สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 208
บทที่ 208 ระดับแอลกอฮอล์ของคุณหญิงเสิ่นเป็นอย่างไร
พอคำพูดของเจิ้งอวิ๋นชวนหมดลง เสิ่นอีเวยก็ได้เงยหน้าด้วยความตกใจ คำพูดของเขามันหมายความว่าอะไร ? เธอไม่เข้าใจ
“คุณเจิ้งพูดเช่นนี้ ชั้นไม่เข้าใจเลย วันนี้คุณทำชั้นลำบากใจ วุ่นวาย ถึงสามครั้ง และรู้ว่าชั้นมีโรคกลัวที่ในมืด เลยพาชั้นมาอยู่ที่ห้องเล็ก ๆ แบบนี้ และยังปิดไฟอีก หรือว่าคุณชอบที่จะมีความสุขบนความทุกข์คนอื่น ? ”
เจิ้งอวิ๋นชวนหัวเราะราวกับปีศาจและตอบไปว่า “ไม่ คุณหณิงเสิ่นครับ ผมรู้สึกว่าผมจะต้องทำอะไรสักอย่าง ผมไม่ใช่คนที่ชอบมีความสุขบทความทุกข์ของคนอื่น แต่ชอบนำความสุขมาสร้างบนความทุกข์ของคุณไงล่ะ”
การที่กระทำด้วยความรู้สึกที่เลวร้ายเช่นนี้ เสิ่นอีเวยจึงรู้สึกตกใจว่าเจิ้งอวิ๋นชวนจะไม่อายที่จะพูดคำพูดเหล่านี้
“มีประโยคพูดว่าอะไรนี่แหละ” เจิ้งอวิ๋นชวนพูดต่อไปว่า “ออกมาทำงาน สุดท้ายก็ต้องคืนไป”
ก็ในทันใดนั้นเอง เสิ่นอีเวยเลยรู้สึกว่าผู้ชายคนี้บ้าไปแล้วหรือ ? เธอโตมาถึงตอนนี้ไม่คิดว่าจะเจอคนที่คิดเล็กคิดน้อยแบบนี้
ดู ๆแล้วความหวังของเธอวันนี้คงจะไม่มีหวังแล้วกระมั้ง เสิ่นอีเวยไม่อยากจะให้เวลาเสียไปมากกว่านี้ เธอเลยลุกขึ้นเก็บกระเป๋าแล้วรีบออกไปจากห้องนี้
เพราะว่าในใจรู้ว่าเจิ้งอวิ๋นชวนเป็นคนที่ต่ำช้าขนาดไหน ดังนั้นเธอเลยคิดว่าหลังจากที่เธอจะหันหลังกลับไปเขาจะปิดไฟอีกครั้ง
แต่ว่าเจิ้งอวิ๋นชวนกลับไม่ได้ทำเลย เสิ่นอีเวยเดินไปถึงประตู เสียงที่ตามมาจากด้านหลังของเจิ้งอวิ๋นชวนคือ
“คุณหญิงเสิ่นคิดว่าแค่นี้ก็จะไปแล้วหรือ ? ”
ระยะห่างของสองคนไม่ได้ไกลมาก เสิ่นอีเวยก็ได้ยินอย่างชัดเจน แต่ว่าเธอก็ไม่ได้ที่จะสนใจอะไรเขา เธอก็เลยไม่ได้สนใจ เอะใจอะไรการที่จะเดินไปตามที่ตัวเองจะไป
“หากเพราะว่าการกระทำของคุณนั้นไม่ดี คุณหญิงเสิ่นคงจะรู้นะว่าบริษัทเซิ่งซื่อจะเสียหายเท่าไหร่ ? ”
เสียงของเจิ้งอวิ๋นชวนที่ตามมาด้านหลัง เหมือนกับมีความหมายที่ขู่เข็ญซ่อนอยู่ในนั้น ทำให้เสิ่นอีเวยต้องหยุดการก้าวเดิน
ใช่แล้ว ไม่สามารถที่จะปฏิเสธ การต่อสู้ระหว่างเสิ่นอีเวยกับเจิ้งอวิ๋นชวน เธอไม่ได้คิดถึงเรื่องของเซิ่งเจ๋อเฉิงกับความเสียหายของบริษัทเซิ่งซื่อ
ในทุกกระบวนการ เสิ่นอีเวยก็คิดเพียงแต่เรื่องที่เจิ้งอวิ๋นชวนแกล้งทำร้ายเธอ เธอไม่อยากให้ตัวเองนั้นเสียเปรียบ ดังนั้นก็เลยอยากจะรีบหนี่ออกจากที่นี่ไป แต่ว่าผู้ชายคนนี้ได้พูดถึงเซิ่งเจ๋อเฉิง หากว่าวันนี้ตัวเธอเองไม่ได้ทำในสิ่งที่เจิ้งอวิ๋นชวนต้องการ บริษัทเซิ่งซื่อจะเสียหายเท่าไหร่ ?
