สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 217
บทที่ 217 คนที่จะยกเลิกการลงนามความร่วมมือนั่นคือผม
ให้คนนั้นรู้สึกยินยอมรับความจริง
ใบหน้าของเจิ้งอวิ๋นชวนที่มีสีแดงก่ำเหมือนกับได้อมลูกดินปืนเข้าไป เหมือนกำลังจะระเบิดได้ตลอดเวลาแต่ก็ไม่สามารถจะระเบิดได้เพราะว่ากำลังควบคุมอารมณ์ตนเองอยู่ เสิ่นอีเวยก็รู้สึกเหนื่อยทั้งท้อแทนเจิ้งอวิ๋นชวนเช่นกัน
พอเจิ้งอวิ๋นชวนได้เปิดวิดีโอดูแล้วปฏิกิริยาแรกก็คือมีความตกใจ เสิ่นอีเวยก็เลยรู้ว่าคำพูดของเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นเป็นเรื่องจริง ไม่งั้นคนอย่างเจิ้งอวิ๋นชวน นั้นหรือจะตกใจได้ขนาดนี้
ผ่านไประยะเวลาหนึ่ง เขาก็เลยเปิดปากพูดมาว่า “สิ่งนี้ คุณได้มาจากไหน ?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงรู้ว่าสิ่งที่เจิ้งอวิ๋นชวนกำลังถามนั้นคืออะไร แล้วตอบไปอย่างไม่ปิดบังว่า “แน่นอนว่าคนที่ผมส่งไปส่งมาให้ผมน่ะสิ”
ตอนแรกอยากจะเอาเรื่องที่เสิ่นอีเวยมาขอโทษ เพื่อเป็นการขู่เข็ญเซิ่งเจ๋อเฉิง ตอนนี้เรื่องราวก็เปลี่ยนแปลงกันไปใหญ่แล้ว เซิ่งเจ๋อเฉิงได้นำหลักฐานวิดีโอออกมาอย่างชัดเจนแล้ว หากปฏิเสธไปก็เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ผมก็แปลกใจเหลือเกิน ประธานเซิ่งทำไมจะต้องส่งคนมาสะกดรอยตามผมด้วย ?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงมีสายตาที่มีรอยยิ้ม แล้วพูดไปว่า “พอพูดถึงปัญหาข้อนี้ คุณชายเจิ้งก็อย่ามาโทษผมเลย ตอนที่ยังไม่ได้พบกับคุณชายเจิ้ง ผมก็เห็นเรื่องราวของคุณมาในข่าวหลายเนื้อหาแล้ว ชอบไปร้านเหล้าตอนกลางคืน และคนอย่างคุณนั้นคนที่พบปะส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นคนที่มีฐานะ ก็น่าจะมีเรื่องอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ”
ในห้องมีความเงียบงัน ทั้งสองคนกำลังฟังเซิ่งเจ๋อเฉิงอย่างตั้งใจ
“แต่ว่า” เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดต่อไป “ตอนที่ผมส่งคนติดตามคุณชายเจิ้งไปก็ไม่ได้น่าสนใจอะไร ในตอนที่เราสองคนพบกันครั้งแรกนั้น คุณก็ได้แสดงถึงท่าทีที่ชัดเจนให้ผมแล้ว เพราะการลงนามความร่วมมือของสองบริษัท คนลงนามคือคุณกับผม ไม่ใช่คุณท่านเจิ้งโป๋หง พ่อของคุณ เมื่อก่อนผมก็เคยได้พบเจออยู่ครั้งสองครั้ง ผมก็สามารถรู้ถึงเรื่องราวไม่มากน้อยสำหรับข้อมูลในการพูดคุยการลงนามความร่วมมือกับพ่อของคุณ แต่ว่าสำหรับคุณแล้ว…….”
