สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 188
บทที่ 188 นึกถึงเรื่องที่ผ่านมา
เธอคิดถึงขนาดที่ว่า เซิ่งเจ๋อเฉิง คงจะไม่มีวาสนากับพวกเชื้อโรคพวกนี้
เสิ่นอีเวย ลุกขึ้นจากเตียงนั่งขัดสมาธิ แล้วเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของเซิ่งเจ๋อเฉิง เธอมองดูชายหนุ่มที่หลับใหลไม่ได้สติเพราะไข้ขึ้น ในใจก็นึกสะใจขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เพียงแค่ความคิดชั่วขณะ เสิ่นอีเวยนึกถึงสิ่งที่เซิ่งเจ๋อเฉิงปฏิบัติตัวต่อเธออย่างไม่ไยดีทำให้เธอเกิดความคิดชั่วร้ายเข้ามาในหัว เธอยกมือขึ้นตบหน้าของ เซิ่งเจ๋อเฉิงอย่างแรง
ไม่เคยคาดคิดเลยว่า คนที่เย่อหยิ่งและจองหองอย่างคุณจะมีวันนี้ เสิ่นอีเวยนึกสะใจอยู่เนือง ๆ
หรือไม่ เราฉวยโอกาสตอนนี้ที่ ซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้สติจัดการเอาคืนบ้างจะดีไหมหนอ?
คิดไปคิดมาก็ช่างมันเถอะ ถึงยังไงเขาก็เป็นสามีของเรา ถ้าฉวยโอกาสแก้แค้นเขาตอนที่เขากำลังป่วยอยู่ มันจะดูใจแคบจนเกินไป
“นี่!” เสิ่นอีเวยเรียกเซิ่งเจ๋อเฉิงแล้วตบหน้าเรียกให้ชายหนุ่มตื่น แต่เหมือนว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด เขาแค่ฮัมเสียงในลำคอ เขาหายใจลำบากมากขึ้นเหมือนว่าไข้ขึ้นจนไม่ได้สติจริงๆ
“นี่ เซิ่งเจ๋อเฉิง คุณเป็นอย่างไรบ้าง?” เสิ่นอีเว ขยับเข้ามาพูดดังๆใกล้ๆหูของเซิ่งเจ๋อเฉิง
เหมือนคนจะหลับแล้วถูกก่อกวน ชายหนุ่มที่หลับอยู่รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แขนของชายหนุ่มที่เพิ่งถูก เสิ่นอีเวยผลักออกนั้นเริ่มกลับมาพาดเธอใหม่ แขนของเซิ่งเจ๋อเฉิงพาดไปที่คอระหงขอ เสิ่นอีเวยอย่างจังทำให้เธอขยับไปไหนไม่ได้เลย เธอหายใจไม่ออก
“อย่าโวยวายสิ” เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดพึมพำข้างหูของเสิ่นอีเวย เสียงของเขางัวเงียพูดแทบไม่เป็นภาษาฟังไปฟังมากลับรู้สึกน่ารักพิลึก
เสิ่นอีเว รู้สึกตลกอยู่ในใจเพราะเธอไม่เคยคิดเลยว่าคนอย่างเซิ่งเจ๋อเฉิง จะไปเกี่ยวข้องกับคำว่า “น่ารัก”ได้เลย
หลังจากบ่นอยู่สักพักหนึ่ง เซิ่งเจ๋อเฉิงออกแรงเพิ่มอีกนิดหนึ่ง ครั้งนี้ร่างของเสิ่นอีเวยก็ถูกดึงไปที่อ้อมแขนของเขา แต่เพราะอุณหภูมิร่างกายของเซิ่งเจ๋อเฉิงร้อนจนเกินไป เหงื่อออกมามาก แม้แต่ชุดนอนก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
เสิ่นอีเวยขมวดคิ้วอย่างไม่สบายตัว เธอรู้สึกเหมือนแผ่นหลังถูกนาบด้วยเตาไฟ เธอจึงเริ่มดิ้นไปดิ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ยิ่งดิ้นแขนของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ยิ่งกอดแน่นขึ้น จนในที่สุดเสิ่นอีเวยก็กระดิกกระเดี้ยตัวไม่ได้เลย
“อีเวย”
ข้างหูของเสิ่นอีเวยได้ยินเสียงพึมพำของเซิ่งเจ๋อเฉิงราวกับต้องมนต์สะกด ในวินาทีนั้นพอได้ยินเสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิง เสิ่นอีเวยก็นิ่งไปครู่หนึ่ง
อีเวย
เขาเรียกเธออย่างสนิทสนมแบบนี้ได้ด้วยหรือ อีกอย่างคือน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความรักอย่างเหลือล้น
ดูเหมือนว่าเขาจะไข้ขึ้นจนไม่ได้สติจริงๆ แถมยังกอดเธอไว้แน่นมากๆ
ผ่านไปชั่วครู่ เสิ่นอีเวยรู้สึกเศร้าขึ้นมา เพราะเธอนึกถึงเรื่องเมื่อสองปีก่อน ตอนที่เธอกับเซิ่งเจ๋อเฉิง เพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ
