สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 245
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 245 คราวนี้เขาจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง
ในคืนนี้เป็นครั้งแรกที่ เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าเธอน่าจะหมกมุ่นกับเรื่องของเจิ้งอวี๋นชวนมากจนเกินไป
แม้ว่า ท่าทีของเซิ่งเจ๋อเฉิงทำกับเธอจะไม่ค่อยดีตลอดมา แต่เสิ่นอีเวยก็รู้อยู่แก่ใจว่า เขาเป็นคนที่ไว้วางใจได้ เขาปริปากบอกว่าเรื่องพวกนี้เธอไม่จำเป็นต้องกังวลหรือคิดมาก งั้นก็แสดงว่าเขามีแผนรับมือที่รอบคอบไว้อยู่แล้ว
“เอาล่ะ ในเมื่อคุณได้ตัดสินใจลงไปแล้ว ฉันก็คงไม่ต้องพูดอะไรมากอีก สาเหตุที่ฉันถามคำถามนี้ก็เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะฉัน” เสิ่นอีเวยพูดอย่างราบเรียบ
เซิ่งเจ๋อเฉิงหันหน้าไปจ้องเธอและพูดต่อ: “แม้ว่าเธอเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ แต่เธอไม่ต้องกังวลอะไร ฉันจะจัดการเอง”
หลังจากพูดจบเซิ่งเจ๋อเฉิงก็เดินออกไปจากห้องนอนของเสิ่นอีเวย
เสิ่นอีเวยยืนอยู่ที่เดิมอย่างเหม่อลอย เซิ่งเจ๋อเฉิงก้าวไปไม่กี่ก้าวก็หันหลังกลับมาพูดกับเสิ่นอีเวย: “อ้อ มีอีกเรื่องหนึ่ง คืนนี้ฉันจะนอนที่นี่ ต่อไปทุกคืนก็จะนอนที่นี่ด้วย”
หลังจากพูดจบ เขาก็หายแวบไป
เสิ่นอีเวยยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่พักหนึ่ง คืนนี้เขาจะนอนที่นี่? หมายความว่ายังไง? ห้องของเธอ?
เสิ่นอีเวยรู้สึกตื่นเต้น เธอใจจดใจจ่อฟังเสียงจากชั้นล่าง ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงน้ำไหลและเสียงถ้วยชามกระทบกันในห้องครัว
เสิ่นอีเวยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย คนอย่างเซิ่งเจ๋อเฉิง… กำลังล้างจาน?
ประธานบริษัทที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี กลับเข้าไปในครัวเพื่อทำข้าวผัดไข่ให้เธอกิน หลังจากเธอกินเสร็จแล้วยังไปล้างจานให้เธอด้วย เซิ่งเจ๋อเฉิงกินยาลืมเขย่าขวดหรือเปล่า? หรือสมองได้รับการกระทบกระเทือนตรงไหน?
เสิ่นอีเวยเริ่มสับสน คิดนึกย้อนไปมากับเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ จึงไม่ทันได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินขึ้นมาที่ชั้นบน
เซิ่งเจ๋อเฉิงผลักประตูเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างหน้าล้างตา การกระทำดังกล่าวเป็นขั้นเป็นตอนเหมือนทำอยู่เป็นกิจวัตรประจำวัน
เสิ่นอีเวยเบ้ปาก ยังไงก็ตามเขาและเธอเป็นสามีภรรยากันตามกฎหมาย การที่จะนอนห้องเดียวกันเป็นเรื่องธรรมดา บวกกับ…..ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้เกิดวิกลจริตอะไรขึ้นมา ถึงได้ทำดีกับเธอขนาดนี้ แม้ว่าการแสดงออกจะใช้กำลังไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่ แต่ว่า ถ้ารวมๆแล้วการกระทำของเขาดีขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก ตอนนี้เธอก็ไม่ควรไล่เขาออกไปจากห้องเสียด้วย
หลังจากคิดทบทวนไปมาอยู่หลายรอบ เสิ่นอีเวยก็พูดกล่อมตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
จากนั้นทั้งสองก็หลับกันอย่างเงียบๆ แม้ว่าระหว่างเธอกับเขาจะมีระยะห่างกันประมาณยี่สิบเซนติเมตรก็ตามที แต่ก็สามารถรู้สึกถึงอุณหภูมิของร่างกายของอีกฝ่ายได้
ในความมืด เสิ่นอีเวยแทบจะกลั้นหายใจไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ที่จริงแล้วตั้งแต่ที่แต่งงานกันมา ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เคยนอนเตียงเดียวกันมาก่อน แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ครั้งนี้ ใจของเสิ่นอีเวยเต้นระส่ำกว่าเมื่อก่อน
บางทีอาจเป็นเพราะสิ่งที่เซิ่งเจ๋อเฉิงทำเพื่อเธอในคืนนี้ หรืออาจเป็นเพราะความรู้สึกของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย สรุปแล้วมันเป็นอย่างไหนกันแน่ เสิ่นอีเวยก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูก?