เจิ้งอวิ๋นชวนมองไปยังเซิ่งเจ๋อเฉิงด้วยสายตาที่น่ากลัว
“ผมไม่ได้เข้าใจคุณชายเจิ้งไปทั้งหมดหรอก ดังนั้นการพูดคุยเรื่องลงนามระหว่างคุณกับผมนั้น ผมก็ต้องมีการเตรียมตัว อย่างน้อยก็ต้องสำรวจตัวคุณให้ชัดเจนก่อนในด้านความชอบต่าง ๆ ดังนั้นผมก็เลยส่งคนไปดูว่าความชอบของคุณนั้นคืออะไร ดังนั้นเมื่อเวลาเราพูดคุยกัน อย่างน้อยก็จะได้มีพื้นฐานสำหรับความสัมพันธ์ แต่สุดท้ายแล้ว รู้เขารู้เรา รบร้อยชนะร้อย จริงใช่คุณชายเจิ้ง ?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดมาอย่างยาวเหยียด เสิ่นอีเวยลืมตากว้างด้วยความตกใจ เพราะเธอไม่ได้เห็นเซิ่งเจ๋อเฉิงที่มีท่าทีที่น่ากลัวด้วยอารมณ์โมโหที่จะเอาเป็นเอาตายขนาดนี้
และยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ที่มีความตึงเครียด และต่อหน้าเขาก็คือผู้ค้าของเขา อย่างน้อยก็ยังเป็นความสัมพันธ์ของการลงนามความร่วมมือ
เสิ่นอีเวยได้มองไปยังเจิ้งอวิ๋นชวน ชัดเจนว่าคิดไม่ถึงว่าประธานของบริษัทเซิ่งซื่อมีความสามารถที่ทำร้ายคนคนหนึ่งได้ขนาดนี้
“ดังนั้น” เจิ้งอวิ๋นชวนได้พูดออกมาด้วยความตระหนกใจ และพูดอย่างเรียบง่ายว่า “ประธานเซิ่งได้ส่งคนไปดูว่าผมชอบทำกิจกรรมอะไร แต่บังเอิญไปพบผมในสภาพที่ผมกำลังเสพยาหรือ ? ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า “อืม ไม่ปิดบังละกัน ผมก็ไม่คาดคิดว่า จะเจอผลสัมฤทธ์ที่เกินคาดขนาดนี้”
เสิ่นอีเวยก็ไม่อาจจะหุบยิ้มออกมาได้ ผลสัมฤทธิ์ที่เกิดคาด ? อืม ก็ยังนับว่าใช่อยู่ อย่างน้อยเซิ่งเจ๋อเฉิงที่เป็นผู้ถูกกระทำ กลายเป็นผู้กระทำแล้ว
เสิ่นอีเวยคิดว่าวันนี้เรื่องระหว่างเธอกับเจิ้งอวิ๋นชวนน่าจะแก้ปัญหาไม่ได้แล้ว แต่ไม่คิดว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะมาเองจริง ๆ
แม้ว่าวันนี้ที่มาเพื่อไม่ใช่ตัวเอง แต่เป็นเพื่อการต่อสู้ครั้งสุดท้ายเพื่อบริษัท ในใจของเธอก็เต็มไปด้วยความดีใจ อย่างน้อยก็สามารถพาตัวเองออกจากสถานที่ทุกข์ระทมได้
และได้คิดไปถึงที่เจิ้งอวิ๋นชวนกักขังเธอไว้ในห้องเก็บบาร์ ซึ่งเหมือนกับการเจอมารผจญอย่างไรอย่างนั้น
เนื่องจากการปรากฏของเซิ่งเจ๋อเฉิง ทำให้แขนขาเธอนั้นเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ตอนนี้เจิ้งอวิ๋นชวนเหมือนกับอยู่ในสภาพที่สุดจะย่ำแย่ที่สุด เสิ่นอีเวยก็เลยยึกได้ออกมาสามคำคือ หมาตกน้ำ
เสิ่นอีเวยรู้สึกตกใจที่ตัวเองนั้นออกมาจากที่นั่งระกำลำบาก แต่ว่าก็ไม่ได้พบเหตุผลที่จะให้ตัวเธอเองนั้นสามารถหลุดออกจากความกักขังได้
ถ้าพูดความจริงแล้วก็อย่าไปพูดถึงเจิ้งอวิ๋นชวนเลย แม้ขนาดตัวเสิ่นอีเวยเองนั้นก็ยังรู้สึกแปลกใจว่าบนโลกนี้ยังมีคนที่จะทำเรื่องราวแบบนี้อีกหรือตอนแรกก็เพียงเพื่อที่จะดูว่าเจิ้งอวิ๋นชวนนั้นชอบทำกิจกรรมสิ่งใด แต่ว่ามาพบทีหลังว่าเห็นคนเป็นกลุ่มอย่างมากมายรวมตัวกันเสพยา
เพราะเรื่องมาถึงตอนนี้ทำให้ทุกคนนั้นรู้สึกว่าเรื่องราวมันยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่โดยเฉพาะเจิ้งอวิ๋นชวน
การยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติดนั้นหากพูดถึงกฎหมายแล้วมีความร้ายแรงอย่างมาก
เธอรู้สึกมีความสงสัยว่าเมื่อดูจากภายนอกแล้วเขาก็ยังไม่เหมือนคนที่เสพยาเป็นระยะเวลาที่นาน เพราะว่าสภาพจิตใจของเขาและสติของเขาก็ยังเป็นปกติอยู่เหมือนเดิม
การเล่นใหญ่ครั้งนี้ก็ถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงจัดการอย่างอยู่หมัด เสิ่นอีเวยจึงรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้มีวิธีการที่หลากหลายมากมายเหลือเกิน
ในเมื่อเรื่องราวชัดเจนขนาดนี้ เจิ้งอวิ๋นชวนก็เลยได้พูดด้วยท่าทีที่รู้สึกกลัว สับสน แต่สีหน้ามีความสุขุมอยู่ว่า “เช่นนั้น ในเมื่อประธานเซิ่งรู้ว่าเป็นเช่นนี้ ท่านจะมีวิธีการอะไร ?”