ในเวลานั้นอาจเป็นเพราะเขาทั้งสองคน ยังไม่ค่อยชินกับชีวิตหลังการแต่งงานจึงอยู่ในสถานะให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว เสิ่นอีเวยรู้ตั้งแต่ต้นว่าทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตา ทั้งคู่แค่แสร้งทำเพื่อตบตาผู้ใหญ่ของตระกูลเซิ่งและสื่อภายนอก
การแต่งงานของเขาทั้งคู่เต็มไปภาพลวงตา ความหลอกลวงและการแก้แค้น เต็มไปด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นไปในทางลบ
แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับตอนนี้ อย่างน้อยเมื่อสองปีก่อน เสิ่นอีเวยยังได้รับความเคารพและความอ่อนโยนจากเซิ่งเจ๋อเฉิงบ้างถัดจากนั้นอาจเป็นเพราะความอดทนของเซิ่งเจ๋อเฉิ ถูกเวลาบั่นทอนลงไปเรื่อยๆแม้แต่จะแสร้งทำเป็นอ่อนโยนต่อหน้าเธอ เขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะทำต่อไป
ตอนที่แต่งงานกันใหม่ๆ เป็นช่วงเวลาที่เสิ่นอีเวยหวนนึกถึงมากที่สุด
เพราะในช่วงนั้นพ่อแม่ของเซิ่งเจ๋อเฉิงและคุณปู่ของเขายังไม่ได้ย้ายออกจากวิลล่าของตระกูลเซิ่ง เพื่อเป็นการปกปิดพวกผู้ใหญ่ เซิ่งเจ๋อเฉิงจึงต้องแกล้งนอนห้องเดียวกับเสิ่นอีเวย
ทันทีที่พวกผู้ใหญ่ออกไปจากวิลล่าตระกูลเซิ่ง เซิ่งเจ๋อเฉิงก็รีบแยกนอนกับเสิ่นอีเวยอย่างทันที ตั้งแต่วันนั้นทั้งคู่ก็อยู่ในสภาพแบบนี้มาตลอดสองปี
ในเวลานั้นเสิ่นอีเวยยังไม่ได้เข้าไปทำงานที่บริษัท เธอได้แต่รับออกแบบอยู่ที่บ้าน ทำให้มีเวลาค่อนข้างอิสระและเวลาว่างเยอะ ต่างจาก ซิ่งเจ๋อเฉิงตั้งแต่ที่เขาสานงานต่อจากตระกูลเซิ่ง เวลาส่วนตัวของเขาก็ถูกบีบจนแทบไม่มีเวลาหายใจ งานยุ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เวลาที่จะกลับมาบ้านก็น้อยลงเรื่อย ๆเช่นกัน
ดังนั้นเมื่อเขางานไม่ค่อยยุ่งหรือตารางงานไม่แน่นจนเกินไป เวลาเช้าเมื่อเซิ่งเจ๋อเฉิงรู้สึกตัวก็จะยังคงกอดเสิ่นอีเวยไว้ไม่ได้ไปไหน บางครั้งเสิ่นอีเวยอ้างว่าจะลุกไปเตรียมอาหารเช้าให้เขา เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่ยอม เขาจะกอดเธอแน่นๆให้นอนเป็นเพื่อนเขาอีกพักหนึ่ง
ในเวลานั้นหากจะพูดว่าเสิ่นอีเวยไม่ได้รู้สึกถึงความรักที่หวานชื่นก็คงจะโกหก ทั้งๆที่รู้ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิง ไม่ชอบเธอเลยสักนิดหนึ่ง เขาไม่ได้รักเธอ แต่เมื่อได้รับความรักที่อ่อนโยนและความอ่อนหวานจากคนที่เธอรัก ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็คงรู้สึกมีความสุขไม่น้อย
ไม่ว่าจะร้ายดีอย่างไร การแต่งงานที่เต็มไปด้วยความหลอกลวงขนาดไหน เพราะความบังเอิญในบางครั้ง อาจจะมีช่วงเวลาแห่งความสุขก็ได้มั้ง
หรือบางที อาจเป็นเพราะความคาดหวังเรื่องชีวิตของเสิ่นอีเวยที่ต่ำกว่าคนทั่วไป เพียงแค่ชายคนนั้นทำให้เธอรู้สึกถึงความจริงใจจากเขาถึงแม้ไม่มากก็ตาม หรือเพียงแค่ชั่วขณะ ไม่จำเป็นต้องเสมอต้นเสมอปลาย ขอเพียงแค่ทำให้เธอรู้สึกได้ เพียงแค่เท่านั้นเธอก็พอใจแล้ว
อย่างน้อย ก็ยังเคยสัมผัสได้ถึงความรักที่หวานชื่น แม้จะเพียงแค่เล็กน้อย มันก็ทำให้เธอสามารถหวนระลึกถึงได้ แม้ว่าจะตกอยู่ในชีวิตแต่งงานที่น่าเบื่อและสิ้นหวังเพียงใดก็ตาม
ในคืนที่อากาศหนาวเย็นดั่งน้ำค้างกลางหาวเช่นนี้ อยู่ในคืนที่เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่สบายไข้ขึ้นแบบนี้ เสิ่นอีเวย นึกถึงหลายสิ่งหลายอย่างที่ผ่านมาในอดีต เธอได้แต่รู้สึกประหลาดใจและไม่มีทางเลือก ความทรงจำในค่ำคืนนี้เหมือนกับน้ำทะเลหนุน เพียงแค่เริ่มคิดก็หยุดไม่ได้เสียแล้วหรือ?