อาจเป็นเพราะ เซิ่งเจ๋อเฉิงอ่อนเพลีย ไม่นานเสิ่นอีเวยก็ได้ยินเสียงหายใจแรง เขาคงหลับสนิทไปแล้ว ในสมองของเธอแวบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องคนไข้ของเสิ่นหุ้ย เธอได้กลิ่นน้ำหอมของสวี่อันฉิง
เธอเม้มริมฝีปากเบาๆ ในใจก็อยากบอกเรื่องนี้กับเซิ่งเจ๋อเฉิง แต่ก็ไม่ได้บอกออกไปเพราะเซิ่งเจ๋อเฉิงเหมือนจะหลับไปแล้ว
ถ้าอย่างนั้น ค่อยหาเวลาอื่นบอกเขาแล้วกัน อีกอย่างคืนนี้เธออยากรู้ว่าตอนแรกที่ให้สวี่อันฉิงออกจาก บริษัทเซิ่งซื่อเขาพูดยังไงกับเธอ ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมาทำไมสวี่อันฉิงพยายามเข้ามาใกล้ชิดกับพวกเขาตลอด?
เมื่อนึกถึงคำถามเหล่านี้สมองของเสิ่นอีเวยก็เริ่มตื่นตัวมากขึ้น แต่ช่วงนี้มีเรื่องราวมากมายถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อนจนทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย สุดท้ายเธอก็ไม่สามารถเอาชนะร่างกายที่อิดโรยได้ ในที่สุดเสิ่นอีเวยก็เผลอหลับไปอย่างไม่รู้เรื่อง
เมื่อเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าก็สว่างไสวแล้ว อาจเป็นเพราะช่วงนี้เธอเหน็ดเหนื่อยกับเรื่องต่าง ๆเธอไม่ได้หลับจนอิ่มถึงตื่น แต่เป็นเพราะฝันร้ายจนสะดุ้งตื่น ตอนที่ลืมตาขึ้นมาในห้องมีแสงแดดสาดส่องเข้ามา
เสิ่นอีเวยยกมือขึ้นคลำหาโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะข้างเตียง มองดูเวลาครู่หนึ่ง ตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงเช้าแล้ว เธอสะดุ้งตกใจด้วยความเคยชินว่าวันนี้เป็นวันทำงานเป็นเวลาที่เธอจะต้องถึงบริษัทแล้วแต่พอได้สติก็นึกถึงเรื่องที่คุยกับเซิ่งเจ๋อเฉิงเมื่อคืนนี้
พอนึกถึงเซิ่งเจ๋อเฉิน เสิ่นอีเวยก็หันหน้าไปทางที่เขานอนอยู่เมื่อคืนแต่ตอนนี้มันกลับว่างเปล่าอุณหภูมิที่ผ้าปูกับผ้าห่มเย็นเฉียบ
เพียงชั่วครู่หนึ่ง เสิ่นอีเวยรู้สึกใจหายเล็กน้อย แต่ไม่ช้าความรู้สึกนั้นก็จางหายไป
คงเป็นเพราะเมื่อคืนเธอนอนฝันหลับสนิทก็เลยไม่รู้ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงลุกไปจากเตียงตอนไหน ดูจากท่าทีของเขาแล้วชายคนนี้คงไม่อยากให้เธอเข้าไปทำงานในบริษัทเซิ่งซื่ออีก
เขาคงรู้ว่าเธออาจจะนอนหลับยาวก็เลยไม่คิดจะปลุก
เสิ่นอีเวยคิดเช่นนี้แล้วรู้สึกอารมณ์เสีย แต่ว่าจะไปสนใจทำไม!