เสิ่นอีเวยได้สังเกตถึงคำว่า “ท่าน” ดู ๆแล้วคนนี้ก็ไม่ได้มีน้ำยาอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว หากตอนที่สามารถอ่านสถานการณ์ออกแล้ว ก็สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้
เซิ่งเจ๋อเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า “แจ้งตำรวจ”
เสิ่นอีเวยตกใจอย่างที่สุด ขณะเดียวกันก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเหมือนกับเจิ้งอวิ๋นชวน
ตอนแรกคิดว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะใช้วิธีการนี้ในการบีบบังคับในการเปลี่ยนการลงนามความร่วมมือของบริษัท
แต่ว่าเสิ่นอีเวยกลับรู้สึกเหมือนกับความคิดของตนเองนั้นหายไป เพราะว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงที่พูดไปเมื่อสักครู่ทำให้เป็นการหยุดความคิดของเธอ ตอนเพราะเธอก็ตกใจกับคำว่า “แจ้งตำรวจ” อยู่แล้ว แต่เมื่อผ่านไปหนึ่งวินาที เธอจึงสามารถดึงสติกลับมาได้
นี่คือคำตอบของเซิ่งเจ๋อเฉิง หากพูดไปแล้วเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย
เสิ่นอีเวยรู้จักเขามาก็หลายปีอยู่ และรวมกับการแต่งงานที่อยู่กินกับเขามาหลายปี แม้นว่าจะไม่ใช่การรู้จักกันมานาน แต่อย่างน้อยก็เคยอยู่ด้วยกันมา และรวมกับที่เธอเคยอยู่ในบริษัทมาชั่วหนึ่ง ดังนั้นเลยทำให้เห็นทุกสิ่งอย่างที่เขาทำเพื่อบริษัทและการจัดการกับคู่แข่งอย่างน่ากลัว
ในส่วนนี้ขอบแรกที่หมี่ย่าที่โดนเสิ่นอีเวยตำหนิไม่กี่คำ ก็เลยมีการใส่ร้ายป้ายสีเธอ แต่กับเซิ่งเจ๋อเฉิงได้พูดกับเธอว่า คนเหล่านี้จะไปอ่อนข้อให้ไม่ได้เลย
ผู้ชายคนนี้สามารถแยกแยะความถูกผิดได้อย่างชัดเจน สิ่งที่ไม่ได้เกิดประโยชน์กับเขา เขาก็จะไม่เอาไว้ในสายตา
แต่ว่าด้วยนิสัยที่สุขุมและคิดว่าตัวเองนั้นสุดยอดที่สุดเช่นนี้ของเขา ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับด้านคุณธรรมแม้แต่นิดเดียว
คนอย่างเซิ่งเจ๋อเฉิงที่ในใจเต็มไปด้วยความเพียบพร้อมของการเป็นนักธุรกิจ ก็จะพร้อมให้ผลประโยชร์มาก่อนเสมอ แต่ว่าเสิ่นอีเวยสามารถชัดเจนแน่นอนได้ว่า เขาจะไม่มีทางที่จะไปทำผิดกฎหมายอย่างแน่นอน
“แจ้งตำรวจ ประธานเซิ่งจะทำแบบนั้นจริง ๆ หรือ ? มีเรื่องอะไรผมก็ค่อย ๆ คุยกัน” เจิ้งอวิ๋นชวนเริ่มมีน้ำเสียงที่อ่อนลง
เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่ได้คิดจะตอบเจิ้งอวิ๋นชวน เพียงแต่พูดอย่างเรียบ ๆ ว่า “คุณชายเจิ้ง ตอนนี้คุณมองออกหรือยัง ? คนที่มีอำนาจในการยกเลิกความร่วมมือนั่นคือ “ผม”