ความรู้สึกแบบนี้ทำให้ เสิ่นอีเวย รู้สึกหมดแรง เธอพยายามหักห้ามใจควบคุมตัวเองไม่ให้นึกถึงเรื่องในอดีต แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ความทรงจำเกี่ยวกับเซิ่งเจ๋อเฉิง เหมือนคลื่นยักษ์ถาโถมในใจเธอในความมืดมิดตอนนี้ ความคิดเดิมที่หาทางออกไม่เจอกลับยิ่งสับสนหนักขึ้นกว่าเดิม
เมื่อความคิดของเสิ่นอีเวยกลับสู่ความเป็นจริงและหันมามองที่เซิ่งเจ๋อเฉิงนั้น ชายหนุ่มหลับสนิทไปแล้ว ที่แท้คำเรียกชื่อเธออย่างอ่อนโยนเมื่อครู่เป็นเพียงคำพูดที่เขาละเมอออกมาเท่านั้น ไม่แน่ว่าอาจเป็นเพราะเขาไม่ได้สติก็ได้ใครจะไปรู้
เสิ่นอีเวยมองไปที่ใบหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิง เธอยิ้มอย่างขมขื่นใจ
เธอส่ายหัวอย่างแรงพยายามให้ตัวเองตื่นตัวหันหน้าไปมองนาฬิกาเล็ก ๆที่ตั้งไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงตอนนี้ตีสามแล้ว ทำไมตอนอื่นไม่เป็นอะไร มาเป็นอะไรกันตอนนี้?
ช่างเถอะ นอนต่อไปเถอะ ไม่แน่ว่าคืนนี้นอนเหงื่อออกมากๆตื่นมาพรุ่งนี้อาจจะหายแล้วก็ได้ ถึงยังไงร่างกายของผู้ชายคนนี้ก็แข็งแรงดีอยู่ ใช้วิธีรักษาโหดๆแบบนี้อาจจะได้ผลดีก็เป็นได้
พอคิดได้อย่างนี้ เสิ่นอีเวยก็รู้สึกผ่อนคลายลงมากใจก็เย็นลงมาก ดังนั้นเธอจึงพยายามปรับท่าทางการนอนภายใต้อ้อมแขนที่เป็นเสมือนเครื่องพันธนาการของเซิ่งเจ๋อเฉิงและเตรียมจะนอนต่อ
แต่เวลาผ่านไปเพียงสามนาที เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าเธอทนไม่ไหวอีกต่อไป ยิ่งนอนก็ยิ่งรู้สึกร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนที่ตื่นมารอบแรกเธอก็เดินไปปิดแอร์ในห้องนอนแล้วด้วย ทำให้ตอนนี้เธอรู้สึกว่าร้อนจนแทบหายใจไม่ออกอยู่แล้ว
เพราะว่าอุณหภูมิร่างกายของเซิ่งเจ๋อเฉิงร้อนมาก เขาเป็นคนที่ออกกำลังกายเป็นกิจวัตรประจำวัน กล้ามเนื้อบนร่างกายของเขาเป็นมัดๆ ชุดนอนก็เป็นผ้าบาง ๆ ร่างของเสิ่นอีเวยแนบชิดไปกับตัวเขา
เธอรู้สึกว่าในตอนนี้ร่างกายของเซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นเหมือนถ่านที่ถูกเผาจนแดงฉาน