สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 246
บทที่ 246 นัดพบกับเซียวหันถิง
หลังจากเซียวหันถิงพูดประโยคนี้จบ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เสียงในโทรศัพท์เงียบลง
ในหัวของเสิ่นอีเวยมืดมัวเลือนราง สมองรีบครุ่นคิดพลันถามออกมาว่า:”ทำไมคุณถึงอยู่กับเสิ่นเหยียนชิ่งได้แล้วพวกคุณติดต่อกันมานานแค่ไหนแล้ว”
เสิ่นอีเวยต้องการแน่ใจว่าตัวเองไม่ใช่คนปัญญาอ่อน คนอย่างเซียวหันถิงอยู่ๆก็ไปติดต่อกับเสิ่นเหยียนชิ่งแล้วตอนนี้สองคนนี้ก็ยังอยู่ด้วยกันอีกด้วย
หล่อนไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดที่จะคิดว่าสองคนนั้นไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นใดแอบแฝง
“คุณเสิ่นมาที่นี่ก่อนเถอะครับ พวกเราจะรอคุณที่นี่ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเสียชีวิตของคุณพ่อคุณแม่คุณ เมื่อคุณมาเรื่องทุกอย่างก็จะคลี่คลาย
เรื่องของพ่อกับแม่ในตอนนั้น ใจหล่อนอยากจะถามอะไรเพิ่มเติมอีก
ในใจหล่อนเองก็รู้ดีว่า สิ่งที่เซียวหันถิงพูดเมื่อครู่ ไม่ใช่ว่าเขาคิดจะปั่นหัวหล่อน เพราะเขาเองก็เป็นฉลาดไหวพริบดี ในเมื่อเขานัดให้หล่อนไปพบแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรทางโทรศัพท์ให้มากความ
เสิ่นอีเวยรู้จักเซียวหันถิงดี จึงไม่ได้ถามอะไรเขาอีก
“ได้ ฉันจะรีบไป”น้ำเสียงของหล่อนเรียบเฉย ไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกในใจเลยแม้แต่น้อยนิด
หลังจากวางสายหล่อนก็ไม่มีท่าลังเลสงสัยแม้แต่น้อย รีบเก็บข้าวของทันที
ในสมองหล่อนมีเพียงประโยคนั้นของเซียวหันถิงที่บอกหล่อนว่า เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่ในตอนนั้น สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจหล่อนได้มากพออยู่แล้วบวกกับเสิ่นเหยียนชิ่งก็อยู่ที่นั่นด้วย ยิ่งทำให้หล่อนใจจดใจจ่อรอการพบกันครั้งนี้มากขึ้นไปอีก
ปกติเสิ่นอีเวยไม่ใช่คนใจร้อน โดยเฉพาะเรื่องการขับรถ แต่วันนี้อาจเพราะสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป หล่อนขับด้วยความเร็ว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีการทำผิดกฎจราจร แต่ก็ขับเร็วกว่าปกติ
เสิ่นอีเวยรู้ดีว่าตอนนี้ จะใช้คำว่ายิ่งเข้าใกล้ความจริงก็ยิ่งกลัวก็อาจจะไม่เหมาะนัก แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ในใจหล่อนก็คิดแบบนี้เช่นกัน ใจหนึ่งก็เฝ้ารอว่าเซียวหันถิงจะได้ข่าวคืบหน้าอะไรมา ใจหนึ่งกลับกังวลว่าหากเรื่องนี้เกี่ยวโยงกับคนอีกหลายๆคนหล่อนจะทำอย่างไร
แน่นอนว่าคนที่หล่อนคิดไว้ในใจนั้นก็คือเซิ่งเจ๋อเฉิง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่หล่อนเมื่อหลายปีก่อนนั้นเกิดขึ้นในงานที่คฤหาสน์ของตระกูลเซิ่งเป็นคนจัด หล่อนจึงไม่อาจมั่นใจได้เต็มร้อยว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงรู้เห็นกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นหรือไม่
