สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 210
บทที่ 210 ดื่มเหล้าถ้วยนี้ให้หมด
พอฟังเจิ้งอวิ๋นชวนอย่างชัดเจนแล้ว เสิ่นอีเวยใจของเธอก็เต้นอย่างรุนแรงใช่แล้วเธออยู่กับเจิ้งอวิ๋นชวนจริง ๆ แต่ว่าเธอจะพูดกับเซิ่งเจ๋อเฉิงจริง ๆหรือ ? ในขณะที่กำลังลังเล ในสายโทรศัพท์ก็ได้มีเสียงดังประมาณระดับแปดพูดมาว่า “เสิ่นอีเวย คุณเป็นใบ้หรือ ? ” อารมณ์ก็ไม่ดีเหมือนที่เคยๆ เป็นกันมา ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด เสิ่นอีเวยในใจเต็มไปด้วยความอัดอั้นแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว ” เสิ่นอีเวยกัดฟันแล้วพูด ในที่สุดก็ได้พูดออกมา “อีกสิบนาทีจะถึงที่นั่น ก่อนที่ผมจะถึงรักษาตัวเองให้ดี อย่าให้คนอื่นดึงจมูกไปไหนล่ะ” น้ำเสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงแม้จะไม่น่ากลัว แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เสิ่นอีเวยกลับรู้สึกถึงว่าจำเป็นจะต้องรับการยินยอม
ตอนที่เธอตกใจอยู่นั้น ก็มีคนเอาโทรศัพท์เธอไป เสิ่นอีเวยหันกลับมามองนั่นคือเจิ้งอวิ๋นชวน โทรศัพท์ของตัวเองไม่รู้ว่าถูกเอาไปได้อย่างไร ทันใดนั้นเสิ่นอีเวยพูดด้วยการเตือนว่า “เอาคืนชั้นมา” เจิ้งอวิ๋นชวนไม่ได้สนใจอะไรเลย และในสายโทรศัพท์ตอนที่เซิ่งเจ๋อเฉิงกำลังจะวางสายและเปิดประตูนั้น ก็ได้ยินเสียงร้องของเสิ่นอีเวยอย่างชัดเจน เซิ่งเจ๋อเฉิงกำลังจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น กลับได้ยินเสียงของผู้ชายในสายโทรศัพท์ เป็นคนที่เหมือนจะคุ้นเคยกัน “ประธานเซิ่ง สบายดีไหม” เจิ้งอวิ๋นชวนได้พูดในโทรศัพท์
เสิ่นอีเวยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ตกใจอย่างมากที่สุด เธอไม่คิดว่าเจิ้งอวิ๋นชวนจะใช้โทรศัพท์ตัวเองในการพูดคุยกับเซิ่งเจ๋อเฉิงเจิ้งอวิ๋นชวนพูดต่อไปว่า “หากประธานเซิ่งไม่ยุ่งแล้วล่ะก็ ก็ขอเชิญมาที่นี่ดื่มสักสองแก้ว” เซิ่งเจ๋อเฉิงนำโทรศัพท์วางลงอย่างเบา ๆ แล้วพูดอย่างเยือกเย็นว่า “ประธานเจิ้ง อีกสิบนาทีผมถึงที่นั่น ผมหวังว่าจะเห็นเสิ่นอีเวยไม่ถูกทำร้ายแม้แต่น้อย” พอพูดเสร็จก็ไม่ได้รอคำตอบก็ตัดสายไป และได้ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว รถสีดำเบนท์เล่ขับไปยังที่เสิ่นอีเวยอยู่ และโทรศัพท์ของเสิ่นอีเวยก็ถูกเจิ้งอวิ๋นชวนเอาไป
เธอได้มองโทรศัพท์ที่เจิ้งอวิ๋นชวนถืออยู่ด้วยความโมโห และเจิ้งอวิ๋นชวนก็ได้วางโทรศัพท์เบา ๆและได้แลบลิ้นตวัดไปรอบ ๆ ริมฝีปาก ซึ่งเสิ่นอีเวยเห็นแล้วถึงกับจะอ้วกออกมา เจิ้งอวิ๋นชวนได้นำโทรศัพท์วางไว้ข้าง ๆ คนของเขา แล้วได้ใช้นิ้วชี้ของเขาเคาะโต๊ะเบา ๆ “มานี่หน่อย เอาโทรศัทพ์ให้คุณหญิงเสิ่น” เสิ่นอีเวยได้เอาไปโทรศัพท์ตัวเองแล้วพูดว่า “เดี๋ยวเซิ่งเจ๋อเฉิงก็จะมาที่นี่แล้ว”
เจิ้งอวิ๋นชวนได้สะบัดมือแล้วใบหน้าที่ไม่สนใจแล้วพูดว่า “แล้วจะอย่างไรรึ?” เสิ่นอีเวยบอกกลับไปด้วยข้อความที่ว่า “หากว่า ชั้นบอกว่าหากว่าจะใช้วิธีนี้มาบีบบังคังเซิ่งเจ๋อเฉิง ก็คงไม่เกิดอะไรขึ้น” เจิ้งอวิ๋นชวนหัวเราะแล้วพูดว่า “ใครบอกว่าผมจะเอาคุณมาบีบบังคับเขาล่ะ ? ” เสิ่นอีเวยก็มองหน้าต่อสู้แล้วพูดว่า “หรือว่าวันนี้ที่ให้ชั้นมาที่นี่เพราะว่าอยากจะใช้อาการโรคที่ชั้นเป็น มากลั่นแกล้งชั้นหรอกหรือ ? ” เจิ้งอวิ๋นชวนได้โบกมือไม่เห็นด้วยว่า “แน่นอนว่าไม่ใช่ เอาแบบนี้แล้วกัน พวกเรามาเล่นกันครั้งสุดท้าย หากคุณชนะ ความแค้นระหว่างผมกับคุณก็จบกัน”
เสิ่นอีเวยก็ไม่ได้ถามเจิ้งอวิ๋นชวนว่าเล่นอะไร เธอไม่ได้เป็นห่วงอะไร เธอเป็นห่วงแค่ปัญหาเดียว
“แล้วการลงนามร่วมมือกันระหว่างคุณกับบริษัทม่อซื่อจะว่าอย่างไร ? ” เสิ่นอีเวยถามด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์ เจิ้งอวิ๋นชวนหัวแล้วเราบอกว่า “หากคุณชนะแล้ว ผมก็จะไม่กลั่นแกล้งทำให้เซิ่งเจ๋อเฉิงลำบากใจ ถึงเวลาพูดคุยเรื่องธุรกิจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็จะใช้มุมมองของความยุติธรรมในการออกความคิดเห็น” เสิ่นอีเวยกำลังจะพูดกับเจิ้งอวิ๋นชวนต่อ แต่ว่าท่าทีของผู้ชายที่อยู่ต่อหน้าเธอก็เปลี่ยนไปไวเหลือเกิน เธอเหมือนรู้สึกว่าวันนี้คนที่ทำให้ลำบากใจไม่ใช่แล้ว แต่ฟังจากท่าทีที่จริงจังของเจิ้งอวิ๋นชวนแล้ว หรือว่าอาจจะเป็นโอกาสครั้งสุดท้าย “ได้สิ คุณพูดมาเลย”
เสิ่นอีเวยได้เอากระเป๋าวางไว้บนโต๊ะแล้วท่าทีที่ฟังอย่างตั้งใจ เจิ้งอวิ๋นชวนก็ได้ถอยออกมาหนึ่งซึ่งด้านขวาของเขาเต็มไปด้วยเหล้าชนิดต่าง ๆ
เจิ้งอวิ๋นชวนได้ยกแขนขึ้นมา แล้วชี้ไปยังโต๊ะที่มีคนล้อมรอบอยู่นั้นแล้วพูดว่า “คุณหญิงเสิ่น หากคุณดื่มเหล้าหมดหนึ่งขวด ผมก็จะทำตามคำที่ผมพูดออกไปเมื่อสักครู่นี้” เสิ่นอีเวยก็ชะงักอยู่ตรงนั้น คนที่ห้องก็เป็นเช่นเดียวกับเธอ พวกนั้นเป็นเหล้าที่ยังไม่ได้เปิดออก เจิ้งอวิ๋นชวนจะให้เธอนั้นดื่มหมด ?
