สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 206
บทที่ 206 คุณไม่ใช่บอกว่าจะขอโทษแทนเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ใช่หรือ
เสิ่นอีเวยรู้ว่าในหลายปีที่ผ่านมาถ้าไม่ใช่พ่อของเจิ้งอวิ๋นชวนบังคับไม่ให้เขาห่างจากประเทศอังกฤษแล้วนั้น ก็จะต้องกลับมาแก้แค้นเธอแน่นอน แต่ใครจะรู้ว่าการลงนามความร่วมมือระหว่างสองบริษัทนี้จะได้กลับมาพบกันอีก
ภายใต้ความมืดมิดสนิทและสภาพแวดล้อมที่เงียบงันทำให้เสิ่นอีเวยนั้นรู้สึกยิ่งกลัวมากยิ่งขึ้นไม่รู้ว่าเป็นเพราะห้องมันเล็กเกินไปจนทำให้เธอนั้นหายใจลำบาก
ความมืดและความน่ากลัวเสมือนกับมีมารผจญทำให้เธอรู้สึกเหมือนจะเป็นลม
เธอพยายามที่จะให้อารมณ์กลับมาเป็นปกติแต่ว่าในหัวสมองของเท่านั้นกลับคิดอย่างอื่นไปเรื่อยเปื่อย เมื่อคิดไปถึงเสียงที่เจิ้งอวิ๋นชวนกำลังจะมาทางประตู แต่ไม่ได้ยินเสียงในการล็อกกลอนประตู พอคิดถึงตรงนี้เธอก็ได้ลุกขึ้นมาและไปยังประตูตรงนั้น
แต่เนื่องจากรอบข้างมีความมืดมิดดังนั้นเสิ่นอีเวยเลยไม่รู้ว่าประตูอยู่ทางทิศไหน แต่เธออาศัยความทรงจำของเธอและความรู้สึกเดินไปยังทิศทางที่ตนเองคิดไว้ แต่ยังดีที่ว่าความคิดของเธอนั้นถูกต้อง
เสิ่นอีเวยก็ไม่ได้เขาตอนที่ยังไม่ได้รู้สึกตัวกลับมา เจิ้งอวิ๋นชวนแค่รู้สึกว่าได้บีบริมฝีปากของเธอนั้นกลับกลายหายไปในทันใดและข้างกายเหมือนมีน้ำหอมลอยโชยมา
ร่างกายสัมผัสได้ถึงความเย็นที่แปลกประหลาดใจ เสิ่นอีเวยจึงรู้ทันทีว่าเธอนั้นได้จับอยู่ตรงประตูแล้ว ซึ่งในใจของเธอก็เต็มไปด้วยความดีใจแต่ว่ายังไม่ได้ถึงเวลาที่เธอจะใช้มือเปิดประตูน ไหล่ทั้งสองข้างของเธอก็ได้มีแรงดึงกลับไป
นั่นคือเจิ้งอวิ๋นชวนได้ใช้แรงดึงเธอกลับไป
ทันใดนั้นเสิ่นอีเวยก็มีความตกใจอย่างมากแล้วพูดว่า “ปล่อยฉันไปเถอะ”
เสิ่นอีเวยได้ตอบสนองความรู้สึกอย่างรวดเร็ว และอาศัยโอกาสที่อยู่ใกล้ประตูที่สุดเธอก็เลยยกมือขึ้นเพื่อที่จะไปเปิดประตูแต่ว่าแขนขวานั้นได้อยู่เพียงกลางอากาศเพียงครู่เดียวก็ถูกเจิ้งอวิ๋นชวนดึงกลับมา
เธอรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
เพราะว่ามื้อของเธอนั้นถูกฟาดลงปรับตู้เก็บเหล้าอย่างรุนแรง
ตู้เก็บเหล้าถูกคนชนอย่างรุนแรงเลยทำให้มีเกิดการสั่นสะเทือน และมีเหล้าบางขวดตกลงมาจากชั้นวาง แต่เนื่องจากว่าเป็นห้องที่มีความมืดเลยไม่เห็นว่าเหล้านั้นตกมาอย่างไร สองคนนั้นได้ยินเพียงแต่เสียงเหล้าตกลงมาบนพื้นแค่นั้น
เองในสถานการณ์ที่มีความมืดและความเงียบนั้น การที่แก้วแตกนั้นทำให้มีความรู้สึกถึงความตกใจอย่างที่สุด
“อาาา” เสิ่นอีเวยตกใจด้วยความกลัวและกรีดร้อง
หลังจากนั้น คอของเธอก็ถูกเจิ้งอวิ๋นชวนจับด้วยความรุนแรง
“หุบปากซะ”เสียงจากผู้ชายข้าง ๆ นั้นที่พูดด้วยความโกรธ เสียงของเขาาที่เต็มไปด้วยความโมโหและห้องที่มีความเงียบทำให้เธอนั้นสั้นไปทั่วร่างกายและเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
แต่ในวินาทีต่อมาเจิ้งอวิ๋นชวนก็ได้เปลี่ยนน้ำเสียงของตนเอง
“คุณหญิงเสิ่น ไม่ใช่ว่าคุณจะมาขอโทษแทนเซิ่งเจ๋อเฮฉิงด้วยตัวเองหรอกหรือ ? ทำไมตอนนี้อยากจะหนีไปแล้วล่ะ ? ”
น้ำเสียงของเขาที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ในใจของเสิ่นอีเวยเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและตกใจ จนเธอรู้สึกแม้กระทั่งมีเหงื่อไหลออกมาจากบนหน้าผากของเธออย่างมากมาย
หลังจากที่เจิ้งอวิ๋นชวนได้ปิดไฟลงทำให้สภาพแวดล้อมของห้องเต็มไปด้วยความมืดมิดซึ่งทำให้เสิ่นอีเวยนั้นกลัวอย่างถึงที่สุดและบวกกับที่เขานั้นได้กระทำกับเธออย่างน่ากลัว ในที่สุดเธอก็ยอมรับว่าเธอนั้นได้ถูกร้ายจริงๆ
คอของเสิ่นอีเวยก็ยังถูกเจิ้งอวิ๋นชวนนั้นจับอยู่
ซึ่งผู้ชายคนนี้ไม่ได้คิดที่จะผ่อนแรงลงเลยสักนิด ภายใต้ความมืดเสิ่นอีเวยก็ด่างตาให้กว้างขึ้นเพราะเธออยากเห็นความชัด ๆ ของเจิ้งอวิ๋นชวน แต่ว่าห้องเก็บเหล้าไม่มีแสงเข้ามาเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเลยทำอะไรไม่ได้เลย
เสียงของเจิ้งอวิ๋นชวนก็ได้มากระซิบข้าง ๆ หู “คุณหญิงเสิ่น ตอนนี้คุณรู้สึกถึงความกลัวใช่ไหม ? ”
น้ำเสียงของเจิ้งอวิ๋นชวนที่เต็มไปด้วยการกลั่นแกล้งและการเสียดสี เสิ่นอีเวยนั้นได้ฟังอย่างตั้งใจซึ่งเธอก็ได้ตอบกลับไปว่า “คุณเจิ้งตอนนี้คุณทำให้ฉันเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า ฉันไม่คิดเลยว่าคุณชายแห่งยังบริษัทเจิ้งซื่อจะมาทำเรื่องที่จะใช้วิธีที่สกปรกเช่นนี้กับผู้หญิงคนหนึ่งฉันถามตัวเองแล้วว่าฉันไม่มีความผิดตรงไหนเลย
เสิ่นอีเวยได้พูดออกไปด้วยข้อความที่ขาด ๆ หาย ๆ
เจิ้งอวิ๋นชวนก็ได้ตอบกลับไปว่า “คุณไม่ได้ผิดตรงไหนล่ะ ? ผมจะบอกคุณนะ เมื่อห้าปีก่อนที่คุณทำแบบผมแบบนั้น ตอนนั้นคุณก็น่าจะต้องคิดถึงวันนี้บ้างสินะ ไม่ใช่มีคำโบราณว่าไว้หรอกหรือ ล้างแค้นสิบปีก็ไม่สาย ตอนนี้ถึงตาผมแล้ว คุณก็น่าจะยินดีนะ”
เสิ่นอีเวยได้ยินแล้วก็ได้เพียงแต่หัวเราะเพราะว่าปากของเธอได้แสดงถึงเช่นนั้นเพราะว่าเธอได้เข้าใจในคำพูดของเจิ้งอวิ๋นชวนในอีกความหมายหนึ่ง
เสิ่นอีเวยพูดว่า “ดังนั้น”
“ดังนั้น ความหมายของคุณคือ การลงนามในครั้งนี้พ่อของคุณและบริษัทเซิ่งซื่อไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่ไหม ? เป็นเพราะคุณได้ใส่ไฟไงล่ะ พ่อของคุณเลยได้ทำการลงนามกับบริษัทเซิ่งซื่อ”
พอเสิ่นอีเวยพูดเสร็จทั้งห้องก็เต็มไปด้วยความเงียบเพราะว่าเจิ้งอวิ๋นชวนไม่ได้ทำอะไร ในใจของเสิ่นอีเวยมีความตื่นเต้นเพราะไม่รู้ว่าเจิ้งอวิ๋นชวนทำไมถึงค่อย ๆปล่อยมือออกจากเธอ
ท่ามกลางความเงียบก็ได้มีเพียงเดินไปเดินมา แต่ในใจของเสิ่นอีเวยก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เช่นนั้น
ต่อเมื่อหลังจากที่เจิ้งอวิ๋นชวนไม่ได้พูดอะไร ก็ได้ยินเพียงแต่ “ปั้ง”
หลังจากนั้น ในห้องก็เปิดไฟขึ้นมาเพราะว่าเพดานของห้องนั้นไม่ได้สูงมากมาย ดังนั้นเลยทำให้เสิ่นอีเวยได้หลับตาลงเมื่อเห็นแสงไฟ
หลังจากที่อยู่ภายใต้ความมืดมานานเลยทำให้เธอนั้นยังไม่สามารถปรับสภาพได้
พอลืมตาขึ้น เสิ่นอีเวยก็ได้เห็นเจิ้งอวิ๋นชวนกำลังจะจุดบุหรี่
หลังจากที่เสิ่นอีเวยได้เห็นแสงไฟก็ได้สูดหายใจลึก ๆ เหมือนกับคนกำลังจมนั้นแต่สามารถเกาะท่อนไม้ไว้ได้
หรืออาจจะเป็นเพราะสติที่หลุดไปนานเลย ดังนั้นเลยทำให้เธอไม่รู้สึกว่าเมื่อสักครู่นี่ตัวเองมีความกลัวขนาดไหน พอตอนนี้อารมณ์กลับมาได้เหมือนเดิม ก็ได้เห็นสภาพที่สุดจะย่ำแย่ของเธอ
เธอรู้สึกว่าหัวสมองยิ่งอยู่ยิ่งหนักหน่วง ร่างกายไม่มีแรง เลยทำให้เธอค่อย ๆนั่งลง สุดท้ายก็ได้นั่งลงกับพื้นไป
หลังจากนั้นเจิ้งอวิ๋นชวนก็ได้เปิดปากพูดว่า “จากที่ผมมองแล้ว คุณก็ไม่ได้คนที่โง่ขนาดนั้น ไม่ผิดหรอกคุณหญิงเสิ่น ผมอยากจะคิดบัญชีแค้นกับคุณในปีนั้น ไม่ใช่วันสองวันจะชำระเสร็จ ปีนั้นไม่ใช่เพราะว่าคุณ ผมก็คงไม่โดนไอ่แก่นั่นกักบริเวณหรอก”
พอพูดเสร็จ เจิ้งอวิ๋นชวนก็ได้มือบุหรี่มาหาเสิ่นอีเวย แล้วค่อย ๆ นั่งลง