ยิ่งครุ่นคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ หล่อนก็เริ่มหายใจไม่เป็นจังหวะ ความคิดในสมองหล่อนก็เริ่มสับสนวุ่นวาย หล่อนพยายามควบคุมสติให้ได้ ตามองไปข้างหน้า ละสายตาจากรถที่อยู่รอบข้าง
สิบห้านาทีต่อมา รถของเสิ่นอีเวยก็มาจอดที่ๆครั้งก่อนหล่อนมากินข้าวกับเซียวหันถิง โรงแรมแห่งนี้อยู่ริมแม่น้ำ มองจากด้านนอกเป็นอาคารสไตล์คลาสสิก ภายในตกแต่งแบบวินเทจ
เมื่อสักครู่ที่หล่อนคุยกับเขาทางโทรศัพท์ดูเหมือนว่าเขามีเรื่องสำคัญที่จะบอกหล่อนโดยเฉพาะ จึงไม่น่าจะมากินข้าวที่นี่ ด้วยเหตุนี้จึงมีพนักงานต้อนรับที่สวมชุดจีนยาวโบราณนำหล่อนไปที่ร้านน้ำชาข้างๆโรงแรม
เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นไม้ เกิดเสียงดังกังวาน ลมพัดโชยเบาๆส่งกลิ่นหอมอ่อนๆของชาลอยมา เสิ่นอีเวยเป็นคนที่ชอบดื่มชาอยู่แล้วเมื่อได้กลิ่นที่คุ้นเคยจึงทำให้จิตใจที่กำลังสับสนวุ่นวายอยู่นั้นผ่อนคลายลงบ้าง
หล่อนจึงรีบฉวยจังหวะนี้รีบสาวเท้าไปยังจุดที่เซียวหันถิงรออยู่ให้เร็วขึ้น
พวกเขานั่งอยู่ริมหน้าต่าง มองออกไปเป็นวิวแม่น้ำกว้างใหญ่
เป็นเพราะยังอยู่ในช่วงเช้าจึงมีลูกค้ามาใช้บริการไม่มาก แต่ในความว่างเปล่านั้นก็ไม่ได้มีความเงียบเหงา แต่กลับแฝงไว้ซึ่งความเงียบสงบ จึงเป็นสถานที่ๆเหมาะที่จะนัดพูดคุยกันอย่างยิ่ง
เสิ่นอีเวยหยุดยืนอยู่ข้างๆเซียวหันถิงก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบว่า:”ประธานเซียวไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ”
เซียวหันถิงลุกขึ้นยืน เขายังคงมีบุคลิกที่หล่อเหลาดูดีเช่นเดิม สูทที่เขาสวมใส่ตัดเย็บมาอย่างประณีตทำให้เขายิ่งดูภูมิฐานมากยิ่งขึ้น
“ไม่เจอกันนานเช่นกันครับ คุณเสิ่น” สีหน้าท่าทางดูอบอุ่นตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
วินาทีต่อมา เขายื่นมือออกมา เสิ่นอีเวยก้มลงมอง หล่อนลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนจะยื่นมือออกไปจับมือเขา
ฝ่ามือของเซียวหันถิงใหญ่ ผิวแห้งแต่อบอุ่น มือของพวกเขาสัมผัสกันครู่หนึ่ง พอรู้ตัวเสิ่นอีเวยเตรียมจะดึงมือตัวเองออกมา แต่ก็ดึงไม่ออก หล่อนเริ่มตระหนก เงยหน้ามองเซียวหันถิง
ร่างของชายหนุ่มสูงใหญ่กว่าหล่อนมาก หล่อนต้องเงยหน้ามองเขาพร้อมกับรู้สึกถึงคงความกดดัน
เซียวหันถิงหันหลังให้กับเสิ่นเหยียนชิ่ง ใบหน้าของเขาตอนนี้ไม่เหมือนกับที่ยิ้มแย้มอย่างเมื่อครู่แล้ว แต่กลับแฝงความจริงจัง สายตาจับจ้องอยู่ที่เสิ่นอีเวยมีความเคร่งขรึมดุดัน
เสิ่นอีเวยไม่รู้ว่าตนเองมองผิดไปหรือเปล่า ที่หล่อนรู้สึกเหมือนว่ามองเห็นความเห็นอกเห็นใจมาจากสายตาเขา