เสิ่นอีเวยเดิมทีคิดว่าคนอย่างเจิ้งอวิ๋นชวนคงไม่ใช่วิธีเหล่านี้มาใช้กับผู้หญิง แต่วันนี้กลับพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่เป็นความจริงเลย
ถึงแม้ว่าเสิ่นอีเวยไม่ดื่มบ่อย แต่ต่อกับเรื่องของเหล้าแล้วแม้จะไม่มีความรู้เท้ากับผู้เชี่ยวชาญ แต่พูดถึงเหล้าตะวันตกเธอก็พอรู้อยู่บ้าง ในเรื่องของการดื่ม ระดับการดื่มของเธอนั้นมากน้อยเท่าไหร่ เสิ่นอีเวยก็รู้ด้วยตัวเองดีมากกว่าคนอื่น หากเป็นเมื่อก่อนเจอเรื่องแบบนี้ เธอคงดื่มไปหมดแล้ว หรือเพื่อเป็นการปกป้องผลประโยชน์หรือคนอื่นเธอจะดื่มอย่างไม่ลังเล
แต่สถานการณ์ตอนนี้กลับไม่เหมือนกัน ตอนนี้ร่างกายของเธอแย่ถึงระดับไหนก็ยังไม่สามารถที่จะรับรู้ได้ แต่ว่าสิ่งที่เธอรู้แน่ชัดคือว่า ตัวเองไม่สามารถดื่มเหล้าได้อีกแล้วเพราะว่าเป็นสิ่งที่หมอห้าม และเป็นสิ่งของต้องห้าม
แต่ว่า……….เซิ่งเจ๋อเฉิง เสิ่นอีเวยยิ่งอยู่ยิ่งไม่อยากติดค้างอะไรแล้ว โดยเฉพาะคุณตาที่เพิ่งจะลาโลกไป เธอยิ่งไม่อยากให้เรื่องของเธอไปทำให้เป็นปัญหากับเซิ่งเจ๋อเฉิง พอคิดถึงตรงนี้ ในใจก็เต็มไปด้วยความขมขื่น แท้จริงแล้วมันเกิดขึ้นตอนไหน ? เธออยากให้เธอกับเซิ่งเจ๋อเฉิงแบ่งเขตความรู้สึกให้ชัดเจน เสิ่นอีเวยรู้ตัวเองดี ยิ่งตัวเองเป็นแบบนี้ ก็หมายถึงความสัมพันธ์ของเธอกับเซิ่งเจ๋อเฉิงยิ่งห่างไกลกันเพราะว่ามีเพียงแต่ความสัมพัน์ที่ไม่ใช่คนใกล้ตัวก็จะนึกถึงว่าหากไม่ได้ติดหนี้บุญคุณแล้วก็จะไม่อะไรกันอีกเลย พอพูดถึงต้นเรื่องแล้วก็เป็นเพราะในใจไม่มีความปลอดภัย พอรู้ว่าตัวเองนั้นทำผิดอะไรไปแล้วแต่สิ่งที่ได้กลับมาไม่ใช่ความเชื่อมั่นหรือการให้อภัยจากฝ่ายตรงข้าม แต่เป็นการประณามและความเกลียด
ในวินาทีต่อมา เสิ่นอีเวยเงยหน้าขึ้นไปมองยังเจิ้งอวิ๋นชวน ดูออกว่าเจิ้งอวิ๋นชวนได้อดทนรอคำตอบของเธอ เสิ่นอีเวยกัดฟันแล้วยืนหยัดพูดไปว่า “ดี ชั้นตกลงเงื่อนไขนี้ หวังว่าคุณเจิ้งจะทำตามข้อตกลงที่คุณพูดไว้กับชั้น” เสิ่นอีเวยไม่รู้ว่าเป็นเพราะแสงไฟระยิบระยับจากในห้องทำให้เธอเห็นผิดไป เธอเห็นเจิ้งอวิ๋นชวนที่ใบหน้าเขามีความตกใจเล็กน้อยอยู่ในนั้น
เธอไม่ได้ไปคิดอะไรมากมาย ก็ได้นำเหล้าดื่มเข้าไป ทันใดนั้นคอก็ถูกความเผ็ดของเหล้าแทรกแซงเข้าไปด้วยรสชาติที่เผ็ดอย่างมาก