ถึงยังไงเขาก็รับปากแล้ว อนุญาตให้เธอทำงานที่เซิ่งซื่อต่อไปได้ คำพูดประโยคนี้ เธอจำได้อย่างแม่นยำ
เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว เสิ่นอีเวยลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็วแล้วเข้าไปในห้องน้ำ จัดการล้างหน้าล้างตาแต่งตัวจะเข้าไปที่บริษัท แต่หลังจากที่เธอเพิ่งจะล้างหน้าล้างตาเสร็จเดินออกมาจากห้องน้ำกลับได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
เสิ่นอีเวยเอาผ้าเช็ดหน้าออกจากมือ แล้วเดินไปที่ข้างเตียง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เธออดไม่ได้ที่จะทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะมีคำสามคำกำลังกระพริบอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของเธอ
เสิ่นเหยียนชิ่ง
ทำไมคนคนนี้ถึงได้โทรหาเธอ? เสิ่นอีเวยรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก เธอไม่อยากรับสายจากนั้นก็เลื่อนบัดเพื่อวางสายเขา
เสิ่นอีเวยเปิดประตูตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเสื้อสูทกับกางเกงออกมากำลังจะลองดูว่าเข้ากันหรือเปล่า แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกไฟโกรธของเสิ่นอีเวยครู่เดียวก็ลุกโชน
หล่อนรีบเดินไปหยิบโทรศัพท์เพื่อรับสายและอยากจะต่อว่าเสิ่นเหยียนชิ่งสักหน่อย จนถึงตอนนี้แล้วยังจะตามมารังควานเธออีก แต่ครั้งนี้พอดูหน้าจอมือถือชื่อกลับปรากฏจนทำให้เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง
เซียวหันถิง
คนๆนี้เธอไม่ได้ติดต่อกับเขามานานเท่าไรแล้ว? เสิ่นอีเวยแทบจำไม่ได้
แม้ว่าระหว่างเขากับเธอจะมีสัญญาเรื่องบางเรื่องต่อกัน แต่เพราะช่วงนี้เธอยู่งจนหัวหมุนก็เลยไม่ได้ติดต่อกับเซียวหันถิงอีก อยู่ดีๆเขาโทรหาเธอในตอนนี้ มีเรื่องอะไรกันแน่?
เสิ่นอีเวยใช้มือเรียวงามของเธอปัดรับสายบนหน้าจอมือถือ : “สวัสดีค่ะ ประธานเซียว” เสียงของเธอราบเรียบ
“ไอ้หยา หลานสาวที่รักของอา ประธานเซียวบอกว่าถ้าอาใช้เบอร์โทรของตัวเองโทรไปหลานต้องไม่รับแน่ ๆ!” เสียงที่ส่งมาตามสายกลับไม่ใช่เสียงของเซียวหันถิง
เสิ่นอีเวยถึงกลับตกใจอยู่ไม่น้อยจนเกือบทำมือถือหล่นจากมือ เพราะว่าเสียงที่ลอดมาตามสายนั้นเป็นเสียงของเสิ่นเหยียนชิ่จากปลายอีกด้านของโทรศัพท์
เสิ่นอีเวยโกรธจนริมฝีปากสั่นเทา เธอตะโกนใส่โทรศัพท์: “ทำไมถึงเป็นอาได้ล่ะ! นี่เป็นเบอร์ของเซียวหันถิงไม่ใช่หรอ?”
“ใช่ ผมเอง” ตอนนี้เสียงปลายสายเป็นเสียงของเซียวหันถิงแทน
เสิ่นอีเวยพยายามระงับสติอารมณ์แล้วถามกลับไปว่า: “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ทางด้านเซียวหันถิงที่อยู่ปลายสาย เขายกแก้วจิบชาไปอึกหนึ่งแล้วมองคนตรงหน้าอย่างเหยียดๆ เสิ่น
เหยียนชิ่ง กำลังทำสายตาอ้อนวอนมาที่เขา
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงานกับปลายสายว่า :”คุณจำได้ไหมว่าเราเจอกันครั้งสุดท้ายที่ไหน? ถ้าคุณมีเวลาช่วยไปที่นั่นหน่อย คราวนี้ผมรับประกันว่าข้อมูลที่ได้รับจากเสิ่นเหยียนชิ่ง จะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน