ให้เงินตัวเองไปแล้วถึงห้าแสนหยวน คราวนี้จะมาขอหล่อนอีกคงจะไม่ง่ายแล้ว งั้นพนันกันเลยละกันบอกในสิ่งที่ตัวเองต้องการกับเซิ่งเจ๋อเฉิงไปเลย คนๆนี้แทบไม่ได้สนใจเงินเล็กๆน้อยๆเลย อาศัยความเป็นญาติกับเสิ่นอีเวยน่าจะช่วยอาคนนี้ของตัวเองนะ?
คิดได้อย่างนี้ เสิ่นเหยียนชิ่งเลยตอบเขาไปตรงๆ : “เดิมฉันมาหาเสิ่นอีเวยให้ช่วยเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่ไม่คาดคิดเลยว่าจะเจอประธานเซิ่งเอาได้ ขออภัยจริงๆ แต่ดูเหมือนเสิ่นอีเวยจะไม่ยอมช่วยฉันเลยต้องมาเสียเวลานานเป็นโข”
เสิ่นอีเวยส่งสัญญาณทางสายตาให้เขา หล่อนแทบไม่คิดเลยว่าเสิ่นเหยียนชิ่งจะพูดตรงๆออกมา
หล่อนตอบทันรับหันไปหาเซิ่งเจ๋อเฉิงพลางเอ่ย : “ท่านประธานฉันจำได้ว่าคุณมีเอกสารด่วนที่ต้องเซ็น เรากลับขึ้นไปด้านบนเถอะ!”
หล่อนจ้องมองเซิ่งเจ๋อเฉิงอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ากลับยิ้มตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติ : “เอกสารจะด่วนแค่ไหนก็เรื่องเล็ก เพราะฉันอยากจะฟังเรื่องที่คุณเสิ่นมาหาภรรยาของผมถึงสามครั้งเนี่ย จริงๆแล้วมันคือเรื่องอะไรกันแน่”
เสิ่นอีเวยอึ้งไปสักพัก เพราะเมื่อครู่เขาแทนเธอว่าภรรยาของเขา….
น่าจะเป็นการแสดงตบตาเพราะว่าในห้องโถงนี้มีสายตามากมายกำลังจดจ้องมองอยู่