สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 220
บทที่ 220 เซิ่งเจ๋อเฉิงส่งเสิ่นอีเวยไปยังโรงพยาบาล
ในหัวของเสิ่นอีเวยเต็มไปด้วยเบลอสะลึมสะลือ เธอรู้สึกเพียงแต่ว่าหยุดอยู่ตรงที่เซิ่งเจ๋อเฉิงหันกลับมาหาเธอ ดังนั้นก็ไม่ได้ยินเซิ่งเจ๋อเฉิงเรียกชื่อตัวเธอเอง
ขณะที่เสิ่นอีเวยยังทิ้งร่างยังไม่ถึงพื้น เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ได้จับไปที่ไหล่ของเธอ
เซิ่งเจ๋อเฉิงมีสีหน้าที่สับสน ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ใจยิ่งเต้นยิ่งเร็ว ตอนที่เขากำลังหันมาเห็นเสิ่นอีเวยกำลังตกลงไปในตอนนี้ก็รู้ถึงความอันตรายขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
ในใจลึก ๆของเขาเต็มไปด้วยความสับสน ร่างกายของเสิ่นอีเวยมีความบอบบาง เขาเลยอุ้มเธอขึ้นมา
กำลังจะออกไปจากห้องนี้ แล้วมองไปยังเจิ้งอวิ๋นชวนด้วยสายตาที่น่ากลัวอย่างไม่เคยมีมาก่อน ทำให้รู้สึกถึงความกลัว
เจิ้งอวิ๋นชวนเห็นเสิ่นอีเวยเป็นลมลงกับพื้น ก็เลยมีความตกใจเล็กน้อย เพียงแต่เพื่อรักษาสภาพท่าทางตนเอง ก็เลยไม่ได้แสดงถึงความกลัวอะไร
แต่เจิ้งอวิ๋นชวนก็ยังไม่มีการควบคุมตัวเองเทียบเท่าเซิ่งเจ๋อเฉิงในระดับนั้น เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ได้มองไปยังเขาแล้วพูดว่า “คุณเจิ้ง เรื่องของคุณกับผม จะไม่มีการลดหย่อนแต่อย่างใด”
เจิ้งอวิ๋นชวนไม่ได้มีท่าทีอะไร แต่ว่าสายตาที่ได้มองเซิ่งเจ๋อเฉิงพูดเมื่อสักครู่นี้ ทำให้ค่อยๆเย็นชาไปอีก
พอพูดเสร็จซ่งเจ๋อเฉิงก็ได้นำเสิ่นอีเวยอุ้มออกไปจากนอกห้องนี้
ในอ้อมกอดเสิ่นอีเวยมีการขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนกำลังสู้กับความเจ็บปวด เซิ่งเจ๋อเฉิงก็เดินอย่างรวดเร็ว เขาก็ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นอะไรกัน
พอได้ยินหลินอวี้พูดถึงเสิ่นอีเวยต้องการทางติดต่อกับเจิ้งอวิ๋นชวนก็รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ที่กล้าทำอะไรโดยพลการ ที่โมโหไปกว่านี้คือเธออยากจะไปหาเจิ้งอวิ๋นชวนด้วยตนเอง
นี่คือสิ่งที่เขาโกรธที่สุด
เซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นคนที่รู้จักตัวเองดี ความจริงเรื่องขอวันนี้ที่เกิดขึ้น เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีที่เกินเลยอะไรออกไป
แต่ว่าเพราะอะไร เมื่อสักครู่นี้ตอนที่เสิ่นอีเวยกำลังจะล้มลงไป เขาก็รู้สึกมีความรู้สึกที่ผิดแปลกไปตามเดิม ไม่รู้ว่าเสิ่นอีเวยจะเป็นลมด้วยเหตุอะไร แต่มันเกิดในที่ของเจิ้งอวิ๋นชวน ดังนั้น ผู้ชายคนนี้จะต้องมีอะไรแน่ ๆ
นี่ก็เพราะอะไร ทำไมเขาจะต้องพูดจาแบบนั้นใส่เจิ้งอวิ๋นชวนด้วย
เซิ่งเจ๋อเฉิงได้อุ้มเสิ่นอีเวยไปยังท้ายรถ และได้ไปขับรถ และบังเอิญเจอกับช่วงระยะเวลาที่ผู้คนเพิ่งเลิกงาน
ท้องฟ้าก็เหมือนจะฝนจะตกลงมา มือนั้นจับพวงมาลัยอย่างแน่น
รถก็มีมากมาย บวกกับไฟแดงที่เห็นอยู่ไกล ๆ ยิ่งทำให้เขานั้นยิ่งอึดอัดร้อนรนใจ
และระยะโอกาสที่ไฟเขียวอยู่นั้น เขาก็ได้มองผ่านกระจกไปมองยังสีหน้าของเสิ่นอีเวย และด้วยผิวที่ขาวแน่นอน เจอเหล้านิดหน่อยก็แสดงสีหน้าออกชัดเจน และในเวลานี้สีหน้าของเขาเหมือนคนเมาและขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใจของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็เริ่มมีความกังวลขึ้นมาแล้ว
เขาคิดว่าเขาเกลียดผู้หญิงคนนี้และทำอะไรเกินเลยกับผู้หญิงคนนี้ไปตอนไหน ?