ในขณะที่หล่อนกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น อยู่ๆเขาก็ยอมปล่อยมือออก หล่อนตกใจ แต่ก็ได้สติกลับมา
“เชิญนั่ง “เซียวหันถิงกล่าวเชื้อเชิญ
เสิ่นอีเวยนั่งลงที่เก้าอี้ข้างทางเดิน
สายตาของเสิ่นอีเวยที่มองใบหน้าเซียวหันถิงเลื่อนมามองที่ใบหน้าของเสิ่นเหยียนชิ่งแทน เมื่อได้สบตากับเขา ฝ่ายหลังก็ยิ้มออกมาอย่างหน้าไม่อาย
“ทำไมอาถึงมาอยู่ที่นี่” เสิ่นอีเวยเอ่ยปากถามเขาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาอย่างชัดเจน
เสิ่นเหยียนชิ่งวางแก้วน้ำชาในมือลงบนโต๊ะ แล้วยื่นไม้ยื่นมือไปทางเซียวหันถิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามแล้วพูดด้วยท่าที…ว่า: “ก็ประธานเซียวเรียกอามาไง แล้วยังบอกว่าหลานสาวเองก็จะมาที่นี่ด้วย”
เสิ่นอีเวยได้ยินสรรพนามที่เขาใช้เรียกตัวเอง ในใจหล่อนก็เกิดปฏิกิริยาอย่างรุนแรง จึงพูดกับเขาว่า”อยู่ข้างนอก คุณไม่ต้องเรียกฉันว่าหลานสาว ตัวคุณรู้ดีอยู่แก่ใจ ตั้งแต่ก่อนที่พ่อกับแม่ฉันจะเสียชีวิตเราก็ตัดญาติขาดมิตรกันไปแล้ว คุณเรียกฉันว่าคุณเสิ่นก็ได้”
สำหรับเสิ่นอีเวยแล้ว เสิ่นเหยียนชิ่งก็เหมือนกับขนมงาตัดที่เหนียวจนสะบัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุด เมื่อก่อนไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เซิ่งเจ๋อเฉิงจะเสนอตัวว่าจะช่วยแก้ปัญหาของหล่อนเรื่องที่เสิ่นเหยียนชิ่งมาวุ่นวายในชีวิตหล่อนให้ แต่ว่านอนนี้เขาก็มาปรากฏตัวตรงหน้าหล่อนอีกครั้ง แถมยังนั่งร่วมโต๊ะเดียวกันกับหล่อนอีกด้วย
เสิ่นอีเวยสาบานเลยว่าถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดของเซียวหันถิงในโทรศัพท์เมื่อครู่ หล่อนไม่มีทางมาพบคนๆนี้แน่นอน
หากแต่ว่าบางครั้งก็เหมือนโชคชะตากำลังเล่นตลกกับมนุษย์ ไม่มีอะไรแน่นอนตายตัว
ดังนั้นคนที่เชิญหล่อนมาที่นี่เป็นเซียวกันถิงไม่ใช่เสิ่นเหยียนชิ่ง หากหล่อนมีข้อสงสัยอะไรก็ควรจะต้องถามกับเซียวหันถิง
เสิ่นอีเวยมองไปยังเซียวหันถิงแล้วถามว่า : “ประธานเซียวคะ เรื่องที่คุณบอกฉันทางโทรศัพท์นี่ตกลงว่ามันคือยังไงกันคะ”
เซียวหันถิงไม่ได้ตอบออกมาในทันที เขามองไปที่เสิ่นเหยียนชิ่งที่นั่งฝั่งตรงข้าม สีหน้าเรียบเฉย เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า: “เล่าเรื่องที่คุณรู้ทั้งหมดให้คุณเสิ่นฟัง เอาให้ละเอียดที่สุด”
เสิ่นอีเวยถูกดึงความสนใจทั้งหมดไปที่ประโยคที่เขาพูด หล่อนหันมาสบตาเสิ่นเหยียนชิ่ง
เสิ่นเหยียนชิ่งรู้ว่าเซียวหันถิงเป็นคนแบบไหนตั้งแต่แรกที่ถูกเขาพบตัวแล้ว จึงไม่กล้าเล่นตุกติกอะไร
เสิ่นเหยียนชิ่งมองเสิ่นอีเวยด้วยท่าทีเลิ่กลั่กก่อนจะพูดว่า: “หลายปีก่อนนั้นที่งานเลี้ยงของบ้านตระกูลเซิ่ง คนที่บงการพนักงานเสิร์ฟให้วางยาพ่อกับแม่ของเธอก็คือฉันเอง”