ก็จริงอยู่ ในวงการธุรกิจของบริษัทเจิ้งซื่ออยู่ในตำแหน่งที่สูง ถึงแม้อำนาจบริษัทเจิ้งซื่อจะอยู่ในมือของเจิ้งอวิ๋นชวน แต่ว่าหากพูดไปตามความจริงแล้ว อำนาจที่แท้จริงก็ยังอยู่ในมือของเจิ้งโป๋หง
การทำงานทุกอย่างของเจิ้งโป๋หง ทั้งหมดก็เป็นการทำงานแทนเจิ้งอวิ๋นชวนไปทุกอย่าง ความหมายคือหากวันนี้สิ่งที่เจิ้งอวิ๋นชวนทำมันเกิดความเสียหายให้กับบริษัทเซิ่งซื่อ คนที่ออกหน้าก็คือเจิ้งโป๋หงนั่นเอง แต่กลับไม่ใช่เจิ้งอวิ๋นชวน
นั่นเรียกว่าเป็นจุดอำนาจของเจิ้งโป๋หง เสิ่นอีเวยเคยได้รายงานการพบเห็นของคนนี้ ในใจของเธอนั่นชัดเจนอย่างยิ่ง เจิ้งโป๋หงนั้นได้พึ่งพาความสามารถของตนจนได้ก่อเกิดเป็นบริษัทที่ใหญ่เช่นนี้ ท้ายสุดก็ยังสามารถแบ่งสาขาไปยังต่างประเทศได้ ทั้งหมดนี้ลึกล้ำจนไม่สามารถเดาได้
หากมองด้านเดียวก็คือคนที่สง่างามคนหนึ่ง หากอยากจะทำเรื่องราวเรื่องหนึ่งหรืออะไรก็ตาม ก็มีความร้ายกาจมากกว่าคนอื่นทั่ว ๆ ไป
เสิ่นอีเวยได้คิดอย่างละเอียดแล้ว ในที่สุดก็ได้บังคับความโกรธของตนเอง แล้วหันหลังอย่างสง่างามแล้วพูดอย่างเรียบง่าย เงียบ ๆ ว่า “แล้วคุณเจิ้งมีเรื่องอะไรจะพูดไหม ? ”
ชัดเจนว่าความคิดของเสิ่นอีเวยนั้นอยู่ในการคาดการณ์ของเจิ้งอวิ๋นชวน สูบบุหรี่เสร็จ แล้วก็ได้พ่นออกมา แล้วได้เดินไปหาเสิ่นอีเวย เสิ่นอีเวยก็ได้ถอยหลังไปหนึ่งก้าวอัตโนมัติ
หลังจากที่ตนเองนั้นตั้งใจที่ยิ้มและมองไปยังเสิ่นอีเวย เสิ่นอีเวยก็คิดออกว่าวันนี้ผู้ชายคนนี้จะต้องเห็นสิ่งที่น่าสมเพชที่สุดในชีวิตเธอ ในใจเธอก็ตัดสินใจว่า หากเจิ้งอวิ๋นชวนได้ขอร้องเรื่องที่ไร้มนุษยธรรม เธอก็จะไม่ทำเด็ดขาด
เจิ้งอวิ๋นชวนได้เดินเข้ามา ด้วยว่าเขาเป็นคนที่สูง ดังนั้นเสิ่นอีเวยก็ได้เงยหน้ามองเขา
ในตอนนี้เจิ้งอวิ๋นชวนก็ได้ก้มมองเสิ่นอีเวย แล้วก็ขยับเข้าใกล้มากขึ้น แล้วพูดว่า “คุณหญิงเสิ่น เชิญมากับผม”
พอพูดเสร็จก็เดินไปที่บันไดโดยไม่ได้รอการตอบสนองจากเสิ่นอีเวย
เสิ่นอีเวยโมโหจนอยากจะด่าออกไป
ในใจของเธอก็เต็มไปด้วยความอาลัย แต่ก็ไม่มีวิธีอื่นใด ก็เลยต้องเดินตามไป
พอเดินไปเรื่อย ๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงคิดถึงเรื่องเซิ่งเจ๋อเฉิงขึ้นมา เธอเพียงอยากจะให้สองบริษัทนี้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างจริงใจ เธอไม่อยากให้เรื่องนี้มาขัดขวางเซิ่งเจ๋อเฉิง ดังนั้นเธอก็เลยไม่อยากจะทำให้เรื่องให้มันใหญ่โต ดังนั้นในใจก็เต็มไปด้วยความระวัง
เพียงแต่ช่วยเหลือเซิ่งเจ๋อเฉิงได้ ไม่ว่าจะเจอะไร เธอก็จะทำ
เธอจะไม่ได้ไม่ต้องติดค้างอะไรเขา
ตอนที่เสิ่นอีเวยได้ไปห้องรับรอง เธอกับเจิ้งอวิ๋นชวนได้ยืนต่อหน้าต่อกัน คนในห้องนั้นได้ถูกขับออกไปหมด แสงไฟก็ไม่ได้มีอะไรมากมายแล้ว เสิ่นอีเวยเลยรู้สึกสภาพแวดล้อมข้าง ๆ ว่ามันดีขึ้น ในใจก็เลยดีขึ้นมากมาย
ห้องรับรองนั้นก็ยังเป็นห้องรับรองเดิม เพียงแต่ว่าห้องนั้นไม่เหมือนกับตอนแรก โซฟาก็เต็มไปด้วยผู้คน เหมือนกับตอนเริ่มแรก เสิ่นอีเวยมองออกว่าใบหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความน่าเกลียดน่ากลัว
การแสดงออกของเสิ่นอีเวยก็มีความสุขุมนิ่งเงียบ และได้มองแต่เจิ้งอวิ๋นชวน ในนั้นมีโต๊ะเหล้าขนาดใหญ่ และยังมีเหล้าต่าง ๆ มากมายวางอยู่บนโต๊ะเหล้า
ในตอนนี้เจิ้งอวิ๋นชวนได้ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่รู้ว่าระดับแอลกอฮอล์ของคุณหญิงเสิ่นเป็นอย่างไร ?”
เสิ่นอีเวยตกใจไปครู่หนึ่งเพราะไม่รู้ว่าเจิ้งอวิ๋นชวนถามไปทำไม หรือว่าจะดื่มเหล้ากับตัวเอง ?
ในเวลานี้ สถานการณ์เซิ่งเจ๋อเฉิงตรงนั้น เขาได้ออกมาจากโรงพยาบาลและสถานที่ทำการรำลึกงานศพของเซิ่งสวินแล้ว พอมองออกไปก็เห็นแต่สีขาวและสีดำ
มีเพียงแต่คนที่ทำงานในวงการธุรกิจมานาน ไม่มีใครไม่รู้ว่าเซิ่งสวินผู้นี้เป็นคนที่สร้างบริษัทเซิ่งซื่อด้วยสองมือของตน ดังนั้นเขาเป็นคนที่มีคุณธรรมสูงส่งในสายตาของทุกคน ดังนั้นการไปงานศพในครั้งนี้มีผู้คนที่มีชื่อเสียงมากมายมาเข้าร่วมงาน
ถึงแม้เซิ่งสวินจะไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว แต่ว่าหากพูดถึงฐานะทางธุรกิจของบริษัทเซิ่งซื่อแล้ว ไม่มีใครไม่กล้าที่จะไม่ไว้หน้าสักคน
ดังนั้นพิธีศพนั้นมีคนมากมาย เรื่องก็วุ่นวายเช่นกัน และบวกกับที่เซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นไม่สบายไข้ขึ้นอยู่ที่โรงพยาบาล บางเรื่องก็ถูกหยุดไว้ แต่ยังที่ดีการทำงานของหลินอวี้นั้นมีความสุดยอด เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้อยู่งานศพสองวัน หวินอวี้ก็สามารถที่จะทำให้เรื่องราวต่าง ๆ เป็นไปได้อย่างเรียบร้อย