ในระยะเวลาที่จำกัดเขาก็ไม่ได้คิดถึงคำตอบอะไรออกมา
ทันใดนั้น หัวสมองของเขาก็ได้เหมือนมีแสงระยิบระยับเข้ามา สิ่งที่เสิ่นอีเวยทิ้งลงบนพื้นก็คือเหล้าขาวตะวันตกได้ขึ้นภาพมายังหัวของเขา หากฟังคำพูดของเจิ้งอวิ๋นชวนในความหมายของเขาแล้ว ผู้หญิงคนนี้ดื่มเหล้านั้นจนหมดขวด
เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่มีนิสัยดื่มเหล้าเป็นประจำ แต่ว่าเพราะฐานะที่พิเศษ เลยจะต้องมีการดื่มบ้างเป็นธรรมดา ความรู้ของเหล้าก็ไม่ได้น้อยเลยสักนิด
เมื่อสักครู่ได้เข้าไปในห้องนั้นก็ได้เห็นเสิ่นอีเวยถือขวดเหล้านั้นอยู่
เหล้า bckble โดยมีส่วนประกอบมากกว่าสี่สิบชนิด ซึ่งขณะนี้เป็นเหล้าวิสกี้ระดับสูงอันดับหนึ่งของโลก
เหล้ามีระดับ ดีกรีเหล้าก็มีระดับเช่นกัน หากคนธรรมดาดื่มเข้าไปแล้วไม่อ้วกก็น่าจะอ้วกออกมาเป็นครึ่งชีวิต
พอคิดถึงตรงนี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงสีหน้าก็เริ่มครึ้มอีกแล้ว หากไม่ใช่เพราะเขาขับรถ เขาก็ต้องถามเสิ่นอีเวยอย่างแน่นอน
เซิ่งเจ๋อเฉิงยอมรับว่าเกลียดเสิ่นอีเวย ดังนั้นแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยใช้เวลากับเธอแม้แต่นิดเลย แต่เมือเป็นเช่นนี้ หลังจากการแต่งงานผ่านไปสองปี เขารู้ว่าระดับการดื่มเหล้าของผู้หญิงคนนี้อ่อนมาก
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เซิ่งเจ๋อเฉิงได้จอดรถ ณ โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เขาได้ลงรถและอุ้มเสิ่นอีเวยออกมา
หลังจากการตรวจสอบประวัติ หาสาเหตุ และการทำเรื่องต่าง ๆแล้วใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมง พยาบาลก็ได้นำตัวเข้าสู่ห้องพิเศษ
คุณหมอได้เดินเข้ามาหาเซิ่งเจ๋อเฉิง และได้บอกว่า “ดื่มเหล้ามากไป เลือดออกกะเพรา”
เพียงแค่แปดคำ ใจของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็รู้สึกหดลงไป ซึ่งคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่เอาชีวิตแล้ว
ผมเผ้าของเสิ่นอีเวยยุ่งเหยิงไปหมด แต่ผสานกับใบหน้าแก้มทั้งสองข้างของเธอ สีผมที่ดกดำตรงนั้น ขนตาที่งอนยาว และตาที่หลับอยู่ ทำให้เกิดความสงบอย่างเป็นที่สุด เนื่องจากเป็นเพราะความรู้สึกไม่สบาย และในความเงียบสงบทำให้รู้สึกถึงความจืดชืด
หมอที่อยู่ข้าง ๆ ก็ไม่ได้พูดอะไรกับเซิ่งเจ๋อเฉิง ในใจก็เต็มไปด้วยความสงสัย ความจริงแล้วหมอคนนี้อายุก็ไม่ได้มาก เดา ๆแล้วก็ประมาณสามสิบต้น ๆ
หมอได้มองไปยังเซิ่งเจ๋อเฉิงที่มีสีหน้าที่ไม่ได้ปรากฏท่าทางอะไร ในเมื่อมีอาชีพหมอ อาชีพที่อ่านคนออกมาอย่างมากมาย แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาทำให้ตัวหมอเองรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
ความหมายไม่เป็นตัวของตัวเองไม่ใช่ความหมายอื่น แต่เป็นบรรยากาศที่ผู้ชายคนนี้นำพามา ทำให้คนนั้นจะต้องเอาสติทั้งหมดมองไปยังตัวเขา
เมื่อมองสถานการณ์แล้ว หมอก็ไม่ได้อยากจะพูดอะไร แต่ว่าหมอที่กำลังมองดูผลการตรวจของเสิ่นอีเวยก็ได้หยุดชะงักลง เพราะว่าตัวอักษรในกระดาษสีขาวนั้นได้ดึงดูดสายตาของเขา
หมอได้เดินเข้าไปหาเซิ่งเจ๋อเฉิงแล้วพูดว่า “คุณเป็นญาติของผู้ป่วยหรือเปล่า ? ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงได้ยินว่ามีคนกำลังพูดกับเขา และได้ย้ายสายตาจากเสิ่นอีเวยไป สีหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยความไร้อารมณ์ในความรู้สึก “ใช่แล้วครับ มีอะไรหรือเปล่า ?”